วิเคราะห์ตามหลักการระบาดวิทยาที่ ศบค. เคยอธิบายมาตลอด ระยะฟักตัวโควิด 14 วัน คาดพ้นด่านแรก 25 ก.ค. ต่อด้วยระยะความเสี่ยงต่ำ 28 วัน คาดกลับสู่ปกติ 8 ส.ค. แต่ต้องไม่มีผู้ป่วยรายใหม่ในจังหวัดเข้ามาเลย ถ้ามีขึ้นมาก็เท่ากับสูญเปล่า
รายงาน
กรณีที่ทหารอียิปต์ถูกตรวจพบเชื้อโควิด-19 หลังลงเครื่องที่ท่าอากาศยานอู่ตะเภา พักแรมที่โรงแรมดีวารี จังหวัดระยอง และไปชอปปิ้งที่ศูนย์การค้าแพชชั่น (ห้างแหลมทอง ระยอง) และเซ็นทรัลพลาซา ระยอง จนผู้คนต่างพากันหวาดผวา
แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะออกมาเรียกร้องให้ประชาชนใช้ชีวิตปกติ รวมทั้ง นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) จะอ้างว่าไม่ต้องกังวล ห้างฯ ทำความสะอาดแล้ว ยังใช้พื้นที่ได้ปกติเหมือนเดิม
แต่ความกังวลของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นชาวจังหวัดระยอง และนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปพักผ่อนท่องเที่ยวยังไม่หายไป เห็นได้ชัดจากความเสียหายอย่างมหาศาล ที่โรงแรมที่พักถูกยกเลิกการจองเกือบทั้งหมด
หากจะย้อนไปถึง “หลักการระบาดวิทยา” ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เคยอธิบายมาตลอด ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นี้ก็คือ ระยะฟักตัวของเชื้อไวรัสโควิด-19 มีระยะเวลาที่ยาวที่สุด 14 วัน
แต่ยังคงมีระยะที่เรียกว่า “มีความเสี่ยงต่ำ” ที่ยังต้องเฝ้าระวัง คือ 28 วัน หรือคิดเป็น “สองรอบ” ของระยะฟักตัวที่ยาวที่สุด
เมื่อวิเคราะห์จากไทม์ไลน์ทหารอียิปต์ เฉพาะกลุ่มที่มีผู้ติดเชื้อไปเที่ยวห้างแหลมทอง ระยอง ปะปนกับผู้คนที่มาใช้บริการทั่วไป คือวันศุกร์ที่ 10 ก.ค. 2563 ก่อนเดินทางกลับวันเสาร์ที่ 11 ก.ค. 2563
นับจากวันที่ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มเติม วันที่ 1 คือ วันอาทิตย์ที่ 12 ก.ค. 2563 หากนับต่อไปจนพ้นระยะฟักตัว 14 วัน คาดว่าจะเป็น วันเสาร์ที่ 25 ก.ค. 2563
หลังจากนั้น จะเป็นระยะความเสี่ยงต่ำ นับต่อไปอีก 14 วัน จนครบ 28 วัน คาดว่าจะเป็น วันเสาร์ที่ 8 ส.ค. 2563
แต่กรณีนี้เป็นสมมติฐานที่ตั้งอยู่บนความเป็นจริง ณ ขณะนั้นว่า จังหวัดระยองจะต้องไม่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ออกมาอีกนับจากนี้ เท่ากับว่าระยะปลอดภัยที่ตั้งสมมติฐานข้างต้นจะต้อง “นับหนึ่งใหม่” ทั้งหมด
ตัวเลขที่รัฐบาล และ ศบค. พยายามแสดงให้เห็นว่า “ผลเป็นลบ” ใช่จะการันตีได้ว่าจะปลอดเชื้อ เพราะยังไม่พ้นระยะเวลาฟักตัว ซึ่งจะต้องมีการตรวจซ้ำเพื่อให้แน่ใจว่าบุคคลเหล่านั้นปลอดเชื้ออย่างแท้จริง
การจะเดินทางไปเที่ยวจังหวัดระยองในช่วงเวลานี้ แม้ภาครัฐและผู้สนับสนุนบางกลุ่มจะให้ประชาชนออกมาใช้ชีวิตที่นั่นตามปกติ แต่จะมีหลักประกันได้อย่างไรว่า หากเดินทางไปแล้วกลับมา จะไม่เกิดปัญหานับจากนี้
ขนาดก่อนหน้านี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดหลายจังหวัด ยังสั่งประชาชนที่กลับจากเดินทางท่องเที่ยวที่จังหวัดระยอง กักตัวเอง 14 วัน โรงเรียนหลายแห่งสั่งหยุดเรียน ถ้าเกิดคราวนี้เจอแจ็กพอตขึ้นมา ดีไม่ดีอาจกลายเป็นคนตกงานโดยไม่รู้ตัว
เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ในขณะนี้ยังไม่มีใคร “เอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง” เดินทางเข้าไปในจังหวัดระยอง และทำให้ภาคเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัดระยอง ต้องหยุดชะงักมาจนถึงทุกวันนี้
สถานการณ์อึมครึม จะเป็นเช่นนี้ไปจนกว่าภาครัฐจะมีมาตรการ “สร้างความเชื่อมั่น” ให้แก่ประชาชนทั้งประเทศ เกิดความเชื่อมั่นและกลับมาใช้ชีวิตที่จังหวัดระยอง ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีอะไรออกมา แม้แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นก็ยังไม่มีอะไรเป็นรูปธรรมนอกจากคำพูดเสมือนไม่เต็มใจว่า “ขอโทษก็แล้วกัน”
อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ยังไม่มีวัคซีนออกมา การดำเนินชีวิตประจำวันตามหลัก “ชีวิตวิถีใหม่” (New Normal) เช่น การสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า ล้างมือบ่อยๆ และรักษาระยะห่างระหว่างกัน เป็นสิ่งที่นำมาใช้ได้อยู่เสมอ