xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อลุงลำบากใจ ก็ไปดีกว่า เหตุผลง่ายๆ ของการตัดสินใจของ “สมคิดและสี่กุมาร” **ทหารอียิปต์-ครอบครัวทูตซูดาน ติดเชื้อโควิด ใช้สิทธิพิเศษเข้าประเทศไม่ต้องกักตัว 14 วัน ทำเอาโซเชียลไฟลุก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว




**เมื่อลุงลำบากใจ ก็ไปดีกว่า เหตุผลง่ายๆ ของการตัดสินใจของ “สมคิดและสี่กุมาร”

เข้าเรื่องเลย เรื่องปัญหาสุขภาพที่ “รองสมคิด” พูดคงใช่ แต่คงไม่ใหญ่เท่าสุขภาพจิต

การตัดสินใจออกจากตำแหน่งของ “สมคิดและทีม” ก็เพื่อเปิดทางให้การปรับคณะรัฐมนตรีที่เป็นอำนาจนายกฯ จัดการได้โดยไร้เงื่อนไข ซึ่งที่ผ่านมา มีแรงกดดัน บีบคั้นนายกฯจากการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักการเมือง โดยเฉพาะในพรรคพลังประชารัฐไม่หยุดหย่อนถึงกับส่งบรรดา ส.ส. ออกมาโจมตี “ลุงตู่” ตลอดเวลา เล่นไม่เลิก เล่นการเมืองจนถูกมองว่า นายกฯ กำลังปล่อยให้นักการเมืองกลุ่มนี้มาอยู่เหนือตัวเอง

จะไปว่า “ลุงตู่” ก็ไม่ได้ที่แกพูดก็ถูกว่า ส.ส.มาจากการเลือกตั้ง ผ่านเสียงของประชาชน พรรคก็เลือกกันมาอีกทีว่าจะให้ใครนั่งอะไร ยังไงประชาชนก็เลือกเขามา แต่ค้านลุงหน่อยนะ หน้าที่ของ ส.ส. คือ ออกกฎหมายนิติบัญญัตินะลุง ไม่ใช่มาขี่คอกันแย่งเก้าอี้ในยามบ้านเมืองกำลังวิกฤตแบบนี้

แว่วมาว่า งานนี้ “พี่ใหญ่” ไม่พอใจที่ “สี่กุมาร” ลาออกจากพรรค พปชร. ไปเป็นโควตาคนทำงานของนายกฯ จึงส่งลิ่วล้อออกมาสวนลุงตู่ตลอดเวลาว่า ตำแหน่งเหล่านี้ คือ โควตาพรรค ดั่งสำนวนที่ว่า...หัวไม่ให้ท้ายหางย่อมไม่กระดิก !!

“ลุงตู่” เองทางหนึ่งก็รับรู้ว่า วันนี้จะต้องมาถึง อีกทางก็เดินสายหาตัวตายตัวแทนไว้ แต่จะให้ลุงออกปากเองก็กระไรกับคนที่ช่วยจัดให้ทุกอย่างมาตั้งแต่ต้น ทั้งทำงาน ประสาน ตั้งพรรค อีกทั้งโพลคนพอใจในผลงานของ “ทีมสมคิดและสี่กุมาร” มากกว่ารัฐมนตรีคนอื่น... โดยเฉพาะ “สนธิรัตน์ และ อุตตม” ที่คะแนนนำลิ่ว

สมคิด จาตุศรีพิทักษ์
ไหนๆ ก็อุ้มกันมาถึงขนาดนี้ ก็ทำภารกิจสุดท้ายกับการช่วยนายกฯ ไม่ให้ต้องถูกกดดันทางการเมืองในการ “ปรับ ครม.” และไม่ให้เกิดความชะงักงันของการบริหารราชการ เพราะที่ผ่านมา ความไม่แน่นอนของการปรับ ครม. ทำให้เกิดภาวะชะงักงันในการบริหารงานหลายเรื่อง ทั้งจากฝ่ายการเมืองที่ลงไปล้วงลูกข้าราชการ จนไม่เป็นอันต้องทำงานให้รัฐมนตรี

แค่พลันที่มีข่าว “สมคิดและสี่กุมาร” ลาออกจากรัฐมนตรี เดิมที่วอนนาบีก็วิ่งกันฝุ่นตลบ จัดโผจัดตำแหน่งบีบนายกฯกันมาโดยไม่มีคำว่า “ยางอาย” กันอยู่แล้วก็ยิ่งได้ใจ ความอหังการ์ไม่เกรง “คนนินทา หมาดูถูก” ก็หนักข้อขึ้น

ดังโผมาล่าสุดว่า เก้าอี้กระทรวงพลังงานของ “สนธิรัตน์” ที่ว่างลง “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ตีตราจองแล้ว... แต่ก็อาจจะต้องบี้กับ “ไพรินทร์ ชูโชติถาวร” อดีตซีอีโอ ปตท. เด็กหลังบ้านที่พร้อมให้บริการสารพัดที่อาจจะเสกมาในโควตาของนายกฯ

หรือ “ปรีดี ดาวฉาย” จากค่ายแบงก์กสิกรไทย ที่เซย์โนไปก่อนหน้านี้ แต่มีผู้ใหญ่โทร.ไปขอให้มาทำหน้าที่ รมว.คลัง แทน “อุตตม”

เรื่องสี่กุมารไม่ได้ซับซ้อน วุ่นกันนักก็ขอไปพักผ่อน มันก็มีแค่นี้จริงๆ แต่ที่ลับ ลวง พราง น่ะพวกเล่นไพ่สองหน้า แกล้งอ่อนแอ ทำเป็นยอมแพ้ผู้ร้ายน่ะใครกันจ๊ะ ละครเรื่องนี้ไม่เนียนจริงๆ จับตาดูกันไม่นานนี่ล่ะ ว่าจะขาลงแล้วแจวเรือต่อกันไหวมั้ย

อุตตม สาวนายน - สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์
** ทหารอียิปต์-ครอบครัวทูตซูดาน ติดเชื้อโควิด ใช้สิทธิพิเศษเข้าประเทศไม่ต้องกักตัว 14 วัน ทำเอาโซเชียลไฟลุก ระยองปั่นป่วน ฝ่ายค้านรุมถล่ม “ลุงตู่” ต้องรีบลงพื้นที่ ก่อนสถานการณ์บานปลาย

พลันที่มีข่าว “ทหารอียิปต์” ที่ขอเข้ามาใช้สนามบินอู่ตะเภา ในการปฏิบัติภารกิจ และพักที่โรงแรมใน จ.ระยอง ซึ่งในจำนวน 31 คนที่เข้ามานั้นมี 1 คน ที่ตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 และยังได้เข้าไปเที่ยวห้างในตัวจังหวัด ทำเอา “ตื่นตูม” โกลาหลไปทั้งจังหวัด ... ยิ่งเมื่อมีกรณีครอบครัวของทูตประเทศซูดาน ที่เข้ามาที่กรุงเทพฯ แล้วตรวจพบว่า สมาชิกในครอบครัวที่เป็นเด็กหญิง 9 ขวบ ติดเชื้อโควิด-19 เช่นกัน ยิ่งทำให้กระแสตื่นกลัวลุกลามออกไปอย่างรวดเร็ว

ในโซเชียลมีการโพสต์ข้อความ ติดแฮชแท็ก ถล่มรัฐบาลอย่างหนัก โดยเฉพาะ “ศบค.” ที่ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นั่งเป็นประธาน ศบค. อยู่

ประเด็นที่สร้างความไม่พอใจถึงขั้น “โกรธแค้น” ก็คือ บุคคลทั้งสองคณะนี้ เข้าประเทศมาโดยใช้สิทธิพิเศษ ตามมาตรา 9 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ไม่ต้องกักตัวในสถานที่ของรัฐ 14 วัน เหมือนที่ ศบค. ปฏิบัติกับคนไทยที่เดินทางมาจากต่างประเทศ จึงกลายเป็นว่ารัฐบาลเลือกปฏิบัติ สองมาตรฐาน ให้สิทธิพิเศษกับต่างชาติเหนือคนไทย!!

เพราะก่อนหน้านี้ ช่วงที่ ผบ.ทบ.สหรัฐฯ และคณะเดินทางมาเข้าพบ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.และเข้าพบ “ลุงตู่” ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยไม่ต้องมีการกักตัว ก็สร้างความไม่พอใจให้กับสังคมมารอบหนึ่งแล้ว เพียงแต่หลัง ผบ.ทบ.สหรัฐฯ กลับไปแล้วยังไม่พบว่ามีใครติดเชื้อโควิด... เมื่อมาเจอกรณี “ทหารอียิปต์” และ “ครอบครัวทูตซูดาน” อารมณ์ของสังคมที่ยังคั่งค้าง ก็เลยปะทุออกมา...


โดยเฉพาะคำพูด และข้อความที่ทำให้รัฐบาล และ ศบค. ต้อง “เจ็บจี๊ด” ก็คือ... กำชับให้ประชาชน “การ์ดอย่าตก แต่รัฐบาลการ์ดตกเสียเอง” !!

และเมื่อเจ้าหน้าที่ติดตามสอบสวนโรค เข้าตรวจสอบโรงแรมที่ทหารอียิปต์เข้าพัก และห้างสรรพสินค้าที่ทหารกลุ่มนี้เข้าไปเที่ยว จ.ระยอง ก็เกิดความโกลาหลขึ้นทันที ผู้คนที่เข้าไปในห้างในช่วงเวลาเดียวกับที่ทหารอียิปต์ เข้าไปนั้นก็หวาดผวา เพราะตกเป็นกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อ มีการสั่งปิดห้าง ปิดโรงเรียน... ธุรกิจภาคบริการ การท่องเที่ยว ร้านอาหาร ตลาดสด ชะงักงันทันที ทั้งๆ ที่เพิ่งจะเริ่มโงหัวได้หลังรัฐบาลปลดล็อก

ความโกรธแค้นของชาวระยองพุ่งเป้ามาลงที่รัฐบาล ...แม้ “ลุงตู่” จะออกมาแสดงความเสียใจ ออกมาขอโทษ ที่เจ้าหน้าที่ “หละหลวม” จนเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น... แต่ชาวระยองบางส่วน ก็ยังคงอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ยอมให้อภัย.... มีการขึ้นป้ายผ้า ข้อความรุนแรง แสดงออกถึงความไม่พอใจรัฐบาล และภาพเหล่านี้ถูกแชร์ไปในโซเชียล...

ขณะที่ฝ่่ายค้าน ก็ตั้งกระทู้ถามสด เรียกร้องความรับผิดชอบจากรัฐบาล ที่ปล่อยให้ต่างชาติมี “อภิสิทธิ์เหนือคนไทย” กลายเป็นประเด็นการเมืองไม่ต่างจากช่วงที่โควิด-ระบาดใหม่ๆ เมื่อช่วงต้นปี

เมื่ออารมณ์ของสังคมที่แสดงออกมาอย่างรุนแรงเช่นนี้ และทำท่าว่าจะบานปลาย “ลุงตู่” จึงตัดสินใจพาคณะผู้มีหน้าที่รับผิดชอบไปพบปะ ไปให้กำลังใจ ไปขอโทษชาวระยองถึงที่


ถึงกระนั้นก็ยังมี “กลุ่มชู 3 นิ้ว” ในนามตัวแทนเยาวชนภาคตะวันออก มาเตรียมชูป้ายข้อความ “ต้อนรับขับไล่” ลุงตู่ ที่บริเวณหน้าโรงแรม ...เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องนำตัวออกไปอย่างทุลักทุเล

เมื่อ “ลุงตู่” เดินทางไปถึง จุดแรกที่เข้าไปคือ โรงแรม ดีวารี ดีว่า เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง พร้อมสอบถามถึงจุดโหว่ที่ทำให้เกิดปัญหาดังกล่าว จากนั้นก็เดินทางไปที่ ห้างสรรพสินค้าแหลมทอง หรือ Passione และเข้าไปภายในตลาดสดสตาร์ เพื่อพบปะประชาชน พ่อค้าแม่ค้า เพื่อให้กำลังใจ พร้อมยืนยันจะดูแลประชาชนให้ดีที่สุด ขออย่าตื่นตระหนก ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุข และการรักษาของเรา ...พร้อมอ้อนคำหวาน “ใครเจ็บ ใครป่วย นายกฯก็ป่วยด้วย”

ก่อนกลับ “ลุงตู่” ยืนยันกับคนระยองว่าต่อไปนี้ ไม่มีวีไอพีทั้งนั้น ทุกคนต้องตรวจทั้งหมด !!

เหตุการณ์ที่ จ.ระยอง ครั้งนี้ ถือเป็นบทเรียนที่รัฐบาลต้องหันมาเข้มงวด กับมาตรการป้องกันการติดเชื้อและการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างจริงจัง ต้องไม่มีใครที่มีสิทธิพิเศษ หรือวีไอพี อีกต่อไป ...เพราะนี่คือช่องโหว่ที่ประชาชนเห็น รัฐบาลก็เห็น แต่ที่ผ่านมาทำเป็นมองไม่เห็น




กำลังโหลดความคิดเห็น