นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊ก Pita Limjaroenrat – พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ระบุว่า บอกประชาชนการ์ดห้ามตก แต่นายกกลับอัพเปอร์คัทชกหน้าตัวเอง
หลังจากที่ได้ฟัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะผู้รวบอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของทุกหน่วยงานมาไว้ที่ตนเองหลังการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถามประชาชนหลังบริหารงานล้มเหลวว่า “ต้องเยียวยาใคร ?” ผมคิดว่านั่นควรจะเป็นคำถามสุดท้ายในฐานะนายก
ถ้าถึงตอนนี้ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ และ ศบค.ของท่าน ยังไม่รู้ว่าจะต้องเยียวยาใคร เพราะเหตุผลอะไร ผมคงต้องขอบอกเล่าให้ท่านฟังให้ชัดว่า เรื่องราวต่อไปนี้คือ สิ่งที่เกิดขึ้นหลังมีการใช้อำนาจที่ผิดพลาด หละหลวม ให้อภิสิทธิ์แก่คนบางกลุ่มบางจำพวก ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นทันทีและถ้วนหน้าก็คือ ชาวระยองและพื้นที่ใกล้เคียงเสมือนตกอยู่ในสภาพของเมืองที่เข้าสู่การระบาดระลอก 2 ไปแล้ว แม้จะไม่มีคำสั่งปิดเมืองหรือไม่พบการระบาดภายในก็ตาม
สิ่งที่เกิดขึ้นต่อเนื่องมา โรงแรมที่ผู้ติดเชื้อเข้าพักถูกปิดลง ห้างที่ใหญ่ที่สุดในระยอง 2 แห่ง ต้องปิดบริการชั่วคราว ผลสืบเนื่องตามก็คือ ผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อย พนักงาน คนเล็กคนน้อยที่เป็นลูกจ้างตลอดจนแท็กซี่และวินมอร์เตอร์ไซค์ต้องหยุดงานหรือขาดรายได้ไปในทันที
ยังมีประชาชนที่ไปเดินห้างนับพันคนถูกเรียกให้ไปรับการตรวจเชื้อและกักกันโรค ซึ่งนั่นหมายความว่าจัเป็น 14 วัน ที่มีแต่รายจ่ายไม่มีรายได้ นอกจากอาหารในแต่ละมื้อ บางคนอาจต้องออกมาจ่ายค่าเช่าห้องเพื่อแยกตัวเองจากกับครอบครัว
ธุรกิจท่องเที่ยวกลับไปตกอยู่ในสภาพพังยับเยินจากที่กำลังเริ่มตั้งลำใหม่อีกครั้ง ทันทีที่เกิดเรื่อง โรงแรมในจังหวัดระยอง เกาะเสม็ด หรือกระทั่งพัทยา ถูกยกเลิกการเข้าพักทันทีกว่าร้อยละ 90 ซึ่งก่อนหน้านี้พวกเขาต้องหยุดกิจการมาเกือบครึ่งปีแล้ว และในช่วงนี้เองที่พวกเขาต่างตั้งความหวังว่า จะกลับมายืนได้ใหม่จากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาลช่วงวันหยุดยาวสิ้นเดือนนี้ แต่ความฝันทุกอย่างก็พังทลายลงมาต่อหน้าต่อตาและเป็นอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
โรงเรียน 234 แห่งในจังหวัดระยอง และอีกอย่างน้อย 3 แห่งในจังหวัดอื่นต้องหยุดเรียน ทั้งๆ ที่เพิ่งกลับเปิดได้ไม่ถึง 2 สัปดาห์ หลังหยุดการเรียนการสอนไปหลายเดือน ส่งผลกระทบต่อนักเรียนและผู้พ่อแม่ปกครองนอย่างน้อยหนึ่งแสนหกหมื่นคน
พ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากในตลาดหลายแห่งมีสต็อกสินค้าและอาหารค้างเติ่งขายไม่ได้ เนื่องจากคนเดินตลาดหายไปทันที การจับจ่ายใช้สอยลดฮวบ หลังได้รับทราบข่าวความหละหลวมของมาตรการรัฐที่ปล่อยให้ผู้มีเชื้อเดินเที่ยวทั่วระยองได้ ซึ่งผมต้องย้ำว่า นั่นไม่ใช่ความตื่นตระหนกหรือเป็นผลมาจากการกระพือข่าวของสื่อมวลชน แต่นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า ‘ข้อเท็จจริง’ ที่ต้องตามมาด้วยความรับผิดชอบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ต่างหาก
ผมคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ควรเฉยชาต่อความรับผิดชอบ เมื่อวานนี้ ในการประชุมกรรมาธิการโควิด พวกเราได้เชิญผู้ได้รับผลกระทบจากหลายภาคส่วนมาพูดถึงปัญหาของเขา ทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการ พ่อค้าแม่ค้า คนทำงาน และลูกจ้าง พูดด้วยน้ำตาไหลและเสียงที่สั่นเครือเสมือนเป็นความเศร้าระคนแค้นว่า อุตส่าห์ร่วมมือกันป้องกันแทบตาย สุดท้ายต้องกลับเจอวิกฤตอีกรอบ เพียงเพราะรัฐการ์ดตกและยกมือขึ้นมาอัพเปอร์คัทชกหน้าตัวเองแบบนี้
หากย้อนกลับไป สิ่งที่พรรคก้าวไกลพยายามย้ำเตือนมาตั้งแต่ต้นคือ การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ได้ยกเว้นให้ผู้ใช้อำนาจไม่ต้องความรับผิดรับชอบกับการใช้อำนาจใดๆของตัวเองทั้งสิ้น ผมคิดว่า วันนี้ทุกคนคงเห็นผลลัพธ์ของสิ่งที่เราเตือนชัดเจนแล้วจากการแสดงออกของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ไม่เคยยี่หร่ะต่อการแสดงรับผิดชอบไม่ว่าเรื่องใดๆก็ตาม แม้กระทั่งในครั้งนี้
ผมยังยืนยันว่า ‘ความรับผิดชอบ’ คือ หมุดหมายสำคัญที่จะต้องปักตรึงลงไปบนหัวใจ พวกเราทุกคนในประเทศนี้ให้ได้ รวมถึงผู้ใช้อำนาจรัฐด้วย ผมจึงขอเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรีอย่างน้อยที่สุดให้รับผิดชอบบ้างใน 3 เรื่องด้วยกัน คือ
หนึ่ง รัฐบาลต้องมีความชัดเจนในการแก้ไขปัญหาและถอดบทเรียนที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา
สอง รัฐบาลต้องตอบคำถามประชาชนให้ได้ว่า ข้อยกเว้นและอภิสิทธิต่างๆเกิดขึ้นบนเงื่อนไขอะไร พวกเขาเหล่านั้นออกจากสถานกักตัวของรัฐบาล ( state quarantine ) ได้อย่างไร และที่ผ่านมามีจำนวนกี่กรณีที่ได้รับสิทธิเหล่านี้ ในเรื่องสิทธิทางการทูต การไม่พาดพิงเรื่องระหว่างประเทศและคำนึงถึงสิทธิพลเมือง เป็นเรื่องที่ผมเข้าใจดี แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะนำมาเป็นข้อยกเว้นเพื่อคลายการ์ดในการปกป้องประโยชน์สูงสุดของคนในประเทศได้
สาม รัฐบาลต้องเร่งหามาตรการเยียวยาประชาชนให้ได้ ข้อเสนอของพรรคก้าวไกลที่ผ่านมาคือ พ.ร.ก.กู้เงินสี่เเสนล้าน บางส่วนควรโอนไปเพื่อเยียวยาประชาชนและเพื่อรับมือการระบาดระลอกต่อไป หนึ่งแสนล้านเพื่อพยุงการจ้างงานของ SMEs ที่กำลังจะล้มละลาย และสองแสนล้านสำหรับการเยียวยาประชาชนในสองสามเดือนข้างหน้านี้
ท้ายที่สุดนี้ ผมเห็นว่า การที่นายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้ชาวระยองใช้ชีวิตไปตามปกติด้วยเหตุผลว่า ยังไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศจึงไม่จำเป็นต้องมีการเยียวยา และขอให้เรื่องนี้จบไปเพราะมีงานอื่นให้ทำอีกเยอะนั้น เป็นการเหยียบย่ำลงไปบนความรู้สึกของประชาชนอย่างยิ่ง ดังนั้นหากท่านยังพอมีสำนึกถึงความรับผิดชอบอยู่บ้าง ขอให้เร่งหาวิธีเยียวยาพวกเขาอย่างเร่งด่วน และตอบพวกเขาให้ชัดเจน
วันนี้ที่ท่านเดินทางไปจังหวัดระยอง แทนที่จะทำให้สถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ท่านกลับไม่กล้าพูดคุยกับประชาชนผู้มาถามว่ารัฐบาลจะรับผิดชอบและเยียวยาอย่างไร หรืออย่างน้อยที่สุดก็รับฟังความทุกข์ร้อนของเขา แต่กลับให้เจ้าหน้าที่กีดกัน ถือเป็นการลงพื้นที่ที่ไร้ประโยชน์มาก ท่านไปทำไม?
ผมขอแนะนำว่า ถ้าท่านบริหารจัดการมาตรการเยียวยาอย่างมีประสิทธิภาพไม่ได้ ถ้าท่านไม่จริงใจกับการแก้ไขปัญหาของประชาชน ก็ขอให้ท่านลาออกเสียก่อนที่หลายอย่างจะสายเกินไป ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ระยองวันนี้ ผมมั่นใจว่ามันจะไม่ใช่ที่เดียว ประชาชนจะตามไปตั้งคำถามเดียวกันนี้กับท่านทุกหนแห่ง
สุดท้ายนี้ ส.ส. พรรคก้าวไกล คงต้องกล่าวคำเดิมคำนี้ที่ท่านประยุทธ์เคยให้พวกเราไว้ “ระวังตัวไว้ด้วยก็แล้วกัน”