วันนี้...คงต้องขออนุญาต “ลากต่อ” เรื่อง “อวสานอเมริกา” ไปอีกสักตอนก็แล้วกัน หลังจากได้นำเสนอตอน 1 ตอน 2 ภาค 1 ภาค 2 ไปเมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมา ภาคนี้...เลยอาจถือเป็น “ภาคพิสดาร” เป็นตัวปิดฉาก ปิดท้าย แบบประเภท “หนังไตรภาค” ทั้งหลาย เพราะเมื่อช่วงวันเสาร์ (4 ก.ค.) ที่ผ่านมา เผอิญตรงกับ “วันชาติอเมริกา” หรือ “Independence Day” อันก่อให้เกิดข่าวคราวความเคลื่อนไหวจำนวนมิใช่น้อย ที่อาจถือเป็นภาพสะท้อนแนวโน้ม “อวสานอเมริกา” ถนัดชัดเจนยิ่งเข้าไปทุกที...
ไม่ว่าจะเป็นภาพการประท้วงของกลุ่มขบวนการ “Black Lives Matter” ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งได้ร่วมกัน “เผา” และ “กระทืบ” ธงชาติอเมริกา แบบสนุกสนานบันเทิง รื่นเริง เมามันซ์ซ์ซ์ มันมือและมันตีน เป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุเพราะถือเป็น “สัญลักษณ์” แห่ง “การกดขี่ทาส-การสังหารเผ่าพันธุ์-และสงคราม” พร้อมการป่าวประกาศแบบเปิดเผย ตรงไป-ตรงมา ดุเดือดเลือดพล่านเอามากๆ ไม่ว่า ประเภท “Fuck the Fourth of July, Fuck the American Flag” ไปจนถึง “America was never Great” เอาเลยถึงขั้นนั้น!!!
ขณะที่การรวมตัวกันหักโค่น รื้อทิ้ง กระชากลากถูบรรดา “อนุสาวรีย์” ต่างๆ ที่ถือเป็นประวัติศาสตร์ชาติ หรือประวัติศาสตร์สังคมอเมริกัน ลงมานอนกลิ้ง นอนหงาย ก็ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ โดยไม่ว่าจะรื้อผิด รื้อถูก ชนิดแม้แต่อนุสาวรีย์ “กวางเอลค์” ที่ไม่น่าจะรู้อีโหน่อีเหน่อะไรกะใครเขาด้วย ยังถูกจุดไฟเผาเอาดื้อๆ และช่วงวันอาทิตย์ (5 ก.ค.) ที่ผ่านมา เห็นว่าอนุสาวรีย์ “โคลัมบัส” ผู้ค้นพบทวีปอเมริกา ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ ณ เมืองบัลติมอร์ รัฐแมรีแลนด์ ก็ถูกรื้อทิ้งทุ่มลงน้ำ ไม่ให้มีโอกาสได้ผุด ได้เกิด ได้สรรค์สร้าง “จินตภาพ” ใดๆ ในสังคมชาวอเมริกันอีกต่อไป หรือเพื่อให้เป็นไปอย่างที่กลุ่มขบวนการ “BLM” หรือ “Black Lives Matter” เขาได้ระบุถึง “เป้าหมาย” ในขั้นตอนสุดท้าย ก่อนการผนึกกำลังกลุ่มก้อนองค์กรไม่น้อยกว่า 150 องค์กรในอเมริกา เพื่อจัดการรณรงค์ครั้งใหญ่ ด้วยการ “ชุมนุมทางออนไลน์” หรือการประท้วงทางอินเทอร์เน็ต ตามโครงการที่เรียกว่า “The Electoral Justice Project of the Movement for Black Lives” ในช่วงเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ นั่นคือเพื่อ “ขุดราก-ถอนโคน การเหยียดผิว เหยียดเชื้อชาติ” ให้สูญสลายหายไปจากสังคมอเมริกาแบบโดยสิ้นเชิง...
ส่วนบรรดาชาวผิวดำ หรือชาวแอฟริกัน-อเมริกัน ที่ไม่คิดสนใจกับการประท้วง หรือการพูดจาว่ากล่าวใดๆ ต่อไปอีกแล้ว หรือไม่คิดจะ “Fucking Around” ให้ต้องเมื่อยเนื้อ เมื่อยตัว เมื่อยปาก แบบพวก “Black Lives Matter” ก็เลยหันมาตั้งกลุ่ม ตั้งก้อน ตั้งขบวนการของตัวเอง โดยให้ชื่อไว้ว่า “Not Fucking Around Coalition” (NFAC) หรือกลุ่ม “ทหารบ้านผิวดำ” ที่พร้อมจะ “เอาแม่มม์ม์ม์” หรือ “ยิงแม่มม์ม์ม์” ต่อใครก็ตาม ที่เหยียดผิว เหยียดเชื้อชาติ โดยเฉพาะบรรดาพวก “ชาตินิยมผิวขาว” หรือพวก “White Supremacy” ทั้งหลาย และได้จัดการเดินขบวนสวนสนามพร้อมอาวุธปืนประจำกายของแต่ละราย จำนวนเกือบ 1,000 คน ขึ้นที่สวนสาธารณะ “Stone Mountain” ในรัฐจอร์เจีย อันเป็นสถานที่สำคัญของพวก “KKK” หรือ “Ku Klux Klan” มาโดยตลอด เมื่อช่วงวันเสาร์ (4 ก.ค.) หรือวันชาติอเมริกันที่ผ่านมา อีกทั้งยังได้ส่งคลิปวิดีโอการสวนสนามดังกล่าว เผยแพร่ไปยังโซเชียล มีเดีย อย่างเป็นกิจจะลักษณะอีกด้วยต่างหาก...
โดยผู้นำ หรือผู้บัญชาการกองกำลัง “NFAC” ที่เรียกขานตัวเองในนาม “Grand Master Jay” ได้ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อต่างๆ อย่างเป็นหลัก เป็นฐาน ว่าบรรดาชาวแอฟริกัน-อเมริกันที่รวมตัวกันเป็น “ทหารบ้านผิวดำ” เหล่านี้ ล้วนเคยเป็น “อดีตทหาร” มาก่อนด้วยกันทั้งสิ้น... “มีวินัย-ยิงปืนแม่น-และไม่อยากพูดอะไรอีกต่อไปแล้ว” แต่พร้อมแก้แค้น เอาคืน แบบ “ตาต่อตา-ฟันต่อฟัน” กับบรรดาพวก “ชาตินิยมผิวขาว” ทั้งหลาย หรือ “ถ้าคุณทำดี-เราก็ดีต่อคุณ ถ้าคุณทำตามกฎหมาย-เราก็ทำตามกฎหมาย แต่ถ้าคุณไม่ทำเช่นนั้น-เราก็คือฝันร้ายของคุณ” เรียกว่า...แทบไม่ต่างอะไรไปจาก “ขบวนการเสือดำ” หรือ “Black Panther Party” (BPP) ที่เคยอุบัติขึ้นมาในสังคมอเมริกันเมื่อช่วงปี ค.ศ.1966-1982 และก่อให้เกิดความปั่นป่วนรวนเรต่ออำนาจรัฐ หรือต่อหน่วยงานอย่าง “FBI” ชนิดกว่าจะ “เอาอยู่” ต้องออกเรี่ยว ออกแรง ต้องใช้ “วิชามาร” กันเป็นจำนวนไม่น้อย เพียงแต่ในยุค “Black Panther” นั้น อย่างน้อย...ก็ยังพอมีอุดมคติ อุดมการณ์ เจือปนอยู่บ้าง แม้เป็นอุดมการณ์ฝ่ายซ้าย แบบพวกมาร์กซิสต์ทั้งหลาย แต่ก็ยังมีระบบ มีกิจกรรม ที่แสดงให้เห็นถึงสติ สตังค์ อยู่พอสมควร ประเภทแจกจ่ายอาหารให้พวกเด็กๆ ดูแลสุขภาพ การศึกษาให้บรรดาชุมชนต่างๆ ต่างไปจากพวก “Black Militia” หรือ “ทหารบ้านผิวดำ” คราวนี้ ที่หนักไปทาง “อารมณ์” ล้วนๆ คือกะจะ “เอาแม่มม์ม์ม์-ยิงแม่มม์ม์ม์” โดยไม่คิดพูดจาปราศรัย หรือไม่คิดสร้างสรรค์กิจกรรมอื่นใดต่อไปอีกแล้ว...
ด้วยอาการสุดโต่ง สุดสวิงของบรรดาชาวแอฟริกัน-อเมริกันทั้งหลาย...เลยย่อมส่งผลให้เกิด “ปฏิกิริยาในด้านตรงข้าม” ในอัตราไม่น้อยไปกว่ากัน สำหรับบรรดาพวก “ชาตินิยมผิวขาว” หรือกลุ่มก้อนขบวนการ “ขวาจัด” ในอเมริกาแต่ละกลุ่ม แต่ละราย ดังที่นักเขียนชาวอังกฤษ “นายChris Sweeney” ได้ลงทุนไปสัมภาษณ์ความคิด ความเห็น ผู้นำขบวนการ “Three Percenters” อันถือเป็นกลุ่มแนวหน้าขวาจัด หรือเป็นกองกำลังติดอาวุธ “ทหารบ้านผิวขาว” ในอเมริกา ที่มีนามกรว่า “นายChris Hill” เมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยได้ข้อสรุปว่า...นับตั้งแต่เกิดกรณีตำรวจเมืองมินนิอาโปลิส ฆาตกรรมชาวผิวดำอย่าง “นายจอร์จ ฟลอยด์” อุบัติขึ้นในอเมริกา กระแสการประท้วง ลุกฮือของพวก “Black Lives Matter” ทั้งหลาย ได้ส่งผลให้บรรดาชาวอเมริกันผิวขาวจำนวนไม่น้อย หันมาสมัครเป็นสมาชิกของขบวนการ “Three Percenters” วันละไม่ต่ำกว่า 50-100 คน หรือเพิ่มขึ้นไปถึง 150 เปอร์เซ็นต์จากก่อนหน้านั้น...
และด้วยบรรยากาศเช่นนี้นี่เอง...ที่ทำให้ผู้บัญชาการกองกำลัง “Three Percenters” อย่าง “นายChris Hill” ค่อนข้างเชื่อว่า แนวโน้มที่กำลังจะเกิด “สงครามกลางเมือง” ในอเมริกา เริ่มปรากฏให้เห็นเค้าลางชัดเจนยิ่งเข้าไปทุกที และด้วยแนวโน้มเช่นนี้อาจส่งผลให้เกิดการนำไปสู่จุดจบของความเป็น “สหพันธรัฐ” หรือนำไปสู่ “อวสานอเมริกา” ภายในไม่เกินปี ค.ศ. 2021 หรือภายหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกันผ่านพ้นไปอีกไม่ช้า-ไม่นาน ด้วยเหตุเพราะฝ่ายตรงกันข้ามกับประธานาธิบดีที่ตัวเองสนับสนุน หรือฝ่ายตรงข้ามกับ “ทรัมป์บ้า” อย่างพรรคเดโมแครตนั้น ได้หันไปพะเน้าพะนอพวก “Black Lives Matter” อย่างเป็นกิจการ จะด้วยเหตุเพราะต้องการเสียง ต้องการคะแนนนิยม หรือไม่ อย่างไรก็แล้วแต่ ดังนั้น...การปกป้องความเป็นชาติอเมริกา ปกป้องความยิ่งใหญ่ เกรียงไกร ให้ดำรงคงอยู่ต่อไปให้จงได้ จึงไม่เพียงแต่ต้องสนับสนุน “ทรัมป์บ้า” ให้กลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกรอบให้จงได้เท่านั้น แต่ยังต้องลงมือกระทำในสิ่งที่ประธานาธิบดีอเมริกันผู้นี้ ได้ “ปลุกระดม” ระหว่างการหาเสียง หาคะแนนนิยม ในช่วงนี้ นั่นก็คือ...จะต้อง “ขจัดกวาดล้างพวกฝ่ายซ้ายในอเมริกา” ให้หมดลงไปให้จงได้!!!
วันชาติอเมริกา ที่เพิ่งผ่านไปเมื่อวัน-สองวัน เลยกลายสภาพเป็น “The Dark Independence Day” อย่างที่สื่อทางการของจีนอย่าง “Global Times” เขาเรียกขานไว้ในบทบรรณาธิการ เมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา อย่างมิอาจปฏิเสธได้เลย โดยไม่ว่าความดำมืด หรือความเสื่อม ในลักษณะเช่นนี้ จะนำไปสู่อะไรก็ตามที แต่ย่อมนำมาซึ่ง “ความเปลี่ยนแปลง” อย่างไม่พึงต้องสงสัย ด้วยเหตุนี้...คุณพี่จีนเขาเลยอดห่วง อดไม่ได้ที่จะต้องเตือน “มหาอำนาจคู่แข่ง” ไว้ก่อนล่วงหน้าประมาณว่า... “การเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้สำหรับสังคมอเมริกันในอนาคตเบื้องหน้า และย่อมเป็นที่แน่นอนว่า...ในทุกๆ การเปลี่ยนแปลง ย่อมต้องนำความเจ็บปวดมาให้เสมอๆ” นี่...อะไรจะเจ็บ จะแสบ จะเชือดเฉือนไปได้ถึงปานนั้น...