รอยเตอร์ - สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายยกสถานะกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ขึ้นเป็นรัฐที่ 51 ของอเมริกา เมื่อวานนี้ (26 มิ.ย.) นับเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญหลังจากที่มีการผลักดันเรื่องนี้มานานถึง 4 ทศวรรษ
ร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรด้วยคะแนน 230 ต่อ 180 เสียง โดยไม่มี ส.ส.รีพับลิกัน ยกมือสนับสนุนแม้แต่คนเดียว
อย่างไรก็ตาม คาดว่า วุฒิสภาสหรัฐฯ ซึ่งพรรครีพับลิกันกุมเสียงข้างมากจะปฏิเสธการพิจารณาร่างกฎหมายนี้ ขณะที่ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ก็แสดงจุดยืนคัดค้าน โดยให้เหตุผลว่า ถ้ายกวอชิงตัน ดี.ซี. ขึ้นเป็นรัฐจะทำให้พรรคเดโมแครตได้ที่นั่งในสภาคองเกรสเพิ่มขึ้นไปอีก
ทั้งนี้ เป็นที่รู้กันดีว่าชาววอชิงตัน ดี.ซี. จะเลือกนายกเทศมนตรีจากพรรคเดโมแครตเท่านั้นมาแต่ไหนแต่ไร ซึ่งหากวอชิงตัน ดี.ซี. มีสถานะเป็นรัฐใหม่จะทำให้รีพับลิกันแทบหมดโอกาสครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา
ก่อนจะมีการโหวตในสภาผู้แทนราษฎร ส.ส.รีพับลิกันหลายคน ได้โต้แย้งว่า การยกสถานะวอชิงตัน ดี.ซี. คือ กลยุทธ์ทางการเมืองของพรรคเดโมแครต และจำเป็นจะต้องมีการแก้รัฐธรรมนูญด้วย ขณะที่บางคนอ้างว่า วอชิงตัน ดี.ซี. ไม่มีคุณสมบัติของความเป็นรัฐ และควรจะถูกยุบรวมเข้ากับรัฐแมริแลนด์
ฝ่ายที่สนับสนุนอ้างว่า วอชิงตัน ดี.ซี. มีประชากรถึง 700,000 คน มากกว่ารัฐเวอร์มอนต์ และ ไวโอมิง แต่กลับไม่มีสิทธิ์มีเสียงในรัฐบาลกลาง ทั้งที่ก็จ่ายภาษีให้ส่วนกลางเหมือนๆ กัน
ปัจจุบันกฎหมายที่ออกโดยฝ่ายบริหารท้องถิ่นวอชิงตัน ดี.ซี. จะต้องผ่านกระบวนการพิจารณาของสภาคองเกรสเสียก่อน
“สภาคองเกรสมีอยู่ 2 ทางเลือก คือ จะใช้อำนาจเผด็จการและไม่เป็นประชาธิปไตยต่อชาวอเมริกัน 705,000 คน ที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงของประเทศต่อไป หรือจะปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาและค่านิยมของอเมริกา” เอเลียเนอร์ โฮล์มส นอร์ตัน ผู้แทนวอชิงตัน ดี.ซี. ในสภาผู้แทนราษฎรระบุ โดยตัวเธอเองนั้นไม่มีสิทธิ์ในการโหวตร่างกฎหมาย
กระแสเรียกร้องความเป็นรัฐของวอชิงตัน ดี.ซี. เริ่มปะทุรุนแรงขึ้นหลังเกิดวิกฤตไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ระบาด โดยมหานครแห่งนี้ได้รับงบประมาณต่อสู้โควิด-19 เพียง 500 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่ 50 รัฐของอเมริกาได้งบจากรัฐบาลกลางถึงรัฐละ 1,200 ล้านดอลลาร์
เมื่อเกิดการประท้วงลุกฮือทั่วประเทศ กรณีตำรวจสังหารชายผิวสี ‘จอร์จ ฟลอยด์’ ประธานาธิบดี ทรัมป์ ได้ส่งกองกำลังป้องกันชาติ (National Guard) เข้าควบคุมสถานการณ์ในวอชิงตัน ดี.ซี. โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านจากนายกเทศมนตรี
ทั้งนี้ มีการเสนอให้ตั้งชื่อรัฐใหม่ว่า “วอชิงตัน, ดักลาส คอมมอนเวลธ์” (Washington, Douglass Commonwealth) ซึ่งมาจากชื่อของอดีตประธานาธิบดี จอร์จ วอชิงตัน และ เฟรเดอริก ดักลาส อดีตทาสผิวสีผู้กลายมาเป็นนักเขียน นักพูด บรรณาธิการ รัฐบุรุษ และนักปฏิรูปคนสำคัญของอเมริกา
รัฐใหม่จะครอบคลุมย่านที่อยู่อาศัยทั้งหมดของวอชิงตัน ดี.ซี. ยกเว้นอาคารหน่วยงานหลักของรัฐบาลกลาง, เนชันแนลมอลล์, พิพิธภัณฑ์และอนุสรณ์สถานต่างๆ
ครั้งล่าสุดที่สหรัฐอเมริกามีการเพิ่มรัฐใหม่ คือ เมื่อปี 1959 หลังจากที่สภาคองเกรสประกาศยกสถานะของอะแลสกา และ ฮาวาย ขึ้นเป็นรัฐที่ 49 และ 50 ตามลำดับ