เหลือช่วงระยะเวลาอีกแค่ประมาณสี่ซ้า-ห้าเดือนเท่านั้น...ก็จะได้จังหวะเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกา ได้มีโอกาสรอลุ้นว่าระหว่าง “ทรัมป์บ้า” กับ “โจวิตถาร” ใครจะอยู่-ใครจะไป??? ดังนั้น...วันนี้ คงต้องลองแวะไปสำรวจตรวจสอบ สีสัน บรรยากาศ ความเป็นไปในสังคมอเมริกันดูสักหน่อย ว่าบรรดาปวงชนชาวอเมริกันจะยังเหลือแรงกาย แรงใจ แรงกระตุ้น ในอันที่จะ “เขย่า” ประชาธิปไตยซึ่งอยู่ภายในอุ้งมือของท่านแล้ว มาก-น้อยขนาดไหน? และอย่างไร?...
คือถ้าว่ากันถึงสีสันบรรยากาศโดยรวม...ดูเหมือนการออกมาโหวต ออกมาลงคะแนนเสียง เพื่อให้เกิด “ความเปลี่ยนแปลง” ใดๆ ในสังคมอเมริกัน มันออกจะเป็นอะไรที่ “ไม่เวิร์ก” หรือไม่ก่อให้เกิดแรงกระตุ้น แรงจูงใจต่อบรรดาอเมริกันชนจำนวนไม่น้อยมากมายสักเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับการก่อม็อบ ก่อจลาจลที่ชักมาแรงแซงโค้งยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เรียกว่า...ไปไกลชนิดกู่ไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี ระดับพยายามแสวงหา “ความเปลี่ยนแปลง” ด้วยการทยอยจัดตั้ง “เขตปกครองตนเอง” ขึ้นมาเอาเลยถึงขั้นนั้น จากเขตพื้นที่ประมาณ 6 บล็อก หรือเขตปกครองตนเอง “Capitol Hill Autonomous Zone” ของพวก “CHAZ” ณ ใจกลางกรุงซีแอตเทิล เห็นว่า...เมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมา ได้เกิดเขตปกครองตนเองแห่งใหม่ผลุบๆ โผล่ๆ ขึ้นมาอีกซะแล้ว คือเขตปกครองตนเองของพวก “BHAZ” หรือ “Black House Autonomous Zone” ที่ว่ากันว่า อยู่ห่างจากทำเนียบขาว เพียงแค่ไม่กี่บล็อก หรือแค่ระยะห่างประมาณ 2 ไมล์เท่านั้นเอง...
พูดง่ายๆ ว่า...โดยอารมณ์-ความรู้สึกของบรรดาอเมริกันชนจำนวนไม่น้อย ดูจะไม่ได้เกิด “อารมณ์ร่วม” หรือไม่ได้คิดตั้งความหวัง ความเชื่อมั่นศรัทธาใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย กับคู่แข่ง คู่ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีทั้งสองราย ไม่ว่าจะเป็น “ทรัมป์บ้า” แห่งพรรครีพับลิกัน หรือ “โจวิตถาร” แห่งพรรคเดโมแครตก็แล้วแต่ เพราะแม้กระทั่ง “อดีตประธานาธิบดี” ไม่รู้กี่ราย ต่อกี่รายเท่าที่เคยมีมา ที่อาจถือเป็นผู้มีคุณูปการต่อประเทศอเมริกา หรือสังคมอเมริกันในแต่ละรูป แต่ละแบบ จนถึงกับต้องสร้าง “อนุสาวรีย์” ไว้เป็นที่ระลึก แต่มาถึงช่วงจังหวะ ณ ขณะปัจจุบัน ที่ชาวอเมริกันเริ่มออกอาการ “เลือดขึ้นหน้า” หรือ “เลือดเข้าตา” ด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม การรื้อทิ้งอนุสาวรีย์ของอดีตประธานาธิบดีในแต่ละราย ชักเริ่มกลายเป็น “แฟชั่น” ไปแล้วในทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นอนุสาวรีย์ “จอร์จ วอชิงตัน” ที่ถือเป็นบิดาของประเทศเอาเลยก็ว่าได้ อนุสาวรีย์ “โธมัส เจฟเฟอร์สัน”และ “แอนดรูว์ แจ็กสัน” ไปจนถึง “ธีโอดอร์ รูสเวลต์” ฯลฯ ต่างถูกฉุดลากกระชากถู ลงมานอนกลิ้ง นอนหงาย ไปเป็นรายๆ...
ด้วยอารมณ์ ความรู้สึกประมาณนี้...เลยแทบไม่น่าจะมีใครที่คิดหันไปดื่ม “เป๊ปซี่” หรือหันไปเลือก “โคล่า” ที่ต่างก็เป็น “น้ำดำ” ไปด้วยกันทั้งคู่ บรรยากาศการชิงธง ชิงไหว ชิงพริบ ระหว่าง “ตัวเลือก” ที่มีอยู่เพียงแค่ 2 ตัว (ประทานโทษ 2 คน) คือระหว่าง “ทรัมป์บ้า” กับ “โจวิตถาร” จึงออกจะแปลกแตกต่างไปกว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีเท่าที่เคยมีมา หรือเป็นบรรยากาศที่แทบไม่ได้ช่วยให้เกิดคุณค่า ราคา ของ “ความเป็นประชาธิปไตย” ใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย และเผลอๆ...อาจส่งผลให้เกิดการลุกลาม ลามปาม ไปสู่ “ความเป็นอนาธิปไตย” ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้!!! โดยเฉพาะเมื่อช่วงเวลาแห่งการเลือกตั้งดังกล่าว อาจอยู่ในช่วงจังหวะที่การแพร่ระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัส “COVID-19” ที่ไม่ว่าจะเรียกว่า “ไวรัสเมืองจีน” หรือจะเรียก “Kung Flu” ก็แล้วแต่ ยังไม่ได้หมดไป ไม่ได้จางหายไปจากสังคมอเมริกันและประเทศอเมริกา ผู้คว้าตำแหน่ง “จ้าวโรค” ไปครอง อย่างไม่มีใครคิดแย่งชิงอีกต่อไป ยังติดเชื้อกันเป็นล้านๆ ตายกันเป็นแสนๆ แต่ก็ยังพร้อมที่จะเพิ่มช่องทางแห่งการแพร่ระบาด ให้หนักหนาสาหัสยิ่งขึ้นไปอีก ไม่ว่าด้วยความ “ไม่เข้าท่า” ของรัฐบาล หรือด้วยการ “ประท้วง” ของประชาชนพลเมือง ก็แล้วแต่...
ภายใต้สภาพเช่นนี้นี่เอง...ที่ทำให้หลายต่อหลายรัฐ เลยต้องพยายามประดิษฐ์ คิดค้น วิธีการออกเสียง หรือวิธีลงคะแนน โดยไม่ต้องมาออ มาเบียดเสียดยัดเยียด จนไม่อาจ “เว้นระยะห่าง” กันในหน่วยเลือกตั้งแต่ละจุด หรือโดยวิธีเปิดโอกาสให้สามารถลงคะแนนกันทางไปรษณีย์ แบบที่เรียกๆ กันว่า “mail-in ballots” อะไรประมาณนั้น ไม่ว่ารัฐมิชิแกน เนวาดา เพนซิลเวเนีย วอชิงตัน บัลติมอร์ มิลวอกี หรือวิสคอนซิน ฯลฯ เป็นต้น โดยในหลายๆ รัฐนั้น บริหารจัดการโดยผู้ปกครองแห่งพรรคเดโมแครต อันส่งผลให้ผู้มีอำนาจแห่งรัฐบาลกลาง หรือประธานาธิบดีอเมริกาอย่าง “ทรัมป์บ้า” นอกจากต้องออกมาขู่รัฐต่างๆ ว่าจะตัดเงินสนับสนุนการเลือกตั้งทางไปรษณีย์ ยังออกมาจุดพลุ ตั้งข้อกล่าวหา ด้วยการ “ทวีต” เอาไว้ก่อนล่วงหน้าว่า...การเลือกตั้งที่กำลังเกิดขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ จะเป็นการเลือกตั้งที่ “อื้อฉาว” ที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา โดยมี“ต่างชาติ” ซึ่งก็ไม่รู้ว่าชาติไหน? เตรียมพิมพ์บัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์นับเป็นล้านๆ ใบ หรือกำลังมีการ “โกงเลือกตั้ง” แบบชนิดซึ่งๆ หน้า!!!
และขณะที่ “ทรัมป์บ้า” พยายามออกมากล่าวหาว่ากำลังมีการ “โกงเลือกตั้ง” เอาไว้ก่อนล่วงหน้า คู่แข่งอย่าง “โจวิตถาร” ขณะกำลังมีคะแนนนำ ก็เคยออกมากล่าวหาไว้ก่อนล่วงหน้าเช่นกัน ว่าประธานาธิบดีคนปัจจุบันกำลังคิดจะ “ขโมยการเลือกตั้ง” คราวนี้ ด้วยวิธีอะไรก็ไม่ได้ให้คำอธิบายที่แน่ชัด แต่โดยสรุปรวมความแล้ว...ต้องเรียกว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกาคราวนี้ ไม่ว่าใครแพ้-ใครชนะ หนีไม่พ้นต้องเลอะเทอะ เปรอะเปื้อนไปด้วยกันทั้งคู่ และน่าจะทำให้บรรดาอเมริกันชนที่กำลัง “รื้ออนุสาวรีย์” อดีตประธานาธิบดีในแต่ละรายชนิดกลายเป็น “แฟชั่น” ไปแล้วในทุกวันนี้ คงไม่คิดแสวงหา “ความเปลี่ยนแปลง” ใดๆ ในอเมริกาด้วยกรรมวิธีการเลือกตั้งตามระบอบ“ประชาธิปไตย” อยู่แล้วแน่ๆ แนวโน้มที่จะหันมาหาทางออก ทางไป ด้วยกรรมวิธีอื่นๆ ที่หนักไปทาง “อนาธิปไตย” ไม่ว่าการประท้วง การลุกฮือ การจลาจล ฯลฯ ยิ่งมีความเป็นไปได้สูงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ...
โดยเฉพาะเมื่อสิ่งที่เคยเป็นพลังอำนาจ เคยสร้างความยิ่งใหญ่เกรียงไกรให้กับอเมริกามาโดยตลอด...ไม่ว่าในทางการเมือง เศรษฐกิจ ไปจนถึงการทหาร แนวโน้มดูจะออกไปทาง “Dead Again” ไม่อาจ “Great Again” ใดๆ อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าการเมืองในเวทีระหว่างประเทศ หรือในระดับโลก ที่นับวันพื้นที่สำหรับประเทศอเมริกา มีแต่จะหดแคบลงไปทุกที ไม่ใช่แค่บรรดามิตรประเทศจะลดน้อยถอยลง ชนิด “แม้แต่พัดลม...ยังส่ายหน้าเลย” กระทั่งองค์กรระหว่างประเทศ ไม่ว่าองค์การอนามัยโลก “WHO” ศาลอาญาระหว่างประเทศ “ICC” อเมริกายังต้องสะบัดก้นหนีซะเฉยเลย ส่วนเศรษฐกิจนั้น...แทบไม่ต้องพูดถึง หนี้สินประเทศระดับกว่า 20 ล้านล้านดอลลาร์ ชนิดเกิดเป็น “สุธี” อีกสักกี่ชาติต่อกี่ชาติ ก็ไม่มีวันชดใช้หมด การว่างงาน ตกงานที่สูงพอๆ กับยุควิกฤตเศรษฐกิจเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว หวนคืนมาพร้อมภาวะเศรษฐกิจถดถอย อิทธิพลของ “เงินดอลลาร์” อยู่ในภาวะเสื่อมสุดๆ ถ้าว่ากันตามข้อสรุปครั้งล่าสุดของหัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์มหภาค ธนาคาร “Deutsche Bank” ที่ออกมาฟันธงไว้กับสำนักข่าว “CNBC” เมื่อไม่กี่วันมานี้ ไปจนพลังอำนาจขั้นสุดท้าย คือ “อำนาจทางทหาร” ความพ่ายแพ้ระดับต้องหนียะย่าย พ่ายจะแจ จาก “สมรภูมิ” ต่างๆ ไม่ว่าในซีเรีย อิรัค อัฟกานิสถาน ฯลฯ ชนิดแม้แต่คิดเล่นงานศัตรูตัวเล็กๆ อย่างเวเนซูเอลาและอิหร่าน ที่หันมาขนน้ำมันไปซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนกันและกัน ยังได้แต่ง้างไป-ง้างมาและต้องเงื้อค้างไปจนได้ ฯลฯ ฯลฯ...
ดังนั้น...ไม่ว่า “ราคาต่อรอง” ของประธานาธิบดีอเมริกันคนปัจจุบัน จะอยู่ในระดับ “ร้อยบาทเอาอุจจาระสุนัขกองเดียว” หรือต้องรอ “ปาฏิหาริย์” อย่างที่คุณพี่ “โสภณ องค์การณ์”ว่าไว้หรือไม่ อย่างไร ก็แล้วแต่ แต่ไม่ว่าใครจะขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีอเมริกันในการเลือกตั้งที่กำลังมาถึง ไม่เพียงแต่ไม่อาจดลบันดาลให้ “America Great Again” ได้อีกต่อไปแล้ว เผลอๆ...ยังอาจต้องกลายเป็น “ประธานาธิบดีคนสุดท้าย” ของ “United State of America” เอาเลยก็ไม่แน่!!! ถ้าหาก “ความล่มสลาย” มันดันอุบัติขึ้นมาแบบชนิด “กรรมติดจรวด” ในอีกไม่นาน-ไม่ช้า...นับจากนี้...