หายหน้า-หายตาไปสอง-สามวัน...ด้วยเหตุเพราะดันล้มหมอน นอนเสื่อ ขึ้นมาซะดื้อๆ!!! จะเป็นเพราะยังคิดออกเรี่ยว ออกแรง ชวนท่านผู้อ่านร่อนไปโน่น ร่อนมานี่ แบบชนิดไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งๆ ที่อายุ-อานามปาเข้าไปแล้วถึงขั้นนี้ หรือไม่ อย่างไร? ก็ตามทีแต่พอมีเวลาได้พัก ได้พอหายใจ-หายคอคล่องๆ ขึ้นมามั่ง เปิดฉากสัปดาห์นี้...คงพอมีเรี่ยว มีแรง หวนกลับมาเชิญชวนท่านไป “อะราวด์ เดอะ เวิลด์” กันได้ตามปกติ....
โดยสำหรับช่วงเริ่มต้นสัปดาห์นี้...ก็น่าจะหนีไม่พ้นต้องร่อนกลับไปแวะที่อเมริกากันอีกนั่นแหละทั่น เพราะหลังๆ นี้ ด้วยความ “เละ” ระดับยิ่งกว่าขี้ ยิ่งกว่าโจ๊ก ดูๆ จะทำให้ใครต่อใครชักเริ่มหันมาพูดจา ว่ากล่าวกันบ้างแล้ว จะเละไปถึงขั้น “รัฐล้มเหลว”(Failed State) กันเลยหรือไม่ อย่างไร? เพราะไม่ว่าตั้งแต่ระดับผู้นำประเทศ ไปจนถึงปุถุชนคนธรรมดา โดยเฉพาะลูกหลานเยาวชนของบรรดาอเมริกันชนทั้งหลาย ต่างหนักไปทาง “เละ...กับ...เละ” ไปด้วยกันทั้งนั้น คือสำหรับผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอย่าง “ทรัมป์บ้า” นั้น คงไม่น่ารอดสันดอน หรือไม่น่ามีโอกาสหวนกลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกรอบ ไม่ว่าจะมีวาสนา(สันดาน)ออกไปแนวไหน เรียกว่า...ระดับราคาต่อรองทุกวันนี้ น่าจะอยู่ประมาณ “100 บาทเอาอุจจาระสุนัขกองเดียว” ก็ยังแทบไม่มีใครกล้ารอง...
ด้วยเหตุเพราะอะไรก็ตามที่เรียกๆ กันว่า “Deep State” ในอเมริกานั้น...ไม่น่าจะเอาแล้ว!!! หรือไม่คิดจะเอาอีกต่อไปแล้ว โดยถ้าดูจาก “ปฏิกิริยา” ของบรรดาผู้ที่จัดอยู่ในประเภท “มือๆ-ตีนๆ” ของพวก “Deep State” ทั้งหลาย ต่างหนักไปทางหันมารุมเหยียบ รุมกระทืบ ประธานาธิบดีอเมริกันรายนี้ อย่างเป็นระบบและเป็นกิจการ ไม่ว่าไล่มาตั้งแต่แกนนำ หรือคีย์แมนรายสำคัญของพวก “ขวาใหม่” หรือ “นีโอ-คอนเซอร์เวทีฟ” อย่าง “นายจอห์น โบลตัน” ที่ถูก “ทรัมป์บ้า” ถีบทิ้งไปจากตำแหน่งที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาว เมื่อปลายปีที่แล้ว แล้วไปซุ่มเขียนหนังสือเพื่อแก้แค้น เอาคืน หันมาถีบคืน หรือหันมาประเคนมือ ประเคนตีนใส่อดีตเจ้านายตัวเองแบบชนิดดอกแล้ว-ดอกเล่า ล่าสุด...เมื่อช่วงวันพฤหัสฯ (2 ก.ค.) ของสัปดาห์ที่แล้ว ก็ยังอุตส่าห์ถ่อไปออกรายการสัมภาษณ์ทีวีช่อง 13 ของอิสราเอล ด้วยการหันไป “งับ” ผู้นำประเทศตัวเอง ชนิดเต็มปาก เต็มคำ ว่า “กระหาย” เอามากๆ ในการคิดตั้งโต๊ะเจรจากับผู้นำอิหร่าน ไม่ว่าประธานาธิบดี “โรฮานี” หรือประมุขประเทศ อยาตอลเลาะห์ “อาลี คาเมเนอี” ก็แล้วแต่ โดยอาจยกเลิกการแซงชั่นอิหร่านขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ ดังนั้น...ถ้าปล่อยให้ “ทรัมป์บ้า” กลับมาเป็นประธานาธิบดีรอบสองได้เมื่อไหร่ ย่อมก่อให้เกิด “ความเสี่ยง” ต่อประเทศอิสราเอลทั้งประเทศได้เสมอ...
คือแม้ว่าบรรดาชาวยิวลูกหลานกษัตริย์ดาวิดและโซโลมอนทั้งหลาย...จะให้ความยกย่อง เชิดชู “ทรัมป์บ้า” มาโดยตลอด ถึงขั้นนำเอาใบหน้าไปเทียบเคียงกับอดีต “จักรพรรดิไซรัสมหาราช” แห่งเปอร์เซีย ผู้มีคุณูปการต่อบรรพบุรุษชาวยิวเมื่อนับพันๆ ปีที่แล้ว ชนิดต้องจารึกเอาไว้ในเหรียญที่ระลึกเอาเลยถึงขั้นนั้น อันส่งผลให้บรรดาชาว “อเมริกันเชื้อสายยิว” โดยเฉพาะใน “วอลล์สตรีท” ทั้งหลาย ย่อมต้องรู้สึกประทับใจต่อผู้นำอเมริกันรายนี้มิใช่น้อย แต่สำหรับ “นีโอ-คอนฯ” อย่าง “นายจอห์น โบลตัน” แล้ว ก็เคยได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ “รักชาติอิสราเอลมากซะยิ่งกว่าชาติอเมริกาของตัวเอง” มาก่อนเช่นกัน การหันมาชั่งน้ำหนักเท้า น้ำหนักตีน ระหว่างบุคคลทั้งสอง ว่าใครหนักกว่าใคร หรือใครที่เป็นประโยชน์ต่อลูกหลานชาวยิว ต่อขบวนการไซออนิสต์กันแน่ จึงเป็นสิ่งที่อาจทำให้ “ปาฏิหาริย์” ที่ผู้นำอเมริกันอย่าง “ทรัมป์บ้า” รอคอย หรือรอพลิกกลับมาคว้าชัยชนะในตำแหน่งประธานาธิบดีอีกรอบ จึงยิ่งน่าจะเลือนลางยิ่งขึ้นไปเท่านั้น...
ยิ่งไปกว่านั้น...เมื่อช่วงวันพุธ (1 ก.ค.) สัปดาห์ที่แล้ว ยังมีข่าวความเคลื่อนไหวของอดีต “คณะทำงาน” รัฐบาลประธานาธิบดี “จอร์จ ดับเบิลยู. บุช” ที่เป็นพวกรีพับลิกันแท้ๆ นี่แหละ ว่าได้รวมหัว รวมตัวกันไม่ต่ำกว่า 200 ราย เพื่อจัดตั้งกลุ่มก้อนการเมืองในช่วงสถานการณ์พิเศษ โดยเรียกขานกลุ่มก้อนของตัวเองว่า “43 Alumni for Biden” หรือเกิดการรวมตัว รวมตีน กันเป็น “A new super PAC” เพื่อสนับสนุนผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งพรรคเดโมแครต อย่าง “นายโจ ไบเดน” หรือ “โจวิตถาร” ด้วยการพร้อมที่จะหันไป “ถีบทิ้ง” ประธานาธิบดีแห่งพรรครีพับลิกันอย่าง “ทรัมป์บ้า” ซะเฉยเลย!!! โดยผู้ที่ออกมาเปิดตัวแบบชัดๆ แล้ว ก็มีทั้ง “นางKaren Kirksey” อดีตผู้อำนวยการคณะรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งให้กับอดีตประธานาธิบดี “บุช” เมื่อปี ค.ศ. 2000 และนาย “นายKristopher Purcell” อดีตหัวหน้าฝ่ายสื่อสารทำเนียบขาว ฯลฯ เป็นต้น เรียกว่า...พอๆ กับ “แรมบ้า” หันไปถีบทิ้งพรรค “เผาไทย” เพื่อหันมาเป็น “แรมโบ้” ให้กับนายกฯ “บิ๊กตู่” บ้านเรา ยังไง ยังงั้น...
และก็ไม่ใช่แต่เฉพาะพวก “นักการเมือง” ที่สามารถกลิ้งไป-กลิ้งมา เถลือกไถลตามกระแส ชนิดพื้นคอนกรีตสึกกันไปเป็นแถบๆ เท่านั้น กระทั่งทหาร หรืออดีตทหาร ไม่ว่าที่เคยรับใช้ใกล้ชิด “ทรัมป์บ้า” หรือที่เคยกำหนดระยะห่าง ระยะเคียงกันตามตำแหน่ง หน้าที่ ต่างก็ดูจะหันมารุมเหยียบ รุมกระทืบ ประธานาธิบดีอเมริกันรายนี้ หนักบ้าง เบาบ้าง คนละตีน สองตีน อย่างเป็นระบบและเป็นกิจการเอาเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าตั้งแต่อดีตรัฐมนตรีกลาโหมของ “ทรัมป์บ้า” แท้ๆ อย่าง “พลเอกเจมส์ แมตทิส” ที่กะจะกระทืบกันแบบให้จมดิน จมธรณีกันไปเลย หรือถึงขั้นหยิบเอาประธานาธิบดีของตัวเองไปเปรียบเทียบกับฮิตเลอร์ กับนาซี ถึงขั้นนั้น “พลเรือเอกไมค์ มุลเลน” (Michael Mullen) อดีตประธานเสนาธิการทหารเรือ ที่หันมาจวก “ทรัมป์บ้า” ในข้อหาคิดล่วงละเมิดรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ด้วยการสั่งทหารให้ไปปราบปรามประชาชนผู้ประท้วง เป็นต้น หรือแม้แต่ทหารที่ยังประจำการอย่างประธานเสนาธิการร่วม “พลเอกมาร์ค มิลลีย์” (Mark A. Millen) ที่พร้อมจะ “ออกจดหมายเวียน” ไปยังบรรดากรม กองต่างๆ ให้หันไป “ผูกเชือกรองเท้า” หรือให้ช้าๆ เข้าไว้ เมื่อใดก็ตามที่ถูกประธานาธิบดีสั่งให้ไล่ทุบ ไล่กระทืบ ประชาชนชาวอเมริกัน ที่ออกมาประท้วงตามสิทธิเสรีภาพที่พึงมีในรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ...ฯลฯ ฯลฯ
อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่เอง...ที่น่าจะถือเป็นการ “ส่งสัญญาณ” ค่อนข้างชัดเจน ว่าไม่ว่าสิ่งที่เรียกว่า “Deep State” จะมีอยู่จริงหรือไม่ อย่างไร ในแวดวงอำนาจการเมืองอเมริกันก็ตาม สิ่งที่ว่านั้น...ก็ไม่น่าจะเอาแล้ว!!! หรือไม่น่าจะเอาด้วยกับผู้นำอเมริกันอย่าง “ทรัมป์บ้า” อีกต่อไปแล้ว และจะด้วยเหตุนี้หรือไม่ อย่างไร ก็มิอาจทราบได้ ที่ทำให้หลังๆ นี้...ผู้ที่พร้อมดิ้นรน เถลือกไถล ไปบนสันดอนใดๆ ตามสันดานของตัวเอง อย่าง “ทรัมป์บ้า” ชักออกอาการคล้ายๆ “ถอดใจ” ไม่ดิ้น ไม่คิดออกอาวุธตอบโต้ใครๆ แบบชนิดดอกต่อดอกเหมือนแต่ก่อน หันมารำพึง รำพัน ว่าตัวเองเป็น “นักรบผู้โดดเดี่ยว” เอาเลยถึงขั้นนั้น...
แต่ก็นั่นแหละ...ไม่ว่าทรัมป์อยู่-ทรัมป์ไป ทรัมป์รอด-ไม่รอด คงไม่ใช่เรื่องแปลก หรือเรื่องน่าตื่นเต้ลล์ล์ล์ ตกใจ อะไรมากมายสักเท่าไหร่นัก เพราะที่น่าสนใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือว่า แล้วประเทศอเมริกาหรือสังคมอเมริกัน จะอยู่-จะไป จะรอด-ไม่รอด ตามทรัมป์ไปด้วยหรือไม่??? อย่างไร??? อันนี้นี่แหละ...ที่คงต้อง “ตามไปดู” กันให้ชัดๆ ว่า “จักรวรรดินิยมรายสุดท้าย” ที่ยังดำรงคงอยู่ในปัจจุบัน จะมีสิทธิล่มสลายไปตามแบบฉบับจักรวรรดิกรีก จักรวรรดิโรมัน ฯลฯ เมื่อครั้งอดีต หรือจักรวรรดิสังคมนิยมโซเวียตเมื่อไม่กี่ทศวรรษที่แล้ว หรือไม่ ประการใด โดยคงต้องขออนุญาตลากต่อในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน...
