สัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กก.) ได้รายงานคณะรัฐมนตรี ถึงผลการสอบหาข้อเท็จจริงกรณี "บริษัท ไทยแลนด์ ดิวตี้ ฟรี ช็อปส์ จำกัด"(บจก. TDFS)ภายหลัง 24 ต.ค.60 เห็นชอบให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ บริษัท ไทยแลนด์ ดิวตี้ ฟรี ช็อปส์ จำกัด (บจก. TDFS)จำนวน 166.29 ล้านบาท ออกจากบัญชีงบการเงินของททท. และให้ กระทรวงฯ ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้ทราบถึงสาเหตุ ปัญหา อุปสรรค รวมทั้งผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายของรัฐที่เกิดขึ้นให้ชัดเจนด้วย
ต่อมา ททท.ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีข้างต้น โดยแต่งตั้ง "คณะกรรมการสอบหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ บจก. TDFS" ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้จัดประชุมเพื่อพิจารณาพยานเอกสารและพยานบุคคลจำนวน 11 ครั้ง (ระหว่างเดือนธ.ค.60 - ต.ค.62) สรุปได้ดังนี้
ข้อมูลของ บจก.TDFSระบุว่า จากมติครม. รัฐบาลนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อ 26 ปีที่แล้ว "30 ส.ค.37" ได้เห็นชอบโครงการจัดตั้งร้านค้าปลอดอากรในเมือง โดยให้จัดตั้งเป็นบริษัทจำกัด ในเครือของ ททท. (บจก. TDFS)และให้ ททท. เป็นเจ้าของบริษัทจำกัด ในฐานะผู้ถือหุ้น มีเงินลงทุนจำนวน 200 ล้านบาท
จากนั้น บจก.TDFSได้กู้ยืมเงินจากธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด (มหาชน) วงเงิน 250 ล้านบาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง ทั้งนี้ บจก. TDFSได้ว่าจ้าง บริษัท แอเรียนต้า อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (บจก. ARI)ให้เป็นผู้บริหารร้านค้าปลอดอากรดังกล่าว เนื่องจากเป็นบริษัทที่มีผลงานและประสบการณ์ด้านร้านค้าปลอดอากร โดยทำสัญญา 2 ระยะ ประกอบด้วย ระยะเริ่มต้นให้ บจก. ARIเตรียมเปิดร้านค้าปลอดอากร ระยะเวลาดำเนินการ 6 เดือน ค่าบริการ 1.99 ล้านบาท/เดือน และ ระยะที่ 2 ให้ บจก. ARIบริหารจัดการร้านค้าปลอดอากรเป็นเวลา 5 ปี ค่าบริการ 6.25 ล้านบาท/ปี
บจก. TDFSเริ่มเปิดกิจการขายสินค้าปลอดอากรตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย.38 ซึ่งในช่วงปี38-40 บจก. TDFSมีผลประกอบการขาดทุน 165.63 ล้านบาท 201.59 ล้านบาท และ 265.27 ล้านบาทตามลำดับ รวมทั้งได้ยืมเงินจากททท. รวมทั้งสิ้น16.7 ล้านบาท เนื่องจากประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง
ต่อมา คณะรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี หรือเมื่อ มีมติ (17 มิ.ย.40) อนุมัติให้บริษัท ดิวตี้ฟรี แห่งหนึ่ง เช่าสิทธิในการบริหารร้านค้าปลอดอากรในเมืองจาก ททท. และเช่าทรัพย์สินของ บจก.TDFSเป็นเวลา 10 ปี และอนุมัติให้ ททท. ทดรองจ่ายเงินคงค้างตามสัญญาจ้างบริหารเดิมให้แก่ บจก. ARIในวงเงิน 62 ล้านบาท ไปก่อน เพื่อเป็นการสิ้นสุดสัญญาเดิมระหว่าง บจก. TDFSและ บจก. ARI โดยเร็ว ตามที่ททท. เสนอ
จากนั้น บจก.TDFSได้ยุติการประกอบกิจการร้านค้าปลอดอากร เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.40 ( รวมเวลาดำเนินกิจการร้านค้าปลอดอากร 1 ปี 8 เดือน) และ บริษัทดิวตี้ ฟรี ได้เข้าดำเนินกิจการต่อ เมื่อวันที่ 4 ก.ค.60
"การดำเนินการภายหลัง บจก.TDFSยุติการประกอบกิจการ" เดิมคณะกรรมการ ททท. เห็นว่า การให้ บริษัทดิวตี้ ฟรี แห่งนั้น เช่าสิทธิและทรัพย์สินของ บจก. TDFSจะมีค่าตอบแทนประมาณ 900 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ บจก. TDFSสามารถชำระหนี้สินที่บริษัทมีต่อบุคคลภายนอกได้ทั้งหมด
แต่เนื่องจากในเวลาต่อมา ครม.มีมติ (27 ม.ค.41) สนับสนุนให้มีร้านค้าปลอดอากรหลายแห่ง เพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรี ส่งผลให้ บริษัท ดิวตี้ ฟรี แห่งนั้น ขอยกเลิกข้อตกลงในการเช่าสิทธิ และทรัพย์สินจาก ททท. และ บจก. TDFSเนื่องจากสามารถดำเนินธุรกิจร้านค้าปลอดอากรได้เอง ซึ่งหากดำเนินการตามข้อตกลงเดิม จะทำให้ บริษัทดิวตี้ ฟรี มีต้นทุนสูงและไม่สามารถแข่งขันในเชิงธุรกิจกับผู้ประกอบการรายอื่นได้
"การล้มละลาย" คณะกรรมการฯ พบว่าคณะกรรมการ ททท. ได้พยายามแก้ไขปัญหาของ บจก. TDFSมาโดยตลอด โดยได้แต่งตั้งคณะการต่าง ๆ เพื่อศึกษารายละเอียดวิเคราะห์ข้อมูลเรื่องทรัพย์สิน หนี้สิน สาเหตุการขาดทุน และทางเลือกต่างๆ รวมทั้งศึกษาและหาวิธีการแก้ไขปัญหาหนี้สินของบริษัท TDFS
อย่างไรก็ตาม ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นฟ้อง บจก. TDFSต่อศาลล้มละลายกลาง และต่อมาศาลฯ ได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เมื่อวันที่ 28 ก.ย.44 และมีคำพิพากษาให้ บจก.TDFSเป็นบุคคลล้มละลาย ในวันที่ 2 ก.ย.45
ในวันที่ 1 พ.ย.48 กรมบังคับคดี ได้แจ้งจำนวนส่วนแบ่งที่ ททท. จะได้รับการแบ่งทรัพย์รวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 709,998.12 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.286 ของมูลหนี้ ดังนั้น ททท. จึงต้องขอจำหน่ายหนี้สูญ ซึ่ง ททท.ได้หารือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้แล้ว
โดยคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 5) มีความเห็นว่า กรณี บจก.TDFS นั้น ททท.ได้กระทำกิจการภายในขอบเขตวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวตามที่ พ.ร.บ.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522 กำหนด โดยบางกิจการเป็นการดำเนินการในทางธุรกิจ ซึ่งการเกิดหนี้สูญย่อมถือเป็นกรณีปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้
คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ ได้สรุปสาเหตุ ปัญหา และอุปสรรคที่ทำให้เกิดการจำหน่ายหนี้สูญออกจากบัญชีลูกหนี้ของ บจก. TDFS พบว่า บจก. TDFSดำเนินกิจการร้านค้าปลอดอากรได้เพียง 1 ปี 8 เดือน ซึ่งเป็นการประกอบธุรกิจในระยะเวลาอันสั้น ทั้งนี้ การดำเนินกิจการร้านค้าปลอดอากรที่มีเงินลงทุนสูงต้องใช้เวลาคืนทุนประมาณ 5 ปีขึ้นไป
ด้วยเหตุนี้ บจก. TDFSจึงไม่สามารถคืนทุน หรือได้รับผลกำไรจากการประกอบธุรกิจได้ อีกทั้ง บจก. TDFSมีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ทำให้ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงินจนขาดทุน ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายของครม.ที่สนับสนุนให้มีร้านค้าปลอดอากรหลายแห่ง เพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรี
ส่งผลให้แนวทางที่ ททท. เสนอให้ บริษัทดิวตี้ ฟรี เช่าสิทธิและทรัพย์สินของ บจก. TDFSเป็นระยะเวลา 10 ปี โดยจ่ายค่าตอบแทน 900 ล้านบาท เพื่อให้ บจก. TDFSสามารถชำระหนี้ได้ทั้งหมดนั้น ไม่อาจดำเนินการให้บรรลุผลได้ ทำให้ บจก. TDFSอยู่ในสภาวะหนี้สินล้นพ้นตัว และกลายเป็นบุคคลล้มละลายตามคำพิพากษา
ตอนท้ายของ คณะกรรมการผลสอบหาข้อเท็จจริงฯ สรุปว่า การดำเนินกิจการของ บจก. TDFSเป็นการดำเนินกิจกรรมตามวัตถุประสงค์แห่งพ.ร.บ.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522 ประกอบกับ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ปฏิบัติตามระเบียบ ข้อบังคับ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องตามหน้าที่ของตนอย่างครบถ้วน และเต็มความสามารถแล้ว
รวมทั้ง ททท.ได้พยายามแก้ไขปัญหาหนี้สินของ บจก. TDFSมาโดยตลอด ซึ่งเมื่อ ททท. ได้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่กฎหมายกำหนดแล้ว บางกิจการเป็นการดำเนินการในทางธุรกิจ ซึ่งการเกิดหนี้สูญย่อมถือเป็นกรณีปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้และถือเป็นความเสี่ยงของการประกอบกิจการตามปกติ
ดังนั้น คณะกรรมการฯ พิจารณาแล้วเห็นว่า "ไม่ต้องมีผู้รับผิดชอบต่อความเสียหาย" ที่เกิดขึ้นจากการจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ บจก. TDFS ออกจากบัญชีแต่อย่างใด