"บิ๊กตู่" นำทัพครม.สัญจรนราธิวาส 20-21 ม.ค.นี้ "นายด่านสุไหงโกลก" เผย เศรษฐกิจนราธิวาส ทรุดฮวบ โรงแรม-ธุรกิจ ทะยอยปิดตัว เหตุปัจจัยความไม่สงบ กระทบจิตใจ ด้าน"ศอ.บต."เตรียมชง แพ็กเกจใหญ่ ฟื้นเศรษฐกิจชายแดนใต้
วานนี้ (19 ม.ค) เพจเฟซบุ๊ก“ไทยคู่ฟ้า”โพสต์ข้อความ ระบุว่า ระหว่างวันที่ 20-21 ม.ค.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พร้อมคณะจะลงพื้นที่ตรวจราชการ และประชุมครม.สัญจร ณ จ.นราธิวาส โดยภารกิจส่วนหนึ่งจะไปติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วม พื้นที่ชุมชนเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก เยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ชุมชน OTOPพบปะประชาชนชาวไทยพุทธและมุสลิม รวมทั้งร่วมพูดคุยกับผู้นำศาสนาในพื้นที่ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการประชุมครม.สัญจรครั้งนี้ ทางสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้นำคณะสื่อมวลชนไปร่วมสังเกตการณ์ ที่ด่านสุไหง-โกลก เมืองต้นแบบด่านการค้าชายแดน เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินนโยบายของรัฐบาล ในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน (นราธิวาส ปัตตานี ยะลา) โดยมี พ.ต.ท.ธนากร สับประสาน สารวัตรตรวจคนเข้าเมือง นายจักรกฤช อุเทนสูต นายด่านศุลกากร สุไหง-โกลก ให้การต้อนรับ
นายจักกฤช เปิดเผยว่า ด่านสุไหง-โกลก ได้เปิดใช้งานมา 89 ปี เน้นเรื่องความมั่นคง และอำนวยความสะดวกด้านการค้า โดยมีทำงานควบคู่กับ กองทัพภาค 4 ในการแบ่งปันข้อมูล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน และยังมีระบบไบโอแมทริกซ์ เข้ามาใช้ในด่าน โดยสามารถใช้ตรวจอัตลักษณ์ได้ผล 100% โดยเฉพาะผู้ต้องสงสัย และบุคคลที่ติดแบล็กลิสต์ จะไม่สามารถผ่านด้านตรวจได้
ขณะที่มูลค่าการค้าอยู่ที่ 3,200 ล้านบาท ซึ่งถือว่าไทยยังเสียดุลการค้าให้แก่มาเลเซีย ที่ส่วนใหญ่นำเข้าไม้แปรรูป และอาหารทะเลสด แต่เนื่องจากปีนี้แล้วสถานการณ์เศรษฐกิจไม่ดี ทำให้มูลค่าการค้าลดลงเหลือ 2,000 ล้านบาท
สำหรับปัจจัยทำให้เศรษฐกิจถดถอย เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยน ภาวะเศรษฐกิจภายในและนอกประเทศ โดยเห็นได้ชัดจากการนำเข้าไม้แปรรูปที่ลดลง รวมถึงสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ในจังหวัดชายแดนใต้ที่กระทบต่อความเชื่อมั่น และจิตใจของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ตลอดการเสนอข่าวสารของประเทศเพื่อนบ้าน ยิ่งทำให้ความเชื่อมั่นลดลง นักท่องเที่ยวลดลง โรงแรมและภาคธุรกิจ ทยอยปิดตัวลงในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบัน มีผู้โดยสารเข้าออกด่านตรวจ 6,000-7,000 คน และรถยนต์ 200 คัน
ทั้งนี้ ในการประชุมครม.สัญจรครั้งนี้ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จะเสนอขออนุมัติ เป็นแพ็กเกจใหญ่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยเฉพาะกระทรวงการคลัง จะเสนอมาตรการร้านค้าปลอดอากร โดยให้คนไทยที่มีบัตรประชาชนมีสิทธิ์ซื้อสินค้าในร้านค้าปลอดอากร (duty free)ที่ตั้งในพื้นที่ 3 อำเภอดังกล่าวได้ ในวงเงิน 20,000 บาท/ครั้ง โดยได้รับยกเว้นภาษี และอากรศุลกากร แต่ยังต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)7% โดยไม่ต้องข้ามไปยังประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นโมเดลใหม่ของประเทศ ตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการสร้างโครงการเมืองต้นแบบ สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ในพื้นที่ 3 อำเภอใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้" นายจักกฤช กล่าว
วานนี้ (19 ม.ค) เพจเฟซบุ๊ก“ไทยคู่ฟ้า”โพสต์ข้อความ ระบุว่า ระหว่างวันที่ 20-21 ม.ค.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พร้อมคณะจะลงพื้นที่ตรวจราชการ และประชุมครม.สัญจร ณ จ.นราธิวาส โดยภารกิจส่วนหนึ่งจะไปติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วม พื้นที่ชุมชนเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก เยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ชุมชน OTOPพบปะประชาชนชาวไทยพุทธและมุสลิม รวมทั้งร่วมพูดคุยกับผู้นำศาสนาในพื้นที่ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการประชุมครม.สัญจรครั้งนี้ ทางสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้นำคณะสื่อมวลชนไปร่วมสังเกตการณ์ ที่ด่านสุไหง-โกลก เมืองต้นแบบด่านการค้าชายแดน เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินนโยบายของรัฐบาล ในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน (นราธิวาส ปัตตานี ยะลา) โดยมี พ.ต.ท.ธนากร สับประสาน สารวัตรตรวจคนเข้าเมือง นายจักรกฤช อุเทนสูต นายด่านศุลกากร สุไหง-โกลก ให้การต้อนรับ
นายจักกฤช เปิดเผยว่า ด่านสุไหง-โกลก ได้เปิดใช้งานมา 89 ปี เน้นเรื่องความมั่นคง และอำนวยความสะดวกด้านการค้า โดยมีทำงานควบคู่กับ กองทัพภาค 4 ในการแบ่งปันข้อมูล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน และยังมีระบบไบโอแมทริกซ์ เข้ามาใช้ในด่าน โดยสามารถใช้ตรวจอัตลักษณ์ได้ผล 100% โดยเฉพาะผู้ต้องสงสัย และบุคคลที่ติดแบล็กลิสต์ จะไม่สามารถผ่านด้านตรวจได้
ขณะที่มูลค่าการค้าอยู่ที่ 3,200 ล้านบาท ซึ่งถือว่าไทยยังเสียดุลการค้าให้แก่มาเลเซีย ที่ส่วนใหญ่นำเข้าไม้แปรรูป และอาหารทะเลสด แต่เนื่องจากปีนี้แล้วสถานการณ์เศรษฐกิจไม่ดี ทำให้มูลค่าการค้าลดลงเหลือ 2,000 ล้านบาท
สำหรับปัจจัยทำให้เศรษฐกิจถดถอย เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยน ภาวะเศรษฐกิจภายในและนอกประเทศ โดยเห็นได้ชัดจากการนำเข้าไม้แปรรูปที่ลดลง รวมถึงสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ในจังหวัดชายแดนใต้ที่กระทบต่อความเชื่อมั่น และจิตใจของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ตลอดการเสนอข่าวสารของประเทศเพื่อนบ้าน ยิ่งทำให้ความเชื่อมั่นลดลง นักท่องเที่ยวลดลง โรงแรมและภาคธุรกิจ ทยอยปิดตัวลงในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบัน มีผู้โดยสารเข้าออกด่านตรวจ 6,000-7,000 คน และรถยนต์ 200 คัน
ทั้งนี้ ในการประชุมครม.สัญจรครั้งนี้ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จะเสนอขออนุมัติ เป็นแพ็กเกจใหญ่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยเฉพาะกระทรวงการคลัง จะเสนอมาตรการร้านค้าปลอดอากร โดยให้คนไทยที่มีบัตรประชาชนมีสิทธิ์ซื้อสินค้าในร้านค้าปลอดอากร (duty free)ที่ตั้งในพื้นที่ 3 อำเภอดังกล่าวได้ ในวงเงิน 20,000 บาท/ครั้ง โดยได้รับยกเว้นภาษี และอากรศุลกากร แต่ยังต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)7% โดยไม่ต้องข้ามไปยังประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นโมเดลใหม่ของประเทศ ตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการสร้างโครงการเมืองต้นแบบ สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ในพื้นที่ 3 อำเภอใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้" นายจักกฤช กล่าว