หะแรก...ว่าจะชวนให้ตามไปดูแถวๆ พรมแดน “จีน-อินเดีย” ที่เห็นว่าทหารจีน-ทหารอินตะระเดีย กลับมาใส่กันและกัน ยิงกันตายไปอีกซะแล้ว ไม่ก็อาจโผล่ไปแถวพรมแดน หรือแถวๆ “เขตปลอดทหาร” ระหว่าง “หลีเหนือกับหลีใต้” ที่เห็นว่าถึงขั้นบอมม์ม์ม์ สำนักงานติดต่อระหว่างกันและกัน จนแทบไม่เหลือซาก แต่ทั้ง 2 เรื่อง 2 ฉากเหตุการณ์ที่ว่า...ดูๆ แล้ว มันยังน่าที่จะพอมีช่อง มีโอกาส ที่พอพูดคุยเจรจา หรือ “พูดกันรู้เรื่อง” ได้มั่ง รอไว้อีกสักพักก็คงไม่สาย ต่างไปจากฉากเหตุการณ์ในอเมริกา ที่คงต้องตามไปดู ตามไปเจาะ-เกาะ-ติดกันต่อ อย่างมิอาจปฏิเสธได้ เนื่องจากนับวัน...ไม่ว่าฝ่ายไหนต่อฝ่ายไหน ชัก “พูดกันไม่รู้เรื่อง” หนักยิ่งเข้าไปทุกที...
คือแม้จะเจอกับ “วิกฤตการณ์” หรือฉากเหตุการณ์ระดับหนักหนาสาหัสถึง 2 ดอกด้วยกัน ดอกแรกก็คือการแพร่ระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัส “COVID-19” ที่ทำให้อเมริกันชนติดเชื้อไปแล้วไม่ต่ำกว่า 2,111,622 คน (ตามตัวเลขสถิติวันที่ 16 มิถุนายน) เด๊ดสะมอเร่ อิน เดอะ เท่งทึงไปแล้ว ถึง 116,114 คน ตามด้วยฉากเหตุการณ์การระเบิดความคับแค้น แน่นอก ความเจ็บใจ ฝังใจ ต่อเรื่องการเหยียดผิว เหยียดเผ่าพันธุ์ ที่อาจถือเป็น “ปฐมบาป” ของอเมริกามาแต่แรก โดยแนวโน้มของฉากเหตุการณ์ทั้งสอง ไม่ว่าผ่านช่วงเวลา หรือผ่านการพูดคุยเจรจากันในระดับไหนต่อระดับไหน ต่างแทบไม่ได้ช่วยให้เกิดการบรรเทา เบาบาง เกิดช่องทางในการแก้ปัญหา ชนิดพอเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ได้เลยแม้แต่น้อย หรือมีแนวโน้มหนักไปทาง “พูดกันไม่รู้เรื่อง” ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ...
แค่เฉพาะเรื่องของการเหยียดผิว เหยียดเผ่าพันธุ์นั้น...แม้ผ่านมานับเป็นสัปดาห์ๆ หรือร่วมๆ เดือนเข้าไปแล้ว การประท้วงลุกฮือ ภายใต้กระแส “ชีวิตคนดำก็มีค่ามีความหมาย” หรือ “Black Lives Matter Movement” นอกจากไม่ได้มีทีท่าจะ “เหี่ยวปลาย” ลงไปบ้างเลย ยังออกไปทางบานปลาย ปลายบานหนักขึ้นไปอีก อย่างเช่น การยึดพื้นที่ ยึดอาณาเขตใจกลางเมืองซีแอตเทิล โดยการนำของศิลปิน นักร้องเพลงแร็พชื่อดัง อย่าง “นายราซ ซิโมนา” (Raz Simone) ที่เคยออกอัลบัมเพลงประเภทฮิปฮอปมาแล้วหลายชุด เคยออกทัวร์คอนเสิร์ตทั่วอเมริกา แล้วล่าสุดมาตั้งวงโชว์การแสดง ณ ใจกลางเมืองซีแอตเทิล ระหว่างที่เชื้อ “COVID-19” กำลังระบาด โดยไม่สนใจการ “เว้นระยะห่างทางสังคม” เอาเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งได้จังหวะ โอกาส แบบไหน อย่างไร ก็มิอาจสรุปได้ เลยประกาศจัดตั้งพื้นที่ประมาณ 6 บล็อกใจกลางเมือง ให้เป็น “เขตปกครองตนเอง” หรือเขตปลอดตำรวจ ปลอดอำนาจรัฐ โดยตั้งชื่อไว้เก๋ไก๋ว่า “Capitol Hill Autonomous Zone” หรือที่เรียกกันย่อๆ ว่า “CHAZ” จนก่อให้เกิดภาวะ “หนึ่งประเทศ-สองระบบ” โผล่ขึ้นมาใจกลางรัฐวอชิงตันเอาดื้อๆ!!!
โดยที่ “ระบบ” ของ “นายราซ ซิโมนา” หรือ “ซิโมเน” นั้น...ไม่ว่าจะออกไปทางอนาคิสต์ อนาธิปไตย หรือประชาธิปไตยในรูปไหน แบบไหน ก็แล้วแต่ ดูจะสร้างความทุกข์ ความเดือดร้อน ให้บรรดาอเมริกันชนในอาณาเขต 6 บล็อก หรือในเขตปกครองตนเองดังกล่าว ไม่น้อยไปกว่าบรรดาชาวเกาะฮ่องกง ที่ต้องเจอกับ “ม็อบโจชัว หว่อง” ภายใต้ภาวะ “หนึ่งประเทศ-สองระบบ” ของเมืองจีนเอาเลยก็ว่าได้ คือต้องเจอกับการปล้น การเผา การข่มขู่รีดไถ เรียกเก็บภาษีจากคนขาวรายละ 10 ดอลลาร์ เพื่อเอาไปช่วยการต่อสู้ของคนผิวดำ ฯลฯ โดยที่อำนาจรัฐ หรือรัฐบาลกลางของ “ทรัมป์บ้า” ไม่อาจทำอะไรได้มากมายสักเท่าไหร่ ด้วยเหตุเพราะนายกเทศมนตรีซีแอตเทิล “นางเจนนี เดอร์กาน” (Jenny Durkan) อดีตอัยการที่ได้รับการแต่งตั้งโดยอดีตประธานาธิบดี “บารัค โอบามา” แห่งพรรคเดโมแครต เธอออกมาช่วยปกป้อง “ความงดงามแห่งประชาธิปไตย” จนยากที่ทำอะไรต่อมิอะไรกับพวก “Ugly Anarchist” อันเป็นสมญานามที่ ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน อย่าง “ทรัมป์บ้า” เรียกขานสาวกของ “นายราซ ซิโมนา” มาโดยตลอด แม้แต่ตำรวจที่คิดยกพหลพลโยธาเข้าไปสลายเขตปกครองตนเองดังกล่าว ก็ยังถูกผู้พิพากษาประจำเมือง รวมทั้งสภาเมืองซีแอตเทิล ห้ามไม่ให้ใช้แก๊สน้ำตา ระเบิดควันสลบ หรือสเปรย์พริกไทย ฯลฯ อีกต่างหาก...
ดังนั้น...แนวโน้มที่จะนำไปสู่การบานปลาย ปลายบาน จึงเริ่มปรากฏให้เห็นเมื่อบรรดาพวก “ขวาจัด” ในอเมริกา ที่ถูกเรียกรวมๆ ว่าพวก “American Patriots” อันประกอบไปด้วยกลุ่มก้อนต่างๆ จำนวนมากมาย ไม่ว่ากลุ่ม “JBS” (John Birch Society)กลุ่ม “LS” (League of the South) กลุ่ม “ILFM” (Idaho Light Foot Militia) หรือกลุ่ม “Three Percent” ที่รวมเอาบรรดา “สิงห์มอเตอร์ไซค์” ไปจนถึงพวก “นีโอ-นาซี” เอาไว้เยอะแยะ ฯลฯ ได้ออกมาป่าวประกาศว่าจะ “ลุยเอง” หรือจะเตรียมยึดพื้นที่คืนจากบรรดาพวกอนาธิปไตยผิวดำ ในอีกไม่นาน-ไม่ช้านับจากนี้...
หรือพูดง่ายๆ ว่า...แนวโน้มที่จะเกิดการปะทะระหว่างพวก “สุดโต่ง” ในแต่ละด้าน หรือพวก “ขวาจัด” และ “ซ้ายจัด” ในอเมริกา ยิ่งมีความเป็นไปได้สูงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งมีการไล่รื้อ “อนุสาวรีย์” ตามสถานที่ต่างๆ ชนิดแม้แต่อนุสาวรีย์ “จอร์จ วอชิงตัน” ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “บิดาของประเทศอเมริกา” เอาเลยก็ว่าได้ วัน-สองวันที่ผ่านมานี่เอง ณ โรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน ยังถูกรื้อลงมานอนเค้เก้ถูกพ่นสีคำว่า “เจ้าของทาส” เอาไว้ประจาน หรือประณามซะเฉยเลย ส่วนที่ “Albuquerque” ในรัฐนิว เม็กซิโก ระหว่างรื้อไป-รื้อมา เลยหนีไม่พ้นต้องควักปืนออกมายิงใส่กัน ระหว่างฝ่ายขวากับฝ่ายซ้ายจนได้...
ด้วย “อารมณ์” ที่ยังคงเดือดพล่านไปด้วยกันทั้งสองฝ่าย เลยแทบไม่มีใครสนใจ “เหตุผล” ของมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส “COVID-19” ต่อไปอีกแล้ว การออกมารวมพลัง รวมมือ รวมตีน เพื่อต่อต้านการเหยียดผิว เหยียดเผ่าพันธุ์ โดยไม่จำเป็นต้องสนใจการเว้นระยะห่างทางสังคม การสวมหน้ากากอนามัย การล้างมือ ล้างไม้ จึงทำให้ “ตัวเลขผู้ติดเชื้อ” ในรัฐต่างๆ ของอเมริกา จึงยังคงพุ่งโด่งแบบชนิดรั้งไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ ขณะที่แม้แต่กระทั่งผู้นำประเทศ อย่าง “ทรัมป์บ้า” ก็ไม่ได้คิดสนใจมาตรการป้องกันใดๆ อีกต่อไป การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งครั้งล่าสุด ที่เมือง “Tulsa” รัฐโอกลาโฮมา เมื่อช่วงวันเสาร์ (13 มิ.ย.) ที่ผ่านมา เลยเต็มไปด้วยบรรยากาศที่พร้อมจะ “ซูเปอร์ สเปรด” กันเห็นๆ คือเต็มไปด้วยผู้คนที่พร้อมให้การสนับสนุน “ทรัมป์บ้า” นับหมื่นๆ คน ยืนเบียดหลัง เบียดไหล่ หายใจรดหน้า พ่นละอองเรณูใส่กันและกัน ส่งเสียงเชียร์ให้ประธานาธิบดีที่ไม่ได้คิดจะสวมหน้ากากอนามัยใดๆ แม้แต่น้อย ให้กลับมาเป็นผู้นำอเมริกาอีกครั้งให้จงได้...
ภายใต้สภาพเช่นนี้....ตัวเลขคนติดเชื้อที่ปาเข้าไปแล้วประมาณ 2,111,622 ราย จะเพิ่มขึ้นไปอีกกี่แสน กี่ล้านราย ก็ยังมิอาจคาดคำนวณได้ เช่นเดียวกับตัวเลขคนตายที่ตายไปแล้ว 116,114 คน จะต้องตายไปอีกกี่พัน กี่หมื่นราย ก็ยังยากที่จะสรุป แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...โอกาสฟื้นคืนกลับมาแบบ “America Great Again” แทบเป็นไปไม่ได้เอาเลย ไม่ว่าในทางการเมือง เศรษฐกิจ การทหาร หรือแม้แต่กระทั่งการเงินก็ตาม ชนิดที่คอลัมนิสต์แห่งสำนักข่าว “Mint Press News” อย่าง “นายราอูล ดิเอโก” (Raul Diego) ถึงกับกล้าออกมา “ฟันธง” เอาไว้ก่อนล่วงหน้าว่า “American Exceptionalism Is on the Ropes and the End of the Petro Dollar Is Nigh” หรือ “ลัทธิยกเว้นตัวเองของอเมริกา กำลังแขวนคอตัวเองและจุดจบของเปโตรดอลลาร์กำลังมาถึงในอีกไม่ใกล้-ไม่ไกล” ใครสนใจรายละเอียด ก็ลองไปหาอ่านกันเอาเองก็แล้วกัน...