โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำทำเนียบขาวจอมห้าว อยากให้ประชาคมโลกมองว่าตัวเองเป็น “บุรุษผู้แข็งแกร่ง” หรือ strong man กำลังเป็นเป้าของการคาดคะเนว่าจะชนะการเลือกตั้งรักษาเก้าอี้ไว้อยู่เป็นสมัยที่ 2 หรือไม่ หรือจะอยู่ได้เพียง 1 สมัยเท่านั้น
ถ้าพ่ายแพ้ ทรัมป์มีความเสี่ยงสูงที่จะเผชิญปัญหาด้านกฎหมายหลายอย่าง เพราะมีโจทย์เยอะ และพฤติกรรมช่วงการเป็นผู้นำได้สร้างความน่าสงสัยไว้หลายประการ โดยเฉพาะความซื่อสัตย์สุจริต ถูกมองว่าใช้ตำแหน่งเอื้ออวยธุรกิจของตน
ไม่เปิดเผยตัวเลขรายได้และภาษีว่าเสียมากน้อยเพียงใด และมีคนเชื่อว่าทรัมป์ไม่ได้เสียภาษีเงินได้เลย ไม่อย่างนั้นคงไม่พยายามปกปิด โดยใช้ทนายความและกระบวนการทางศาล ดิ้นรนหนักไม่ให้ข้อมูลถูกเปิดเผยเด็ดขาด
ทรัมป์จะเป็นแมว 9 ชีวิต ใช้ลีลาต่างๆ พลิ้ว เบี่ยงบ่าย โบ้ย ตะแบง สร้างข่าวข้อมูลปลอมเพื่อหักเหความสนใจของประชาชนจากจุดอ่อนและความเสียหายที่ตัวเองก่อไว้ เพื่อให้กลุ่มคนขาวที่นิยมนโยบาย แนวคิดขวาจัด เลือกให้อยู่ต่อให้ได้
ทรัมป์เป็นนักการเมืองหน้าทน หนา ด้าน กะล่อน ปลิ้นปล้อน ร้อยลิ้นกะลาวน เอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้คนอื่น โกหกพกลมอย่างไม่รู้สึกอาย สารพัดความเลวร้ายซึ่งฝ่ายตรงข้ามยกมาโจมตี แต่ทรัมป์ไม่แคร์ ใช้ลีลาทำให้ข้อกล่าวหามีพลังแค่แผ่วเบา
ถ้าเป็นนักการเมืองธรรมดา และโดนหนักอย่างนี้ คงไปนานแล้ว หรืออยู่ในสภาพย่อยยับเกินเยียวยาได้ แต่ทรัมป์ไม่ธรรมดา เป็นนักธุรกิจซึ่งไม่คำนึงถึงศีลธรรม จรรยาความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ทำธุรกิจไม่ต้องเอาประเด็นเมตตาธรรมมารบกวนจิตใจ
ทรัมป์ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อาคารสูง สนามกอล์ฟ รีสอร์ต ยิ่งต้องมุ่งทำกำไรสูงสุด เคยทำกาสิโนที่แอตแลนติก ซิตี้ หวังแข่งกับลาสเวกัส แต่เจ๊งไม่เป็นท่า ความเป็นคนมาจากครอบครัวร่ำรวย พื้นฐานดี ทรัมป์มองไม่เห็นหัวคนจน
ทำรายการทีวี The Apprentice เป็นรายการเรียลิตี้ ซีรีส์ ออกอากาศนานหลายปี เน้นความสามารถในการจัดการแผนธุรกิจ ทรัมป์เป็นผู้ดำเนินรายการเอง ถูกมองว่าใช้ถ้อยคำดูหมิ่น หยามผู้เข้าร่วมรายการ แสดงความยโสโอหังข่มผู้อื่น
สะท้อนให้เห็นทรัมป์ในการเป็นผู้นำประเทศชาติมหาอำนาจซึ่งมาจากชัยชนะการเลือกตั้งที่คาดไม่ถึง ทำให้ทรัมป์รู้สึกลำพอง ผยองอำนาจยิ่งกว่าเสือติดปีก
ยิ่งใช้ความแข็งแกร่ง เลือดเย็นจากการทำธุรกิจมาใช้กับชีวิตการเมือง เท่ากับทรัมป์มีพลัง 2 สภาวะ ทนทานต่อการเสียดสี ความไม่รู้สึกอาย ไร้มโนสำนึก มีสื่อไล่นับจำนวนการกล่าวโกหก ข้อมูลจริงครึ่งผิดครึ่ง รวมแล้วมีมากหลายพันครั้ง
แต่ทรัมป์ก็ไม่รู้สึกอาย ใช้วิธีสร้างเรื่อง สร้างเหตุใหม่เพื่อกลบเรื่องเก่า เรื่องเน่า
หลังจากเกิดการประท้วงทั่วประเทศ ในกรณีตำรวจเมืองมินนิอาโปลิส ทำให้คนผิวดำเสียชีวิต มีความรุนแรง คนก่อการจลาจล บุกเข้าขโมยของในห้างร้าน เผาเมือง ก็ยิ่งทำให้คนทั้งโลกได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของทรัมป์ ว่าเป็นคนเหยียดสีผิว
นิสัยไม่ยอมรับความผิดพลาด โทษแต่คนอื่น ที่ได้แสดงออกกับจีน และองค์การอนามัยโลกในการระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 ก็ยิ่งทำให้เห็นความเป็นตัวตนของทรัมป์ และการไร้ความสามารถในการจัดการ ควบคุมสถานการณ์
ทั้งๆ ที่ตัวเองควรแสดงให้เห็นความเป็นผู้นำมีฝีมือในการจัดการวิกฤต ทรัมป์บ้อท่า ทำให้คนอเมริกันติดเชื้อมากเกือบถึง 2 ล้านคน มีคนเสียชีวิตกว่า 1.1 แสนคน เป็นอันดับ 1 ของโลก หลังจาก 6 เดือนผ่านไป สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นจนน่าพอใจได้
การประท้วงเรื่องการตายของจอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวดำ ทรัมป์โทษผู้ชุมนุมว่าเป็นพวกอันธพาล พวกก่อการร้าย และพวกซ้ายหัวรุนแรง ทั้งๆ ที่คนเข้าร่วมนั้นมีทุกผิวสี และการชุมนุมหลายเมืองทั่วโลก ทั้งในยุโรป มาถึงออสเตรเลีย นิวซีแลนด์
เป็นประเทศที่ประชาชนได้รับการข่มเหง ความไม่เป็นธรรมจากตำรวจผิวขาว ดังนั้นจึงมีความเข้าใจกัน การชุมนุมในสเปน ทรัมป์ถูกประณามว่าเป็นอาชญากรด้วยจากเหตุที่แสดงออกให้เห็นการสนับสนุนตำรวจ เจ้าหน้าที่ให้ใช้อำนาจเต็มที่
ทรัมป์ใช้คำว่าเจ้าหน้าที่ต้องหาทางควบคุมสถานการณ์ให้ได้ ถึงขั้นขู่ว่าจะให้กองทัพประจำการเข้าปราบปรามผู้ก่อความไม่สงบนอกจากกลุ่มกองกำลังพิทักษ์ชาติและตำรวจจากหน่วยต่างๆ เมื่อมีเสียงคัดค้าน ทรัมป์ก็เปลี่ยนท่าที ยอมถอยฉาก
ในสัปดาห์ก่อน บรรดาอดีตผู้นำกองทัพ อดีตรัฐมนตรีกลาโหม ต่างพากันออกมาโจมตีทรัมป์ว่าเป็นผู้สร้างความแตกแยกของคนในชาติ ขาดจิตสำนึกความรับผิดชอบ ไม่รู้สึกผิดชอบชั่วดี มุ่งแต่เอาผลประโยชน์ส่วนตน และโกหกหน้าด้านๆ
อดีตรัฐมนตรีกลาโหม เจมส์ แมตทิส ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในกลุ่มทหาร ก็ออกมาร่ายยาว ประณามทรัมป์ว่าเป็นผู้นำขาดคุณงามความดีร้ายแรง ทำให้สังคมเป็นว่าอดีตผู้นำหน่วยทหารเกษียณเป็นตัวแทนพวกที่ยังอยู่ในราชการ
ล่าสุด พลเอกคอลิน เพาเวลล์ อดีตประธานคณะเสนาธิการร่วม และรัฐมนตรีต่างประเทศผิวดำคนแรกของสหรัฐฯ ก็ออกมาประณามทรัมป์ว่าเป็นคนโกหก สร้างความแตกแยก และประกาศว่าจะไม่เลือกทรัมป์ แม้จะสังกัดพรรครีพับลิกันด้วยกัน
การโดนรุมกระหน่ำโดยคนมีชื่อเสียง น่าเชื่อถือ ไม่ทำให้ทรัมป์รู้สึกยี่หระ หรือสำนึก ทำได้อย่างมากก็กบดานอยู่ในทำเนียบขาวซึ่งถูกปิดล้อมโดยตาข่ายเหล็กสูงกว่า 5 เมตร ทำให้ผู้ประท้วงบริเวณข้างนอกไม่สามารถแทรกซึมเข้าวงในได้
คะแนนยังตามหลังคู่ชิงคือ โจ ไบเดนหลายจุด โอกาสที่ทรัมป์จะตีตื้นขึ้นมาได้นั้นต้องแก้ปัญหาโควิด-19 และทำให้เศรษฐกิจหยุดสภาวะถดถอยภายใน 5 เดือนนี้