เอเอฟพี - ผู้ประท้วงนับหมื่นยังคงชุมนุมกันอย่างสงบเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมด้านเชื้อชาติในหลายเมืองทั่วอเมริกา รวมถึงในประเทศอื่นๆ ภายหลังการตายของจอร์จ ฟลอยด์ ชายแอฟริกัน-อเมริกันระหว่างการควบคุมตัวของตำรวจผิวขาวเมื่อปลายเดือนที่แล้ว ขณะที่ทรัมป์ทวีตเรียกแขกว่า ฝูงชนในวอชิงตัน ดี.ซี. “น้อยกว่าที่คิดมาก”
รายงานระบุว่า เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (6 มิ.ย.) ยังคงมีการประท้วงอย่างต่อเนื่องในเมืองต่างๆ ตั้งแต่นิวยอร์กถึงลอสแองเจลิส โดยเฉพาะในวอชิงตันที่ผู้คนนับพันทั้งผิวดำ ขาว และน้ำตาล รวมตัวกันบนถนนหลายสายกลางเมืองที่ล้อมรอบทำเนียบขาว ซึ่งมีการติดตั้งรั้วโลหะสีดำป้องกันฝูงชน และมีเฮลิคอปเตอร์บินตรวจตราเป็นระยะ
ทหารและตำรวจควบคุมสถานการณ์การชุมนุมอยู่โดยรอบ แต่ดูเหมือนมีจำนวนน้อยลงกว่าช่วงหลายวันก่อนและบรรยากาศโดยรวมดูผ่อนคลายลง
นอกจากนั้น เมื่อวันเสาร์ยังมีการจัดพิธีรำลึกถึงฟลอยด์ในนอร์ทแคโรไลนา ซึ่งเป็นรัฐบ้านเกิดของเขา โดยมีคนนับร้อยเฝ้ารออยู่สองข้างทาง หลังจากเมื่อวันพฤหัสบดี (4 มิ.ย.) ได้มีการจัดพิธีนี้ที่มินนิอาโปลิส
การประท้วงที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกว่า 10 วันมีที่มาจากคลิปตำรวจมินนีอาโปลิสใช้เข่ากดคอฟลอยด์นานเกือบ 9 นาทีจนเสียชีวิต ถือเป็นคนผิวดำไม่มีอาวุธรายล่าสุดที่ถูกตำรวจผิวขาวฆ่า โดย ดีเร็ก ชอวิน ตำรวจที่ก่อเหตุ ถูกกล่าวหาฆ่าคนตายโดยเจตนาแต่ไม่ได้ไตร่ตรองล่วงหน้า
ความไม่พอใจจากการตายของฟลอยด์เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม นำไปสู่การก่อความไม่สงบครั้งรุนแรงที่สุดโดยประชาชน นับจากการลอบสังหารมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ สัญลักษณ์การต่อสู้เพื่อสิทธิพลเมืองของอเมริกาในปี 1968
การประท้วงอย่างสงบในวันเสาร์เกิดขึ้นในหลายเมือง เช่น นิวยอร์กซิตี้ ฟิลาเดลเฟีย ชิคาโก ลอสแองเจลิส และซานฟรานซิสโก แต่การประท้วงในวอชิงตันถือว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดนับจากที่ฝูงชนรวมตัวกันครั้งแรกในมินนิอาโปลิสเมื่อปลายเดือนที่แล้วก่อนจะลุกลามไปยังเมืองอื่นๆ ทั่วอเมริกาและในต่างประเทศ
รายงานระบุว่า ประชาชนในหลายประเทศออกมาแสดงจุดยืนต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติร่วมกับผู้ประท้วงในอเมริกา เช่น ในอังกฤษ ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย ตูนีเซีย
การประท้วงต่อเนื่องนานหลายวันในอเมริกายังมีทั้งภาพความรุนแรง การเข้าปล้นร้านค้า และตำรวจใช้กำลังเกินกว่าเหตุกับผู้ประท้วง
เมื่อวันเสาร์ ตำรวจ 2 นายในบัฟฟาโล รัฐนิวยอร์ก ถูกตั้งข้อหาทำร้ายร่างกาย หลังมีการเผยแพร่คลิปตำรวจคู่นี้ผลักผู้ประท้วงวัย 75 ปี ล้มศีรษะกระแทกพื้นและมีเลือดไหลออกมาซึ่งทำให้ผู้คนจำนวนมากไม่พอใจ
อย่างไรก็ตาม ที่ซีแอตเติลมีการประกาศห้ามตำรวจใช้แก๊สน้ำตาชั่วคราว ขณะที่ผู้พิพากษาในเดนเวอร์สั่งห้ามใช้สารเคมีและอาวุธปล่อย เช่น กระสุนยาง กับผู้ประท้วงอย่างสันติ และที่ดัลลัส ตำรวจร่วมเดินขบวนกับผู้ประท้วง
ขณะเดียวกัน เหตุการณ์วุ่นวายครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในความท้าทายใหญ่สุดสำหรับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
แม้ประณามการฆาตกรรมฟลอยด์ แต่ทรัมป์ยืนกรานใช้ท่าทีแข็งกร้าวกับผู้ประท้วงโดยเรียกว่า “อันธพาล” หรือ “ผู้ก่อการร้าย” และขู่ส่งทหารเข้าปราบปราม
ช่วงค่ำวันเสาร์ ทรัมป์ทวีตว่า “ความสงบเรียบร้อยภายใต้กฎหมาย!” ก่อนจะทวีตต่อว่า ฝูงชนในวอชิงตัน ดี.ซี. “น้อยกว่าที่คิดมาก”
