เอเจนซีส์ – หลายเมืองใหญ่ในอเมริกาประกาศเคอร์ฟิว และอย่างน้อย 8 รัฐต้องขอทหารจากกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิมาช่วยคุมสถานการณ์ หลังมีผู้ไม่พอใจออกมาประท้วงต่อต้าน กรณีที่ตำรวจผิวขาวใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุกับคนผิวดำ โดยไม่สนคำเตือนของทรัมป์ว่า รัฐบาลจะหยุดยั้งการก่อความรุนแรงอย่าง “เลือดเย็น”
มินนิอาโปลิสที่เป็นศูนย์กลางเหตุการณ์วุ่นวาย เกิดความรุนแรงต่อเนื่องเป็นคืนที่ 5 เมื่อวันเสาร์ (30 พ.ค.) โดยตำรวจปราบจลาจลใช้แก๊ซน้ำตาและระเบิดเสียงรับมือผู้ประท้วงที่ไม่พอใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองนี้ ที่ตำรวจผิวขาวใช้เข่ากดคอชายผิวดำไม่มีอาวุธจนขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตระหว่างการจับกุมเมื่อวันจันทร์ (25 พ.ค.)
ลอสแองเจลีส, ชิคาโก และแอตแลนตา คือส่วนหนึ่งของกว่า 20 เมืองที่ออกคำสั่งให้ประชาชนงดออกจากบ้านยามวิกาล ขณะที่หลายรัฐขอทหารจากกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิมาช่วยควบคุมสถานการณ์ความวุ่นวายที่ห่างหายจากอเมริกามาหลายปี
จากซีแอตเติลถึงนิวยอร์ก ผู้ประท้วงนับหมื่นรวมตัวกันบนถนนเรียกร้องให้เพิ่มข้อหาฆาตกรรมและจับกุมตำรวจคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์ ที่หยุดหายใจหลังถูกดีเร็ก โชวิน ตำรวจผิวขาวในมินนิอาโปลิส ใช้เข่ากดคอนานเกือบ 9 นาที
ที่ลอสแองเจลีส ตำรวจยิงกระสุนยางและใช้ไม้กระบองระหว่างปะทะกับผู้ประท้วงที่จุดไฟเผารถตำรวจคันหนึ่ง เหตุการณ์การปะทะระหว่างตำรวจกับผู้ประท้วงยังเกิดขึ้นในอีกหลายเมือง อาทิ ชิคาโกและนิวยอร์ก นอกจากนั้นยังมีการทำลายร้านค้าในฟิลาเดลเฟีย
ทรัมป์กล่าวหาเครือข่ายต่อต้านฟาสซิสต์ แอนติฟา เป็นผู้ชักใยให้เกิดความรุนแรงที่รวมถึงการปล้นและการวางเพลิงในมินนิอาโปลิส และสำทับว่า ผู้ก่อจลาจลทำลายความทรงจำเกี่ยวกับฟลอยด์ พร้อมประกาศว่า คณะบริหารจะหยุดยั้งการก่อความรุนแรงอย่างเลือดเย็น
ผู้ประท้วงทั่วอเมริกาตะโกนคำขวัญ “ชีวิตคนดำก็สำคัญ” และ “ผมหายใจไม่ออก” ที่ฟลอยด์พูดซ้ำๆ ขณะถูกกดคอก่อนที่จะเสียชีวิต และกลายเป็นสัญลักษณ์ล่าสุดที่ฟ้องถึงความโหดร้ายของตำรวจอเมริกัน
ทิม วอลซ์ ผู้ว่าการมินนิอาโปลิส เผยว่า ได้ระดมกำลังทหารจากกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิของรัฐทั้งหมด 13,000 นายมารับมือผู้ก่อจลาจลที่เข้าปล้นร้านค้าและจุดไฟเผาในย่านเซนต์ปอล
ฟรีเวย์หลักทุกสายที่มุ่งหน้าเข้าสู่มินนิอาโปลิสถูกปิดตั้งแต่คืนวันเสาร์ โดยมีเฮลิคอปเตอร์ทหารบินตรวจการณ์ท่ามกลางสถานการณ์ที่รุนแรงขึ้น และประชาชนบางคนบอกว่า เหตุการณ์รุนแรงเกิดจากการยั่วยุของคนนอก
ก่อนหน้านั้น ประชาชนชุมนุมกันอย่างสงบบนถนนสายต่างๆ ในมินนิอาโปลิส ตะโกนชื่อฟลอยด์และช่วยเก็บกวาดทำความสะอาดร้านค้าที่ถูกปล้นและได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นต่อเนื่องหลายคืน
บางคนนำดอกไม้ไปวางหน้าร้านที่ฟลอยด์ถูกจับก่อนเสียชีวิตระหว่างการจับกุมของตำรวจ และคลิปความโหดร้ายที่ถ่ายจากโทรศัพท์มือถือถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก
เทกซัส, โคโลราโด และจอร์เจีย เป็นรัฐกลุ่มล่าสุดจากอย่างน้อย 8 รัฐที่ระดมกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิไปช่วยควบคุมสถานการณ์ นอกจากนี้กองกำลังนี้ยังประจำอยู่รอบทำเนียบขาวที่มีฝูงชนจำนวนหนึ่งรวมตัวประท้วงอยู่
ที่วอชิงตัน ผู้ประท้วงเผชิญหน้ากับหน่วยอารักขาประธานาธิบดีหน้าทำเนียบขาวเป็นคืนที่ 2 ขณะที่ทรัมป์ต้องรับมือเหตุการณ์จลาจลรุนแรงที่สุดนับจากเข้ารับตำแหน่ง และยังเกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤตโรคระบาด
นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า มีการบุกปล้นร้านค้าในไมอามีและลอสแองเจลิสแม้มีการประกาศเคอร์ฟิว ส่วนที่นิวยอร์กมีการเผยแพร่คลิปรถตำรวจพุ่งเข้าใส่ผู้ประท้วงในบรูคลิน
คาดว่า การประท้วงจะดำเนินต่อเนื่องตลอดช่วงสุดสัปดาห์ แม้โชวินที่ถูกสำนักงานตำรวจมินนิอาโปลิสไล่ออก ถูกจับกุมและตั้งข้อหาฆาตกรรมตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมาก็ตาม (29 พ.ค.)
ทั้งนี้ ครอบครัวของฟลอยด์และผู้ประท้วงจำนวนมากต้องการให้เพิ่มข้อหาหนักขึ้น และยังเรียกร้องให้นำตัวตำรวจอีก 3 นายที่ช่วยโชวินมารับโทษด้วย