xs
xsm
sm
md
lg

ทรัมป์บ้า...ไม่น่าจะรอด!!!

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท



ดูจากลักษณะอาการแล้ว...ท่าทางไม่น่าจะรอด!!! หรือถึงไม่ตายก็คงเลี้ยงไม่โต อะไรประมาณนั้น สำหรับผู้นำอเมริกา อย่าง “ทรัมป์บ้า” ที่นอกจากจะเจอกับเชื้อโคโรนาไวรัส “COVID-19” หรือ “เชื้อไวรัสเมืองจีน” ตามที่ตัวเองเรียกขาน ยังมีอันต้องเจอกับ “ม็อบอเมริกา” เข้าไปอีกดอก ลุกลาม แผ่ซ่านกันในระดับทั่วประเทศ ขณะที่กำหนดการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบใหม่ กำลังใกล้เข้ามา เหลืออีกแค่ประมาณสี่ซ้าห้าเดือนเท่านั้นเอง ดังนั้น...เปิดฉากสัปดาห์นี้ คงต้องลองไป “แมะ” ไปจับชีพจร ตรวจลิ้น ดูโหงวเฮ้ง ฯลฯ ของประธานาธิบดีอเมริกันรายนี้ให้ถนัดๆ น่าจะเหมาะกว่า...

คือเรื่องไวรัสเมืองจีน หรือไวรัส “COVID-19” นั้น...ไม่ว่าจะหันไปโทษปี่ โทษขลุ่ย โทษกลอง หรือโทษอะไรก็แล้วแต่ ก็คงไม่ได้ช่วยให้อะไรต่อมิอะไรดีขึ้นมาเอาเลยแม้แต่น้อย เพราะตัวเลขคนป่วย คนติดเชื้อ ที่ปาเข้าไปนับล้านๆ ราย คนตายที่ปาเข้าไปเป็นแสนๆ คน ชนิดทำให้ประเทศอเมริกาต้องกลายเป็น “จ้าวโรค” หรือต้อง “Dead Again” ไม่ใช่ “Great Again” อย่างที่ตัวเองเคยพ่นแมงโม้เอาไว้ ตลอดเกือบ 4 ปีที่ผ่านมา การหันไปโยนบาป โยนขี้ให้กับประเทศมหาอำนาจคู่แข่งอย่างจีน มันแทบไม่ได้ส่งผลให้ “คะแนนนิยม” ของตัวเอง กระเตื้องขึ้นมาสักกี่มาก-น้อย แม้ว่าความเกลียดจีน กลัวจีน ในหมู่ปวงชนอเมริกา อาจเป็นอะไรที่ “จุดติด” หรืออาจเป็นโรค “Xenophobia” กันไปแทบทั้งประเทศ แต่ความเกลียด ความกลัวเหล่านี้ ก็ไม่อาจนำไปใช้เป็นคำตอบ คำอธิบายได้ว่า แล้วเหตุใดประเทศอื่นๆ ที่ต้องเจอไวรัสเมืองจีนไม่น้อยไปกว่ากัน ถึงไม่ได้ตายโหง ตายห่า ไม่ถึงกับ “Dead Again” หนักเท่ากับที่อเมริกาภายใต้การบริหารจัดการของ “ทรัมป์บ้า” ที่ต้องกลายสภาพเป็น “จ้าวโรค” เอาง่ายๆ...

และยิ่งเมื่อต้องเจอกับปัญหาแบบซ้ำๆ ซากๆ ของสังคมอเมริกันเอง คือปัญหาการเหยียดผิว เหยียดเผ่าพันธุ์ ที่ตำรวจมินนิโซตา เป็นผู้จุดชนวนขึ้นมา เมื่อไม่กี่วัน กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา จนเกิดการประท้วงลุกลามไปทั่วทั้งประเทศ การบริหารจัดการกับปัญหาเหล่านี้ โดยไม่อาจหันไปโยนขี้ โยนบาป ให้กับใครต่อใครได้ถนัดถนี่มากมายสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจีน หรือรัสเซีย หรือขบวนการ “แอนติฟา” อะไรต่อมิอะไรก็ตามที ประธานาธิบดีอเมริกันรายนี้ ก็เลยยิ่งออกอาการเตลิดเปิดเปิงเข้ารกเข้าพงหนักขึ้นไปใหญ่ ไม่ว่าการแสดงออกถึงการนิยมความรุนแรง หรือ “ความบ้า” ในระดับต้องออกมา “ทวีต” ถึงขั้น “ปล้นเมื่อไหร่-ยิงเมื่อนั้น” การสั่งให้หน่วยเนชั่นแนล การ์ด ไล่ทุบ ไล่กระทืบ ผู้ประท้วงชุมนุมข้างๆ ทำเนียบขาว เพียงเพื่อเปิดทาง เคลียร์เส้นทางให้ตัวเองสามารถเดินข้ามถนน ไปโพสต์ท่าถ่ายรูป ชูคัมภีร์ไบเบิลอยู่หน้าโบสถ์เซนต์จอห์น ไปจนถึงการออกมาข่มขู่ และป่าวประกาศว่าจะหันไปใช้ “กำลังทหาร” จัดการกับผู้ประท้วงในเมือง หรือในรัฐใดก็ตาม ที่ผู้ว่าการรัฐนั้นๆ “เอาไม่อยู่” อะไรประมาณนั้น...

โดยขณะที่รัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ ซึ่งตัวเองตั้งมากับมือ อย่าง “นายมาร์ค เอสเปอร์” ออกอาการลิ้นพันกัน หรือออกอาการอ้ำๆ อึ้งๆ กับการขู่ว่าจะใช้กำลังทหารเข้ากำราบปราบปรามบรรดาผู้ประท้วงตามคำสั่ง หรือคำขู่ ของประธานาธิบดีตัวเองหรือไม่ อย่างไร? อดีตรัฐมนตรีกลาโหม ที่ตัวเองเคยตั้งมากับมือ แล้วหันไปใช้ “ฝ่าตีน” ถีบทิ้ง หรือหันไปกดดันให้ต้องลาออก ไปก่อนหน้านี้ คือ “พลเอกเจมส์ แมตทิส” (James Norman Mattis) ผู้เคยได้ชื่อ ฉายา ว่า “Mad Dog” หรือ “หมาบ้า” เมื่อครั้งการออกศึกสงคราม ไม่ว่าสงครามอ่าวเปอร์เซีย อิรัก หรืออัฟกานิสถาน ก็เลยอดรนทนไม่ได้ ที่จะต้องงัด “ลูกบ้า” ออกมาใช้มั่ง ด้วยการร่ายเรียงข้อเขียน บทความ เผยแพร่ในวารสาร “The Atlantic” เมื่อช่วงวันพุธ (3 มิ.ย.) ที่ผ่านมา หรือด้วยการออกมา “สับ” อดีตผู้บังคับบัญชา หรือประธานาธิบดีของตัวเอง ชนิด “เละ” พอๆ กับหมูบะช่อ ไม่ว่าด้วยข้อหาพยายามบีบบังคับให้ทหารอเมริกันล่วงละเมิดรัฐธรรมนูญ ในการจัดการกับผู้ประท้วง ชนิดไม่ต่างอะไรไปจาก “นาซีฮิตเลอร์” ไปโน่นเลย รวมทั้งการเอ่ยอ้าง “วรรคทอง” อันถือเป็นการเปลือยร่าง เปลือยธาตุแท้ ของ “ทรัมป์บ้า” ให้เห็นกันจะจะ โดยข้อเขียนประโยคที่ว่า “ประธานาธิบดีผู้นี้ไม่เคยพยายามทำให้ชาวอเมริกันเกิดความกลมเกลียว เป็นเอกภาพขึ้นมาแต่อย่างใด แม้แต่เพียงแค่การเสแสร้ง แกล้งทำก็เถอะ ตรงกันข้าม...เขากลับพยายามหันมาแบ่งแยกอเมริกันชนทั้งมวล...”

เจอกับการออกฤทธิ์ ออกเดช หันมาฝังเขี้ยวจมน่องของ “หมาบ้า” ที่ตัวเองเคยตั้งให้เป็นรัฐมนตรีกลาโหมมากับมือ ไม่เพียงแต่ทำให้ “ทรัมป์บ้า” แทบบ้าไม่ออก ยังถูกพรรคการเมืองฝ่ายตรงกันข้าม อย่างพรรคเดโมแครต นำไป “ขยายผล” จนทำให้ความเสื่อมความนิยม ยิ่งหัวทิ่มดินหนักขึ้นไปอีก สิ่งเท่าที่ยังพอหลงเหลือติดมือ ติดปลายนวม หรือพอเอามาพ่นแมงโม้ได้บ้าง จึงมีแต่เรื่อง “เงินๆ-ทองๆ” หรือเรื่อง “เศรษฐกิจ” ที่ตัวเองพยายามจะ “รี โอเพน” โดยไม่จำเป็นต้องสนใจชีวิตมนุษย์มนาต่อไปอีกเลย แต่ก็นั่นแหละ...ภายใต้การเปิดเผย สถิติตัวเลข “การว่างงาน” ของบรรดาอเมริกันชน โดยกระทรวงแรงงาน (US Labor Department) เมื่อช่วงวันพฤหัสฯ (4 มิ.ย.) ที่ผ่านมา ถ้าว่ากันตามรายงานข่าวของสำนักข่าว “RT” ที่ระบุไว้ว่า จำนวนตัวเลขสถิติ ที่ได้รับการเปิดเผย อยู่ที่ประมาณ 43 ล้านคน หรือใกล้ๆ จะถึง 20 เปอร์เซ็นต์ (19.5 เปอร์เซ็นต์) เข้าไปแล้ว หรือถ้าว่ากันตามการรวบรวมสถิติของ “Dow Jones” ก็อยู่ในระดับไม่ต่างไปจากกัน คือเป็นตัวเลขสถิติที่ “เลวร้ายที่สุดนับจากยุค The Great Depression เป็นต้นมา”...

แต่พอถึงวันรุ่งขึ้น หรือช่วงวันศุกร์ (5 มิ.ย.) ที่ผ่านมานี้เอง ประธานาธิบดีอเมริกันอย่าง “ทรัมป์บ้า” ก็ออกมา “ทวีต” หรือออกมาพ่นแมงโม้ แบบชนิดพลิกหน้ามือเป็นหลังตีน ด้วยการอ้างตัวเลขสถิติ จากกระทรวงแรงงานที่ตัวเองกำไว้ในมือ ชนิดสามารถกระทำ “หัตถการ” ตั้งแต่ช่วงต่ำกว่าเอวลงไปได้เสมอๆ ว่าได้เกิด “การจ้างงานใหม่ๆ” นอกภาคการเกษตรจำนวนถึง 2.5 ล้านตำแหน่ง ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จนทำให้ตัวเลขการว่างงานในอเมริกาลดลงเหลือแค่ 13.3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง พร้อมทั้งไป “ลากศพ” เหยื่อผิวสี อย่าง “จอร์จ ฟลอยด์” มาโหนไว้อีกต่างหาก ด้วยการสรุปไว้ว่า “หวังว่าตอนนี้...จอร์จ ฟลอยด์ จะมองลงมาจากเบื้องบน และบอกว่านี่คือวันที่ยอดเยี่ยมสำหรับประเทศของเรา วันที่ยอดเยี่ยมสำหรับเขา และวันที่ยอดเยี่ยมสำหรับเราทุกคน...” นี่...ใครอยากออกลูกเป็นลิง ก็คงต้องลอง “เชื่อ” กันไปก็แล้วกัน...

แต่โดยสรุปรวมความแล้ว...แม้ว่าบรรดาอเมริกันชนทั้งหลายออกจะมี “กรรม” ไม่ว่ากรรมเก่า กรรมใหม่ อยู่ตามสมควร แต่ไม่น่าจะถึงกับ “โง่” หรือ “บ้า” ไปด้วยกันทั้งมวล ด้วยเหตุนี้...เมื่อมีการสุ่มสำรวจ ความคิด ความเห็น โดยสำนักโพลต่างๆ แม้แต่โพลของสำนักข่าวอย่าง “Fox News” ที่พร้อมแหกทวารสูดกลิ่นมาดามหอมชื่นใจ จากประธานาธิบดีผู้นี้มาโดยตลอด ผลสรุปต่างออกมาในแนวเดียวกันทั้งสิ้น คือคะแนนนิยมของ “ทรัมป์บ้า” ร่วงผลอยๆ ขณะที่คะแนนนิยมของคู่แข่ง อย่าง “โจวิตถาร” หรืออดีตรองประธานาธิบดี “โจ ไบเดน” กลับมาแรงแซงโค้งเอามากๆ เช่น ในรัฐแอริโซนา “ไบเดน” นำ “ทรัมป์” อยู่ 46 ต่อ 42 ในรัฐโอไฮโอ “ไบเดน” นำ “ทรัมป์” 45 ต่อ 43 วิสคอนซิน “ไบเดน” นำ 49 ต่อ 40 แม้แต่รัฐเท็กซัส ที่ “ทรัมป์” เคยชนิดฝ่ายตรงข้ามถึง 9 จุด ถึง ณ ขณะนี้ “ไบเดน” แซงขึ้นมาในระดับหายใจรดต้นคอ หรือระดับ 44 ต่อ 43 ฯลฯ อันทำให้นักวิเคราะห์ CNN อย่าง “Chris Cillizza” ถึงกับกล้า “ฟันธง” ว่า โอกาสที่ประธานาธิบดีอเมริกันอย่าง “ทรัมป์บ้า” จะรวบรวมคะแนน “Electoral Votes” หรือคะแนนเสียงของคณะเลือกตั้งในแต่ละรัฐได้ครบ 270 เสียง จากจำนวนทั้งหมด 538 เสียง เพื่อกลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกรอบ น่าจะ “เป็ง-ปาย-ม่าย-ล่าย” อยู่แล้วแน่ๆ หรือยังไงๆ ก็ไม่น่าจะรอด ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต เผลอๆ...อาจถึงขั้นไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี ก่อนจะถึงวันเลือกตั้งเอาเลยก็ไม่แน่!!!




กำลังโหลดความคิดเห็น