ผู้จัดการรายวัน 360- ศบค.แย้ม 12 กิจการ-กิจกรรมกลุ่มสีแดงลุ้นผ่อนปรน ครอบคลุม “โรงเรียน-คอนเสิร์ต-สถานที่ท่องเที่ยว-ผับ-บาร์-อาบอบนวด” แต่ต้องเสนอมาตรการป้องกันให้ ศบค.ก่อน ห่วงคนแห่เที่ยวซ้ำรอยหาดบางแสน จี้ต้องจัดระเบียบ "ปลัดคลัง" เผยที่ประชุมบอร์ดเยียวยาโควิด-19 เห็นชอบการจ่ายเงินเยียวยาเพิ่มเติมให้แก่กลุ่มผู้ที่มีความเปราะบางทางสังคมและกลุ่มที่ตกหล่นการเยียวยาที่ได้ผ่านการคัดกองความซ้ำซ้อนแล้วรวม 9 ล้านราย
วานนี้ (4 มิ.ย.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) แถลงข่าวประจำวันว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 17 ราย ทั้งหมดอยู่สถานกักกันที่รัฐจัดให้ เป็นผู้ที่เดินทางกลับมาจากประเทศคูเวต 13 ราย, กาตาร์ 2 ราย และซาอุดิอาระเบีย 2 ราย ทำให้ขณะนี้มียอดผู้ป่วยสะสม 3,101 ราย หายป่วยสะสม 2968 ราย เสียชีวิต 58 ราย ขณะที่สถานการณ์โลก มีผู้ป่วยสะสม 6,568,510 ราย ผู้เสียชีวิต 387,957 ราย
"หลายคนตั้งคำถามว่า การพบผู้ป่วยที่เดินทางกลับจากประเทศ จะไม่ให้เขาเดินทางเข้ามาได้หรือไม่นั้น คำตอบคือ ไม่ได้ เพราะเป็นสิทธิ์ของคนไทย แต่เราให้นโยบายว่าเมื่อเขาเข้ามาให้ต้องสงสัยไว้ก่อนว่าติดโรค จึงต้องให้เข้าไปอยู่ในสถานกักกัน และรีบตรวจให้เร็ว แล้วรีบรักษาให้หายโดยเร็ว เพื่อลดการใช้ทรัพยากรต่างๆ" นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
กางชื่อ 12 กิจการลุ้นผ่อนปรน
นพ.ทวีศิลป์ เปิดเผยด้วยว่า สำหรับกิจการกิจกรรมที่จะผ่อนคลายในระยะต่อไป มีเบื้องต้น 12 กิจการ/กิจกรรม ประกอบด้วย 1.โรงเรียน และสถานศึกษา, 2.การถ่ายทำภาพยนต์ และวีดีทัศน์, 3.สนามกีฬา โรงยิม สถานที่ออกกำลังกาย สำหรับฝึกซ้อม และการแข่งกีฬา, 4.สถานรับเลี้ยงเด็ก และสถานดูแลผู้สูงอายุ, 5.อุทยานแห่งชาติ สวนรุกขชาติ สำหรับพื้นที่ส่วนราชการกำหนด และสามารถปฏิบัติตามมาตรการได้, 6.การจัดแสดงคอนเสิร์ต ดนตรี งานอีเวนต์ จัดแสดงสินค้าพื้นที่เกิน 2 หมื่นตารางเมตร, 7.ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา, 8.ชายหาด ชายทะเล เฉพาะพื้นที่ส่วนราชการกำหนด และสามารถปฏิบัติตามมาตรการ, 9.สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ, 10.ห้องประชุมที่มีการรวมกลุ่มคน มากกว่า 200 คน, 11.สวนสนุก สวนน้ำ สนามเด็กเล่น ร้านเกม และ 12.สถานบริการอาบอบนวด
“เหล่านี้เป็นกลุ่มสีแดง เรายังต้องอยู่กับโรคนี้อีกนานแค่ไหนยังไม่รู้ เพราะบางทฤษฎีประเมินเป็นเดือน บางทฤษฎีเป็นปี ทั้งนี้ ศบค.ชุดเล็กได้ทยอยเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกิจการ กิจกรรมเหล่านี้มาพูดคุยถึงมาตรการป้องกันต่างๆ เหล่านี้ ซึ่งผู้เกี่ยวข้องต้องมาเสนอ หน้าที่ของ ศบค. คือรับฟังจากทุกภาคส่วน” นพ.ทวีศิลป์ ระบุ
ห่วงคนแห่เที่ยวซ้ำรอยบางแสน
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงภาพคนไทยทะลักแห่เที่ยวชายหาดบางแสน ประเด็นนี้มีความสำคัญ เพราะเมื่อมีการออกมาตรการผ่อนคลาย ให้ได้ผ่อนคลายจิตใจ ร่างกาย ได้ไปเที่ยวกับครอบครัวแล้ว แต่ยังคงมีความเสี่ยง ขอให้ปฏิบัติตามมาตรการหลัก 5 ข้อ และหากเห็นจุดใดคนเริ่มหนาแน่น ขอให้ช่วยกระจายตัวกันออกไป ยืนยันภาครัฐเราทำอย่างเต็มที่ แต่ต้องเป็นความร่วมมือสามส่วน ทั้งผู้ประกอบการ ประชาชน และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่สำคัญต้องได้รับความร่วมมือจากทุกคน
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เห็นภาพแล้วรู้สึกไม่สบายใจ เข้าใจเพราะเป็นวันหยุด เพราะทุกคนอยากไปเที่ยวผ่อนคลาย แต่อย่าลืมป้องกันตนเองให้สวมใส่หน้ากากอนามัยและเว้นระยะห่างทางสังคม ถ้าเจ้าหน้าที่ไปห้ามปรามมากไป ก็จะเกิดปัญหา จึงควรที่จะรู้จักป้องกันตัวเองก่อน หรือจุดไหนหนาแน่นก็ควรหลีกเลี่ยง
“คลัง”เคาะจ่ายเยียวยาอีกลอต
อีกด้าน นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวในฐานะประธานการประชุมของคณะกรรมการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในวันที่ประชาชนสมควรต้องได้รับการเยียวยา 4 มิ.ย.63 ว่า ที่ประชุมเห็นชอบการจ่ายเงินเยียวยาเพิ่มเติมให้กลุ่มผู้ที่มีความเปราะบางทางสังคมและกลุ่มที่ตกหล่นการเยียวยาที่ได้ผ่านการคัดกองความซ้ำซ้อนแล้วจำนวนทั้งสิ้น 9 ล้านราย โดยแบ่งเป็น 1.กลุ่มผู้ที่ลงทะเบียนรับเงินเยียวยา 5,000 บาทไม่สำเร็จจำนวนทั้งสิ้น 3 แสนราย จากเดิมที่เคยมี 1.7 ล้านราย, 2.กลุ่มเปราะบางทางสังคมทั้ง 3 กลุ่มคือ กลุ่มเด็กแรกเกิด กลุ่มคนชรา และกลุ่มผู้พิการ ที่จะอยู่ในความช่วยเหลือของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รวม 6.9-7 ล้านราย จากเดิมที่คาดว่าจะมี 13 ล้านราย โดยคนกลุ่มนี้จะได้รับเงินเดือนละ 1,000 บาทต่อราย เป็นระยะเวลา 3 เดือน, 3.กลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 1.2 ล้านราย จากที่เคยคาดว่าจะมี 2.4 ล้านราย และ 4.กลุ่มแรงงานประกันสังคมที่ต้องตกงานจากปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 แต่ยังส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมไม่ครบ 6 เดือน จำนวนทั้งสิ้น 6.62 หมื่นราย โดยคนกลุ่มนี้กระทรวงการคลังจะรับผิดชอบจ่ายเงินเยียวยาเดือนละ 5,000 บาทต่อราย เป็นเวลา 3 เดือน
วานนี้ (4 มิ.ย.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) แถลงข่าวประจำวันว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 17 ราย ทั้งหมดอยู่สถานกักกันที่รัฐจัดให้ เป็นผู้ที่เดินทางกลับมาจากประเทศคูเวต 13 ราย, กาตาร์ 2 ราย และซาอุดิอาระเบีย 2 ราย ทำให้ขณะนี้มียอดผู้ป่วยสะสม 3,101 ราย หายป่วยสะสม 2968 ราย เสียชีวิต 58 ราย ขณะที่สถานการณ์โลก มีผู้ป่วยสะสม 6,568,510 ราย ผู้เสียชีวิต 387,957 ราย
"หลายคนตั้งคำถามว่า การพบผู้ป่วยที่เดินทางกลับจากประเทศ จะไม่ให้เขาเดินทางเข้ามาได้หรือไม่นั้น คำตอบคือ ไม่ได้ เพราะเป็นสิทธิ์ของคนไทย แต่เราให้นโยบายว่าเมื่อเขาเข้ามาให้ต้องสงสัยไว้ก่อนว่าติดโรค จึงต้องให้เข้าไปอยู่ในสถานกักกัน และรีบตรวจให้เร็ว แล้วรีบรักษาให้หายโดยเร็ว เพื่อลดการใช้ทรัพยากรต่างๆ" นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
กางชื่อ 12 กิจการลุ้นผ่อนปรน
นพ.ทวีศิลป์ เปิดเผยด้วยว่า สำหรับกิจการกิจกรรมที่จะผ่อนคลายในระยะต่อไป มีเบื้องต้น 12 กิจการ/กิจกรรม ประกอบด้วย 1.โรงเรียน และสถานศึกษา, 2.การถ่ายทำภาพยนต์ และวีดีทัศน์, 3.สนามกีฬา โรงยิม สถานที่ออกกำลังกาย สำหรับฝึกซ้อม และการแข่งกีฬา, 4.สถานรับเลี้ยงเด็ก และสถานดูแลผู้สูงอายุ, 5.อุทยานแห่งชาติ สวนรุกขชาติ สำหรับพื้นที่ส่วนราชการกำหนด และสามารถปฏิบัติตามมาตรการได้, 6.การจัดแสดงคอนเสิร์ต ดนตรี งานอีเวนต์ จัดแสดงสินค้าพื้นที่เกิน 2 หมื่นตารางเมตร, 7.ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา, 8.ชายหาด ชายทะเล เฉพาะพื้นที่ส่วนราชการกำหนด และสามารถปฏิบัติตามมาตรการ, 9.สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ, 10.ห้องประชุมที่มีการรวมกลุ่มคน มากกว่า 200 คน, 11.สวนสนุก สวนน้ำ สนามเด็กเล่น ร้านเกม และ 12.สถานบริการอาบอบนวด
“เหล่านี้เป็นกลุ่มสีแดง เรายังต้องอยู่กับโรคนี้อีกนานแค่ไหนยังไม่รู้ เพราะบางทฤษฎีประเมินเป็นเดือน บางทฤษฎีเป็นปี ทั้งนี้ ศบค.ชุดเล็กได้ทยอยเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกิจการ กิจกรรมเหล่านี้มาพูดคุยถึงมาตรการป้องกันต่างๆ เหล่านี้ ซึ่งผู้เกี่ยวข้องต้องมาเสนอ หน้าที่ของ ศบค. คือรับฟังจากทุกภาคส่วน” นพ.ทวีศิลป์ ระบุ
ห่วงคนแห่เที่ยวซ้ำรอยบางแสน
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงภาพคนไทยทะลักแห่เที่ยวชายหาดบางแสน ประเด็นนี้มีความสำคัญ เพราะเมื่อมีการออกมาตรการผ่อนคลาย ให้ได้ผ่อนคลายจิตใจ ร่างกาย ได้ไปเที่ยวกับครอบครัวแล้ว แต่ยังคงมีความเสี่ยง ขอให้ปฏิบัติตามมาตรการหลัก 5 ข้อ และหากเห็นจุดใดคนเริ่มหนาแน่น ขอให้ช่วยกระจายตัวกันออกไป ยืนยันภาครัฐเราทำอย่างเต็มที่ แต่ต้องเป็นความร่วมมือสามส่วน ทั้งผู้ประกอบการ ประชาชน และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่สำคัญต้องได้รับความร่วมมือจากทุกคน
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เห็นภาพแล้วรู้สึกไม่สบายใจ เข้าใจเพราะเป็นวันหยุด เพราะทุกคนอยากไปเที่ยวผ่อนคลาย แต่อย่าลืมป้องกันตนเองให้สวมใส่หน้ากากอนามัยและเว้นระยะห่างทางสังคม ถ้าเจ้าหน้าที่ไปห้ามปรามมากไป ก็จะเกิดปัญหา จึงควรที่จะรู้จักป้องกันตัวเองก่อน หรือจุดไหนหนาแน่นก็ควรหลีกเลี่ยง
“คลัง”เคาะจ่ายเยียวยาอีกลอต
อีกด้าน นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวในฐานะประธานการประชุมของคณะกรรมการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในวันที่ประชาชนสมควรต้องได้รับการเยียวยา 4 มิ.ย.63 ว่า ที่ประชุมเห็นชอบการจ่ายเงินเยียวยาเพิ่มเติมให้กลุ่มผู้ที่มีความเปราะบางทางสังคมและกลุ่มที่ตกหล่นการเยียวยาที่ได้ผ่านการคัดกองความซ้ำซ้อนแล้วจำนวนทั้งสิ้น 9 ล้านราย โดยแบ่งเป็น 1.กลุ่มผู้ที่ลงทะเบียนรับเงินเยียวยา 5,000 บาทไม่สำเร็จจำนวนทั้งสิ้น 3 แสนราย จากเดิมที่เคยมี 1.7 ล้านราย, 2.กลุ่มเปราะบางทางสังคมทั้ง 3 กลุ่มคือ กลุ่มเด็กแรกเกิด กลุ่มคนชรา และกลุ่มผู้พิการ ที่จะอยู่ในความช่วยเหลือของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รวม 6.9-7 ล้านราย จากเดิมที่คาดว่าจะมี 13 ล้านราย โดยคนกลุ่มนี้จะได้รับเงินเดือนละ 1,000 บาทต่อราย เป็นระยะเวลา 3 เดือน, 3.กลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 1.2 ล้านราย จากที่เคยคาดว่าจะมี 2.4 ล้านราย และ 4.กลุ่มแรงงานประกันสังคมที่ต้องตกงานจากปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 แต่ยังส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมไม่ครบ 6 เดือน จำนวนทั้งสิ้น 6.62 หมื่นราย โดยคนกลุ่มนี้กระทรวงการคลังจะรับผิดชอบจ่ายเงินเยียวยาเดือนละ 5,000 บาทต่อราย เป็นเวลา 3 เดือน