ศบค.เร่งหารือ 12 กิจการ รองรับผ่อนคลายล็อกเฟส 4 ทั้งโรงเรียน ถ่ายรายการสถานที่ท่องเที่ยว คอนเสิร์ต อีเวนต์ สวนสนุก สถานบันเทิง อาบอบนวด ฯลฯ หาแนวทางป้องกันโควิดหากจะเปิดบริการ ยังตอบไม่ได้จัดวิ่งช่วงปลายปีได้หรือไม่ ขึ้นกับสถานการณ์ หากจะจัดต้องมีแผนรองรับความเสี่ยงหากจัดไม่ได้
วันนี้ (4 มิ.ย.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวถึงประเภทกิจการ/กิจกรรมที่จะผ่อนคลายในระยะต่อไปว่า การผ่อนคลายในช่วงถัดไปจะเป็นการเปิดในกลุ่มสีแดง ซึ่งเราจะต้องอยู่กับโรคนี้ไปอีกนาน บางคนบอกเป็นเดือน บางคนบอกเป็นปี การจะเปิดกิจการอะไรขึ้นมา ศบค.ชุดเล็กได้เชิญผู้เกี่ยวข้องในกิจการ/กิจกรรมต่างๆ มาหารือ บางกิจการเปิดแบบแง้มๆ ไปแล้ว หากจะเปิดเพิ่มก็ต้องมาหารือมาตรการว่าจะมีการควบคุมดูแลอย่างไรไม่ให้เกิดการติดโรคซึ่งมีอยู่ 12 กิจการ/กิจกรรมที่มีจะมีการหารือ ได้แก่ 1. โรงเรียนและสถาบันการศึกษา จะจัดการเรียนการสอนอย่างไร
2. การถ่ายทำรายการ ภาพยนตร์ และวีดิทัศน์ ซึ่งจำกัดคนเลข 2 หลัก แต่มีการบอกว่าฉากใหญ่จะทำอย่างไร คนต้องมากกว่านี้ ดังนั้น มีวิธีการอะไรต้องมาเสนอ จะควบคุมคน 200-300 คน ทำอย่างไรถึงไม่ติดโรค ต้องเอามาคุยกัน 3. สถานที่ออกกำลังกาย สนามกีฬา โรงยิม ซึ่งมีการเปิดเพื่อการซ้อมต่างๆ จะเพิ่มการแข่งขันกีฬาได้หรือไม่
4. สถานรับเลี้ยงเด็กและสถานดูแลผู้สูงอายุ เดิมให้เฉพาะคนที่ค้างอยู่แล้ว จะให้มีคนไปกลับได้หรือไม่ จะมีมาตรการอย่างไร 5. อุทยานแห่งชาติ สวนรุกขชาติ เป็นเฉพาะสถานที่ส่วนราชการกำหนดและสามารถปฏิบัติตามมาตรการได้ 6. การจัดแสดงคอนเสิร์ต ดนตรี งานอีเวนต์ จัดแสดงสินค้า พื้นที่เกิน 2 หมื่นตารางเมตร ซึ่งคนจัดอีเวนต์ก็บอกว่าจะตายกันอยู่แล้วเพราะไม่มีงาน คนเป็นนักดนตรี งานหดหายหมด หากกลับมาได้ก็ต้องถามท่านว่าจะดูแลอย่างไร ไม่ใช่เรากำหนด ท่านกำหนดขึ้นมาและมาดูร่วมกันว่าจะดูแลอย่างไร
7. ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา 8. ชายหาด ชายทะเล จะมีการหารือกันต่อ อย่างที่เป็นตัวอย่างข่าว ก็จะเรียนรู้ร่วมกันว่าจะทำอย่างไร 9. ห้องประชุม มากกว่า 200 คนจะทำอย่างไร 10. สวนสนุก สวนน้ำ สนามเด็กเล่น ร้านเกม เป็นกิจการระดับรากหญ้าจะเกิดขึ้นอย่างไร 11. สถานบันเทิง ผับบาร์ คาราโอเกะ และ 12. สถานบริการอาบอบนวด ที่เป็นสีแดงจัดๆ เป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนมาก พูดคุยกันก็ต้องมองในหลายมิติ
“12 กิจกรรมบวกๆ ขึ้นไป ทุกวันนี้หน้าที่ของ ศบค.เราจะพยายามดูแลแทนพี่น้องประชาชน และรับฟังจากทุกส่วนทุกงาน มีความคืบหน้าอย่างไร ในฐานะโฆษก ศบค.จะนำมาเรียน และเป็นตัวอย่างกิจกรรม เหมือนเห็นจากต่างประเทศ อะไรดีๆ เป็นนวัตกรรมใหม่ เช่น ไปในผับ ใช้ครอบแก้วกระจกแก้วมาล้อมรอบโต๊ะ ถ้าทำได้ก็ดี ของไทยอาจจะมีอะไรที่เจ๋งกว่านั้น หากมีอะไรก็นำมาบอกกัน” นพ.ทวีศิลป์กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีคลาสเต้นในพื้นที่ปิด สามารถเปิดให้บริการได้หรือไม่ นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ฟิตเนส สถานที่ออกกำลังกายก็ได้รับอนุญาตแล้ว หลักการก็อยู่ที่ 5 ข้อ อย่างใส่มาสก์ หากออกกำลังกายไม่หนักมากก็ใส่มาสก์ได้ เหมือนเดินในสวนสาธารณะ ถ้าเหนื่อยมากๆ ใส่ไม่ได้ ต้องอยู่ห่างจากคนอื่นพอสมควร เช่น 2 เมตร เพื่อให้ฝอยละอองจากการหายใจ เหนื่อยหอบ ฟุ้งกระจายไม่ถึงคนอื่น ถ้ามีพื้นที่เพียงพอก็ให้ห่างไว้ ถ้าไม่เพียงพอให้ใส่มาสก์ บางทีอาจจะรู้สึกรำคาญในช่วงแรก ถ้าไม่ได้เหนื่อยมากให้ใส่ไว้ ถ้าเหนื่อยมากก็ปลีกออกไป เรื่องการล้างมือพื้นผิวสัมผัสก็ทำความสะอาด ไม่ว่าจะเป็นกีฬาใดๆ การเต้นลีลาศ มีคลาสไม่มีคลาส ใช้หลักการ 5 ข้อนี้ทั้งสิ้น ก็ทำให้ปลอดโรคปลอดภัยได้
ถามถึงการจัดงานวิ่งช่วงปลายปี ที่มีการเปิดจอง นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ยังห่างจากตอนนี้ ยังตอบไม่ได้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร สถานการณ์ของโลกยังทแยงขึ้น แต่หลายทฤษฎีบอกว่าอาจถึงปลายปีนี้ หลายทฤษฎีบางไม่น่าถึง ทั้งนี้ ขึ้นกับชุดพฤติกรรมของคน และการค้นพบการรักษาคือยาและวัคซีนป้องกัน อย่างไรก็ตาม กิจการกิจกรรมต่างๆ อาจต้องวางแผนรองรับความเสี่ยงที่จะได้จัดหรือไม่ได้จัดด้วย เพราะอาจมีอะไรเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด อย่างปลายปีที่แล้วก็ยังไม่รู้จะเกิดอะไรใน พ.ค.ที่ผ่านมา ก็ยังไม่อยากบอกว่าสิ้นปีปลอดภัยแค่ไหน แต่วันนี้ต้องทำดีที่สุด คนทั้งประเทศต้องทำพร้อมกันถึงมีพื้นที่เปิดกว้างมากขึ้นในปลายปีนี้