ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ออกประกาศฉบับที่ 10 สั่งปิด 16 สถานที่เสี่ยงยาวถึง 30 มิ.ย. เพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 ฝ่าฝืนเจอปรับ โทษหนักจำคุก 2 ปี
เมื่อวันที่ 31 พ.ค. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงนามในประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราวฉบับที่ 10 ตามที่ได้มีประกาศเรื่องการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ 2) ลงวันที่ 26 พฤษภาคม 2563 และผ่อนคลายให้ดำเนินการ หรือทำกิจกรรมบางอย่างได้ อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและขับเคลื่อนกิจกรรมบางอย่างเพิ่มเติม
จากที่ได้กำหนดไว้แล้วตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 6) ลงวันที่ 1 พฤษภาคม 2563 ข้อกำหนด (ฉบับที่ 7) ลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 และข้อกำหนด (ฉบับที่ 9) ลงวันที่ 29 พฤษภาคม 2563 ภายใต้การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนดรวมทั้งการจัดระเบียบและระบบต่างๆ นั้น
เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกำหนดดังกล่าวข้างต้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 35(1) แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ประกอบกับข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 5) ลงวันที่ 1 พฤษภาคม 2563 ข้อกำหนด (ฉบับที่ 6) ลงวันที่ 1 พฤษภาคม 2563 ข้อกำหนด (ฉบับที่ 7) ลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2563
และข้อกำหนด (ฉบับที่ 9) ลงวันที่ 29 พฤษภาคม 2563 ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ตามมติที่ประชุมครั้งที่ 13/2563 เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2563 จึงให้ปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว และผ่อนคลายให้ดำเนินการหรือทำกิจกรรมบางอย่างได้ ดังต่อไปนี้
1. ปิดสถานที่
1.1 สถานบริการ ผับ บาร์ สถานบันเทิง และสถานประกอบการที่คล้ายสถานบริการ
1.2 สวนน้ำสวนสนุก
1.3 สนามเด็กเล่น เครื่องเล่นสำหรับเด็กในตลาด ตลาดน้ำและตลาดนัด
1.4 โต๊ะสนุกเกอร์บิลเลียด
1.5 สถานที่เล่นตู้เกม
1.6 ร้านเกมส์ร้านอินเทอร์เน็ต
1.7 สนามชนไก่และสนามซ้อมชนไก่
1.8 สถานรับเลี้ยงเด็ก หรือสถานดูแลผู้สูงอายุ (ยกเว้นที่มีการรับตัวไว้พักค้างคืนเป็นปกติธุระ)
1.9 สนามมวย
1.10 โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ (ยิม)
1.11 สนามม้า
1.12 สถานประกอบกิจการอาบน้ำ
1.13 สถานประกอบกิจการอาบอบนวด
1.14 สนามแข่งขันทุกประเภท
1.15 สถานที่ให้บริการห้องจัดเลี้ยงสถานที่จัดเลี้ยงรวมถึงสถานที่อื่นใดที่มีลักษณะทำนองเดียวกัน
1.16 สนามชนโคสนามกัดปลาหรือสนามแข่งขันอื่นในลักษณะทำนองเดียวกัน
2. สถานที่ที่ได้รับการผ่อนคลายแต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคของทางราชการ
2.1 ร้านอาหารหรือเครื่องดื่ม ร้านสะดวกซื้อ รถเข็น หาบเร่ แผงลอยภัตตาคาร สวนอาหาร ศูนย์อาหาร โรงอาหาร ซึ่งไม่รวมถึงสถานบริการ ผับ บาร์ แต่ยังคงห้ามการบริโภคสุรา หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในสถานที่ดังกล่าว
2.2 ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้าและคอมมูนิตี้มอลล์ ให้เปิดดำเนินการได้จนถึง 21.00 น.
2.3 ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุมหรือสถานที่จัดนิทรรศการ
2.4 ห้องประชุมในโรงแรมหรือศูนย์ประชุม
2.5 ร้านค้าปลีก/ค้าส่งขนาดย่อม ร้านค้าปลีก/ค้าส่งชุมชน ตลาดตลาดน้ำและตลาดนัด
2.6 ร้านค้าปลีก/ค้าส่งหรือตลาดค้าส่งขนาดใหญ่
2.7 ร้านเสริมสวยแต่งผมหรือตัดผมสำหรับบุรุษหรือสตรี ให้เปิดดำเนินการ โดยจำกัดเวลาการให้บริการในร้านไม่เกินรายละสองชั่วโมงและต้องไม่มีผู้นั่งรอในร้าน
2.8 สนามพระเครื่องศูนย์พระเครื่อง
2.9 สถานรับเลี้ยงเด็กหรือสถานดูแลผู้สูงอายุ (เฉพาะที่มีการรับตัวไว้พักค้างคืนเป็นปกติธุระ)
2.10 ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เด็กก่อนวัยเรียน
2.11 คลินิกเวชกรรมเสริมความงาม สถานเสริมความงามสถานที่สักหรือเจาะผิวหนัง หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย ร้านทำเล็บ
2.12 สนามกอล์ฟและสนามฝึกซ้อมกอล์ฟ
2.13 สนามกีฬา
2.14 สวนสาธารณะ ลาน-พื้นที่กิจกรรมสาธารณะ สถานที่ออกกำลังกาย สนามกีฬา ลานกีฬา
2.15 สถานที่ให้บริการดูแลรักษาสัตว์ สปา อาบน้ำ ตัดขน รับเลี้ยงหรือรับฝากสัตว์
2.16 สถานที่ออกกำลังกายฟิตเนส
2.17 สถานที่หรือสนามออกกำลังกายในร่ม
2.18 สระว่ายน้ำสาธารณะทั้งกลางแจ้งและในร่ม
2.19 สวนพฤกษศาสตร์ สวนดอกไม้ พิพิธภัณฑ์ ศูนย์การเรียนรู้แหล่งประวัติศาสตร์ โบราณสถาน ห้องสมุดสาธารณะ และหอศิลป์
2.20 สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ สปา และสถานประกอบการนวดแผนไทย นวดฝ่าเท้า
2.21 สนามฝึกซ้อมมวยโรงยิมหรือค่ายมวย
2.22 สถานที่เล่นโบว์ลิ่ง สเก็ตหรือโรลเลอร์เบลด หรือการละเล่นอื่นๆในทำนองเดียวกัน
2.23 สถาบันลีลาศหรือสอนลีลาศ
2.24 สระน้ำเพื่อการเล่นกีฬาหรือกิจกรรมทางน้ำในบึง
2.25 โรงภาพยนตร์ โรงละคร โรงมหรสพ
2.26 สวนสัตว์หรือสถานที่จัดแสดงสัตว์
2.27 อาคารสถานที่ของโรงเรียน หรือสถาบันการศึกษา
3. สถานที่ได้รับผ่อนคลายตามข้อ 2 สามารถเปิดดำเนินการ หรือทำกิจกรรมบางอย่างได้ ตามมาตรการผ่อนคลายให้ดำเนินการหรือทำกิจกรรมบางอย่างได้ ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 6) ลงวันที่ 1 พฤษภาคม 2563 ข้อ 1 ข้อกำหนด (ฉบับที่ 7) ลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 ข้อ 3 และข้อกำหนด (ฉบับที่ 9):ลงวันที่ 29 พฤษภาคม 2563 ข้อ 2 และข้อ 3
4. มาตรการป้องกันโรค
4.1 สถานที่ได้รับการผ่อนคลายตามข้อ 2 ผู้เกี่ยวข้องต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคดังนี้
4.1.1 คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) ที่ 2/2563 เรื่อง แนวทางปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ลงวันที่ 1 พฤษภาคม 2563 คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ 3/2563
เรื่อง แนวทางปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ 2548 (ฉบับที่ 2) ลงวันที่ 16 พฤษภาคม 2563 และคำสั่งศูนย์บริหารการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ 4/2563 เรื่อง แนวทางปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 3) ลงวันที่ 29 พฤษภาคม 2563
4.1.2 มาตรการป้องกันโรคตามที่กรุงเทพมหานคร กำหนดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แนบท้ายประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 8) ลงวันที่ 1 พฤษภาคม 2563 (ยกเว้นข้อ 1 ก.ในส่วนการจัดระบบการเว้นระยะห่างระหว่างที่นั่ง (บุคคล) ไม่น้อยกว่า 1.5 เมตร หรือกรณีมีระยะห่างระหว่างที่นั่ง (บุคคล) น้อยกว่า 1.5 เมตร ต้องจัดให้มีฉากกั้นระหว่างที่นั่ง (บุคคล) แต่ทั้งนี้ ระยะห่างระหว่างที่นั่ง (บุคคล) ต้องไม่น้อยกว่า 1 เมตร)
มาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แนบท้ายประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว(ฉบับที่ 9) ลงวันที่ 16 พฤษภาคม 2563 และมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แนบท้ายประกาศกรุงเทพมหานครนี้
4.2 สถานที่อื่นนอกเหนือจากประกาศนี้ให้ผู้เกี่ยวข้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนดและข้อ 11 ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 1) ลงวันที่ 25 มีนาคม 2563
ผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามอาจมีความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามข้อ 4 จะถูกสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2563 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 หรือจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง