“ผู้นำชาติดี” หรือไม่นั้น...ต้องดูกันตรงผลงาน ทำเพื่อชาติและคนส่วนใหญ่อ๊ะป่าว?
ชาติไทยยังไม่มี “ผู้นำชาติ” ที่รักชาติกับประชาชนด้วยใจจริง ทำให้คนไทยส่วนใหญ่ยังมีความเป็นอยู่ลำบาก ยากจนแสนสาหัสตราบทุกวันนี้
การโกงชาติยังเกลื่อนกล่นทุกหนแห่ง! ความเหลื่อมล้ำ “รวยกระจุกจนกระจาย” ติดอันดับต้นๆ ของโลก! การเมืองไทยยังจมดิ่งในน้ำเน่า มีแต่การแย่งอำนาจโดยไม่ดูกาลเทศะว่า...ควรหรือไม่ควร..?
แต่จะโทษ “พี่ใหญ่ป้อม” คงไม่ได้ ถ้า “น้องเล็กตู่” ทำทีเป็นนิ่งเฉย ปล่อย “พี่ใหญ่ป้อม” ให้เด็กๆ ในคาถา กดดันให้เปลี่ยน ครม.ด้วยลีลาการเมืองน้ำเน่าอยู่ในห้วงนี้
แหม...ก็ “พี่ใหญ่ป้อม-พี่กลางป๊อก-น้องเล็กตู่” นั้น เป็นยิ่งกว่าพี่น้องร่วมสาบาน อย่าง “เล่าปี่-กวนอู-เตียวหุย” ในตำนาน “สามก๊ก”...
โถ...ขนาดมีอำนาจเผด็จการเบ็ดเสร็จ ในกำมือนานเกือบ 6 ปี “บิ๊กตู่” ยังสร้างผลงานได้แค่ห้ามเคลื่อนไหวทางการเมืองเท่านั้น แต่ผลงานทางเศรษฐกิจชาติกลับแย่ลงๆ จนปัญหา “รวยกระจุกจนกระจาย” พุ่งติดอันดับต้นๆ ของโลก!
ส่วนวาทกรรมของ “บิ๊กตู่” ที่พร่ำพูด “จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” นั้น ก็เห็น “บิ๊กตู่” พาแต่คนกลุ่มน้อย ที่เป็นกลุ่มทุนใหญ่ทุนยักษ์ รวยเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว ในขณะที่ผู้มีรายได้น้อยที่เป็นคนส่วนใหญ่ หมดแรงเดินตาม “บิ๊กตู่” กันไปแล้ว ทั้งก่อนและหลัง “โควิด-19” จะระบาดในจีนกับไทยและทั่วโลก...
“บิ๊กตู่” โชคดีอย่างเหลือเชื่อ เพราะ “ฝ่ายค้าน” กับพลพรรค กำลังเตรียมนำนักศึกษาออกมาชุมนุมขับไล่รัฐบาล “บิ๊กตู่” ให้ล้มครืนโดยเร็ว แต่มฤตยู “โควิด-19” ดันมาระบาดกะทันหัน ทำให้ รัฐบาล “บิ๊กตู่” พ้นวิกฤตไปได้หวุดหวิด...!
การเมืองแย่งอำนาจกันใน “พปชร.” ภายใต้ “พี่น้องสามปอ” ยังน้ำเน่าโคตร Old Normal เลยนะโว้ย!
ส่วน “โดนัลด์ ทรัมป์” ที่ผุดโผล่มาเป็นผู้นำมะกัน พร้อมคำขวัญ “อเมริกาเฟิร์สต์” นั้น แม้แต่เรื่องเลวๆ “ทรัมป์” ยัง “ขอกูมาก่อน” เลยว่ะ เช่น “โควิด-19” ที่ระบาดทั่วโลก ด้วย “ทรัมป์” บริหารชาติผิดพลาด “มะกันชน” จึงติดเชื้อเป็นล้าน-ตายนับแสน เป็นอันดับหนึ่งของโลกในเวลานี้
ทำให้ “อินทรีทรัมป์” เสียคะแนนนิยมต่อคนในชาติ จนต้องใช้เล่ห์ร้ายตามสูตรนิทานอีสป “หมาป่ากับลูกแกะ” ด้วยการให้ร้ายป้ายสี โยนความผิดไปให้ “มังกรสี” ที่ “ทรัมป์” ถือเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งว่า
ที่มะกันชนและชาวโลกต้องตายมากมาย เพราะ “จีน” ปล่อย “โควิดฯ” มาฆ่ามะกันชนกับชาวโลก ดังนั้น “ผู้นำมะกัน” จึงต้องใช้ทุกวิธีการ มาทำลายชาติจีนทั้งลับและแจ้ง ทั้งทางเศรษฐกิจ-การเมือง-เทคโนโลยี ฯลฯ ซึ่งจีนกำลังล้ำหน้าเหนือมะกันในยามนี้..
โดยทั่วโลกได้ยอมรับกันแล้วว่า เศรษฐกิจชาติจีนที่ในอดีตเคยยากจน ทว่าเพียงไม่กี่สิบปีก็พุ่งขึ้นใกล้สู่อันดับ 1 ของโลก อีกไม่นานก็จะนำหน้าชาติมะกัน! แต่ที่ชนะมะกันชนิดหลุดลุ่ยไปแล้ว ก็คือ เทคโนโลยีด้านการสื่อสาร “5 จี” ซึ่งทั่วโลกยอมรับว่า “บริษัทหัวเว่ย” ของจีน ทันสมัยเหนือกว่า “บริษัทสื่อสาร” มะกันอยู่หลายขุม
ดังนั้น แม้ “ทรัมป์” จะห้ามชาวมะกัน และพยายามห้ามชาติยุโรปมิให้ใช้ระบบการสื่อสาร 5จี ของ “หัวเว่ย” แต่อิทธิพล “ทรัมป์” ที่มีต่อชาติอียูในวันนี้ ตกต่ำลงอย่างน่าใจหายไปแล้ว เพราะชาติชั้นนำของยุโรป ได้ประกาศเป็นทางการแล้วว่า จะใช้ 5จี ของ “หัวเว่ย” ต่อไป
ที่สำคัญ “ทรัมป์” ใช้ทุกวิธีการเข้าไปแทรกแซง เพื่อยุยงให้ชาวฮ่องกง เคลื่อนไหวด้วยความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง หวังให้ “ฮ่องกง” เป็นอิสระจากชาติจีน โดย “ทรัมป์” หน้าด้านๆ อ้างอย่างไร้เหตุผลว่า
การก่อจลาจลด้วยความรุนแรงของชาวฮ่องกงนั้น “ทรัมป์” กลับถือเป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ตรงกับเจตนารมณ์ของมะกัน ที่รัฐบาล “ทรัมป์” ต้องให้การสนับสนุนทุกวิถีทางอย่างเต็มที่
ส่วนการชุมนุมประท้วงใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้นในอเมริกา ประเทศที่อ้างตนเป็นต้นแบบประชาธิปไตย แทนที่ “ทรัมป์” จะสั่งการให้ความเป็นธรรม และวางมาตรการมิให้เกิดเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนั้นอีก “ทรัมป์” กลับให้ร้ายป้ายสี “มะกันชน” ว่าเป็นเรื่อง “ก่อการร้าย” ไปเสียฉิบ...!!!
โดยเหตุเกิดจาก “มะกันผิวดำคนหนึ่ง” ถูก “ตำรวจผิวขาว” ใช้หัวเข่ากดค้ำที่ลำคอ ทั้งๆ ที่สองมือถูกล็อกด้วยกุญแจมือ แม้ “จอร์จ ฟลอยด์” จะพูดซ้ำซากว่า “ผมหายใจไม่ออก” จนหมดสติและสิ้นชีวิต...
คลิป “ฆ่าคนโดยเจตนา” สร้างความไม่พอใจแก่มะกันชนในหลายมลรัฐ จึงออกมาชุมนุมเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับ “จอร์จ ฟลอยด์” ที่ตายอย่างทารุณ จากฝีมือ “ตำรวจผิวขาว”
เมื่อ “ทรัมป์” ประณามว่า การชุมนุมของประชาชนเป็น “การก่อการร้าย” สั่งให้ตำรวจและทหาร ยิงผู้ชุมนุมประท้วงได้ทันที เพื่อยุติการชุมนุมโดยเร็วที่สุด หาได้ทำให้มะกันชนกลัวเกรงไม่ กลับทำให้มีการชุมนุมเพิ่มขึ้นกว่า 140 เมืองทั่วประเทศ
การกระทำอันเป็นเผด็จการของ “ทรัมป์” ครั้งนี้ ทำให้ “มะกันชน” ออกมาขับไล่ “ทรัมป์” มากยิ่งขึ้น จึงเปิดโอกาสให้ “โควิด-19” อาละวาดครั้งใหญ่แน่นอน!
เวรกรรมที่กำลังตามสนอง “ทรัมป์” ขณะนี้ ยิ่งทำให้คะแนนนิยมของ “ทรัมป์” ในหมู่คนอเมริกัน ตกต่ำลงอย่างกว้างขวางไปโดยปริยาย
“ทรัมป์” จะทำอย่างไร? ถึงจะดึงคะแนนนิยมกลับคืนจากมะกันชนให้เร็วที่สุด เพื่อสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีห้วงเดือนพฤศจิกายน 2563 นี้?
เอ๊ะ...ฤา “อินทรีทรัมป์” จอมเจ้าเล่ห์ จะหาเหตุโยนความผิดไปให้ “มังกรสี” อีกล่ะ...?