ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
อาจารย์ประจำสาขาวิชา Business Analytics and Intelligence
และ Actuarial Science and Risk Management
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
ความตายของจอร์จ ฟลอยด์ ชายหนุ่มซึ่งถูกสงสัยว่าใช้ธนบัตรปลอมราคา 20 ดอลลาร์หรือประมาณ 600 บาท จึงถูกตำรวจเข้าจับกุมและใช้เข่ากดคอไว้ จนเขาขาดอากาศหายใจตาย สร้างความอลหม่านโกลาหลและทำให้เกิดการจลาจลกลางเมืองไปทั่วสหรัฐอเมริกา เนื่องจากมีคนจำนวนมากไม่พอใจกับการเหยียดสีผิวและอคติที่มีต่อเชื้อชาติต่างๆ (Racial prejudice) หรือพูดง่าย ๆ ว่าการเหยียดผิวนั้นเป็นสิ่งที่ยังคงมีอยู่ในสังคมอเมริกัน ไม่เคยจางหายไปไหน พูดไม่ได้ แต่มีอยู่จริง
สหรัฐอเมริกานั้น สร้างประเทศและเติบโตมาจากการกดขี่แรงงานทาสจากแอฟริกาเพื่อมาทำการเกษตร เช่น การปลูกฝ้ายโดยเฉพาะมลรัฐในทางภาคใต้ของสหรัฐอเมริกา การกดขี่แรงงานทาสนั้นมีมาอยู่อย่างยาวนานและมีการแบ่งแยก (Segregation) และดูถูกราวกับคนดำที่เป็นทาสไม่ใช่มนุษย์อย่างชัดเจน
กว่าที่สหรัฐอเมริกาจะเลิกทาสได้นั้น ก็เกิดสงครามกลางเมืองในสมัยประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น อย่างรุนแรง และเรื่องการถูกเหยียดนี้แม้แต่ผู้หญิงสหรัฐอเมริกาก็ต้องต่อสู้มายาวนานจนกว่าจะมีสิทธิเลือกตั้งดังนั้นสหรัฐอเมริกาไม่ใช่ดินแดนแห่งความเสมอภาคและเสรีภาพอย่างที่คนทั่วไปทั้งหลายคิดกัน
ผู้เขียนเองเคยใช้ชีวิตในสหรัฐอเมริกาอยู่ 6 ปีครึ่ง ทำให้ได้สัมผัสว่าสหรัฐอเมริกามีการเหยียดสีผิวอยู่จริง คนขาวหรือ Caucasian American เกลียดคนดำ หรือ African American
แต่เชื่อหรือไม่ว่าคนเอเชียโดนเหยียดโดยคนผิวดำเช่นเดียวกัน และเท่าที่ผมสังเกตคนไทยในสหรัฐอเมริกาจำนวนหนึ่งชอบเหยียดคนละตินอเมริกา หรือ Hispanic American เพราะลูกจ้างแรงงานชั้นล่างสุดในร้านอาหารไทยในสหรัฐอเมริกาที่แบกจาน แบกของ ส่งของ หั่นผัก ยกหม้อ มักเป็นคนเม็กซิโก คนไทยชอบเรียนคนเม็กซิกันว่าไอ้โก้
ผมเคยอ่านรายงานการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับภาพในความคิดหรือสเตอริโอไทป์ที่มีต่อชนชาติต่างๆพบว่าคนอเมริกันมองว่าคนเอเชียเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลมแบบไม่เป็นมิตร (Hostile intelligent) และโรงเรียนดัง ๆ ในนิวยอร์กซิตี้ เช่น The Bronx High School of Science หรือ Stuyvesant High School หรือ Brooklyn Technical High School ก็เต็มไปด้วยนักเรียนเอเชียแทบทั้งสิ้น
ในสมัยที่ผู้เขียนเรียนและทำงานหลังจบใน New York City ก็มักมีข่าวว่าคนผิวเหลืองถูกผลักให้ถูกรถไฟใต้ดินเหยียบบนรางรถไฟจนตายคาที่เละอยู่เป็นประจำ ผมเองเวลาขึ้นรถไฟใต้ดินก็จะระวังตัวมาก ๆ และชานชาลารถไฟใต้ดินที่นิวยอร์กไม่มีประตูกั้นเหมือนรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ที่กรุงเทพแต่อย่างใด
มีอยู่กรณีหนึ่ง ผู้ตายเป็นประธานสมาคมนักเรียนจีนแห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย เรียนปริญญาเอกสาขาวิชาสถิติ และสอบประมวลผลความรู้ผ่านเรียบร้อยแล้วกำลังจะทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอก เป็นเด็กที่เรียนหนังสือเก่งมากและเป็นเด็กที่ Popular มีชื่อเสียงในหมู่นักเรียนจีน เพราะเป็นคนที่มีน้ำใจและคอยช่วยเหลือนักเรียนจีนที่มาใหม่ให้สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมในนิวยอร์กได้ นักศึกษาเอกจีนคนนี้ชื่อเม่งหยู เขาไปกินข้าวเย็นที่บ้านแฟนของเขาบนถนน 110 ใกล้ ๆ กับมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย
เมื่อออกมาจากบ้านของแฟนปรากฎว่ามีคนผิวดำเดินตามเขามาและเข้ามาต่อยทำร้ายร่างกาย เพราะเหยียดสีผิวและไม่ชอบคนเอเชีย เป็นความจริงที่คนผิวดำจำนวนหนึ่งก็เหยียดคนผิวเหลืองอาจจะไม่เรียกว่าเหยียด แต่เรียกว่าไม่ชอบก็ได้ เพราะคนดำจำนวนหนึ่งมองว่าคนเอเชียหรือคนผิวเหลืองขยันทำงานและมาแย่งงานของพวกเขา ทำให้เขาขาดรายได้และสูญเสียงานไป
เมืองบางเมืองซึ่งเคยเจริญมากในสหรัฐอเมริกา เช่นเมืองดีทรอยต์ เป็นเมืองที่ผลิตรถยนต์อเมริกันคันใหญ่ ๆ ส่งออกไปทั่วโลก เมื่อรถอเมริกันหมดความนิยมและรถญี่ปุ่นเช่นรถ Toyota เข้ามาแทนที่จนทำให้คนงานในโรงงานผลิตรถยนต์อเมริกันตกงานกันเป็นทิวแถวซึ่งแน่นอนว่าคนผิวดำซึ่งเป็นคนงานในโรงงานจำนวนมากก็ตกงาน ดีทรอยต์เป็นเทศบาลเมืองแห่งแรกซึ่งต้องประกาศล้มละลายเพราะเมืองตกต่ำลงจนไม่มีคนอยู่และคนอพยพออก
ว่ากันว่าในอดีตนั้น ดีทรอยต์มีคนดำเยอะมากที่ตกงานและเกิดความเคียดแค้นคนผิวเหลือง โดยเฉพาะต่อเนื่องมาจากรถยนต์ญี่ปุ่นซึ่งคงจะเหมารวม คนญี่ปุ่น คนจีนและคนไทยซึ่งมีผิวเหลืองรวมไปด้วยการไปใช้ชีวิตอยู่ในเมืองดีทรอยซึ่งมีแต่คนดำและมีความเคียดแค้นกับรถยนต์ญี่ปุ่นตลอดจนขยายแผ่ไปทั่ว (Generalization) ว่าคนเอเชียทำให้เขาตกงานจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าสนุกนักและไม่น่าจะปลอดภัยมากนัก
ผมเองเมื่อใช้ชีวิตอยู่ในนิวยอร์กได้ไปอยู่อาศัยในย่าน Bronx ซึ่งเป็นย่านคนดำเป็นส่วนใหญ่ แม้ว่าจะเรียนในมหาวิทยาลัยคาทอลิคเอกชนซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยของคนผิวขาว เช่น อิตาลีและยิวเป็นหลักก็ตาม แต่เวลาเดินข้ามถนนก็เคยถูกคนดำตะโกนด่าว่า Chink หรือแปลว่าไอ้เจ๊ก อันเป็นคำที่ดูถูกเหยียดหยามคนเอเชีย
เรื่องการเหยียดสีผิวนั้นเป็นสิ่งที่คงทนอยู่ในสังคมอเมริกันไม่เคยจางหายไปแต่อย่างใด
ผมเคยไปกินข้าวในร้านอาหารแห่งหนึ่งแล้วปรากฏว่าเจ้าของร้านซึ่งเป็นคนผิวขาวไม่ค่อยเต็มใจบริการคนเอเชียมากนัก และให้พนักงานบริการโต๊ะที่มีลูกค้าเป็นคนเอเชียหรือคนผิวเหลืองช้าที่สุด โดยที่คนผิวขาวที่เข้ามาทีหลังได้รับบริการก่อนและได้เสิร์ฟอาหารไปเรียบร้อยแล้วเป็นเวลานานมาก ผมจำได้ว่าแม่ของเพื่อนเดินไปต่อว่าเจ้าของร้านอาหารว่าเลือกปฏิบัติทางผิวสีหรือ racial discrimination ดังนั้นเขาจะฟ้องร้องว่าร้านอาหารแห่งนี้เลือกปฏิบัติ
สำนวนนี้ศักดิ์สิทธิ์มากในสังคมอเมริกันคือคำว่า I will sue you.
ผมเองไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกาใหม่ๆต้องขอหมายเลข Social Security Number ก็ได้ไปติดต่อที่ออฟฟิศของนักเรียนต่างชาติของมหาวิทยาลัยเพื่อขอเอกสารต่างๆไปจนครบถ้วน เมื่อไปถึงหน่วยราชการแห่งนั้นกลับไม่ยอมออกเอกสารให้ผมและขอเรียกร้องเอกสารอื่น ๆ อีกมากมายหลายอย่างเหลือเกินทั้งที่เพื่อนที่ไปด้วยกันหลายคนที่เป็นคนยุโรปหรือคนชาติอื่นก็ได้เอกสาร SSN กลับมาในทันที ไม่ได้ขออะไรเพิ่มเติม
ผมเทียวไปเทียวกลับที่สำนักงาน Social Security Number อยู่ประมาณ 5-6 ครั้ง จนครั้งสุดท้ายผมทนไม่ไหวจึงได้ถามกลับไปว่าต้องการลายเซ็นใครอีกบ้างหรือไม่ เช่น ประธานาธิบดีโอบามา หรือเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ จึงจะเป็นที่พอใจและอนุมัติเอกสารให้ผม และนี่คือการเลือกปฏิบัติ เหยียดสีผิวที่ผมพบเจอ และผมจำเป็นต้องฟ้องร้องต่อศาลสหรัฐอเมริกาว่าเจ้าหน้าที่หรือข้าราชการอเมริกันเลือกปฏิบัติโดยมีการเหยียดสีผิว ผมหมดความอดทนแล้ว
เท่านั้นเองเจ้าหน้าที่ของสหรัฐอเมริกาก็ตอบกลับผมมาว่ากรุณาใจเย็นลงก่อน เราจะบริการคุณให้ดีที่สุด หลังจากนั้นไม่ถึง 3 นาทีผมก็ได้เอกสารที่ผมต้องการและได้รับการอนุมัติทุกอย่างในวันนั้น
ผมเดินออกมาจาก Social Security Number Office ด้วยความรู้สึกมั่นใจว่าข้าพเจ้าสามารถ เถียงกับฝรั่งไฟแลบเป็นภาษาอังกฤษได้ เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าสามารถที่จะใช้ชีวิตรอดในแผ่นดินนี้ซึ่งไม่ใช่แผ่นดินเกิดของข้าพเจ้าได้แล้วอย่างแน่นอน ต้องเอาตัวรอดได้เพราะพ่นไฟด่าโต้สู้มันได้เป็นภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถูกเลือกปฏิบัติโดยเจ้าหน้าที่ของทางราชการซึ่งเป็นคนดำและมีทัศนคติที่น่าจะเหยียดคนผิวเหลืองพอสมควร เราอยู่ได้ เรารอดแล้ว
ผมก็ไม่เข้าใจว่าการเหยียดสีผิวเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร และทำไมไม่จบสิ้นลงสักที ในเมื่อคนเราก็ต่างเป็นมนุษย์ร่วมโลกกันทั้งนั้น หากจะมีเมตตากรุณาแก่กัน ไม่มีอคติความลำเอียงและการเหยียดผิวก็จะเป็นสิ่งที่ดีและจะทำให้สังคมโลกน่าอยู่มากยิ่งขึ้น
เรื่องนี้ทำให้นึกถึงสุนทรพจน์ของสาธุคุณมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ที่ชื่อว่า ข้าพเจ้ามีความฝันหรือ I have a dream. อันลือลั่นซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นสุนทรพจน์ที่ดีที่สุดในโลกชิ้นหนึ่ง
มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ กล่าวถึงความฝันซึ่งคนผิวดำและคนผิวขาวจะอยู่ร่วมกันบนแผ่นดินอเมริกาด้วยความรัก ด้วยความเสมอภาคเท่าเทียม ด้วยความเป็นพี่เป็นน้อง ด้วยมิตรจิตมิตรใจอันเสมอภาค การเคลื่อนไหวครั้งประวัติศาสตร์นี้ถูกเรียกว่าการเดินขบวนในวอชิงตันหรือ March on Washington
ผ่านไปแล้วนับร้อยปีการเหยียดผิวและคติที่มีต่อเชื้อชาติก็ยังไม่เคยจางหายไปจากสังคมอเมริกันแม้แต่น้อย จนกระทั่งเมื่อเกิดกรณีจอร์จ ฟลอยด์ เช่นนี้
มีนักจิตวิทยาสังคมจำนวนหนึ่งสนใจวัดอคติและความลำเอียงที่คนมีต่อคนเชื้อชาติอื่น แต่การที่จะไปถามตรง ๆ นั้น ก็ออกจะเป็นการซื่อบื้อ และคงไม่ได้รับคำตอบที่แท้จริงในใจแต่อย่างใด เนื่องจากการเหยียดผิวและความลำเอียงที่มีต่อชนชาติอื่นนั้นเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง แต่พูดไม่ได้ และยอมรับไม่ได้ในสังคมอเมริกันเพราะฉะนั้นก็จะไม่มีคนพูดคำตอบที่แท้จริง อย่างที่ใจคิด แม้ว่าจะรู้สึกรุนแรงแค่ไหนในใจก็ตามเพราะทราบดีว่าหากตอบตรงไปตรงมา คนก็จะรับไม่ได้ และไม่เป็นที่ปรารถนาของสังคมเช่นเดียวกัน
นักจิตวิทยาได้ทดลองให้เล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ โดยเป็นเกมจับผู้ร้าย ถ้าเป็นคนดีจะไม่มีปืนในมือและถ้าเป็นผู้ร้ายจะมีถือปืนในมือ
หลังจากนั้นจะมีคนซึ่งอาจจะเป็นทั้งผู้ร้ายและคนดีโดยที่จะถือปืนหรือไม่ถือปืน และสลับกันเข้าไปปรากฎที่หน้าจอเกมส์คอมพิวเตอร์ แต่จะมีทั้งคนผิวสีขาวและคนผิวดำปะปนกันมาซึ่งอาจจะเป็นคนขาวที่เป็นคนปกติเป็นคนดี หรือคนขาวที่ถือปืนซึ่งเป็นคนร้าย หรือคนดำที่เป็นคนดี หรือคนดำที่เป็นคนร้ายที่ถือปืนก็ได้เช่นเดียวกันกติกาของเกมคอมพิวเตอร์นี้มีอยู่ว่า หากเจอผู้ร้ายถือปืนเข้ามาในหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้กดปุ่มยิงคนร้ายในทันที ไม่เช่นนั้นจะถูกยิงจับคนร้ายจนเสียชีวิตและเกมส์จะจบ
ผลการทดลองพบว่าหากเป็นคนผิวดำไม่ว่าจะถือปืนหรือไม่ถือปืนในมือก็ตาม มีความน่าจะเป็นที่จะถูกผู้เข้ารับการทดลองยิงให้ตายมากกว่า และยิงปืนโดยมีเวลาปฏิกิริยาหรือ Reaction Time รวดเร็วกว่ามากอันแสดงให้เห็นว่ามีอคติในใจ ต่อให้คนผิวดำที่ปรากฏตัวบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่ได้ถือปืนก็ตาม ก็จะถูกยิงอย่างรวดเร็ว และสิ่งที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือเมื่อผู้เข้ารับการทดลองแม้จะเป็นคนผิวดำก็ตาม ก็เลือกที่จะยิงคนผิวดำมากกว่าจะยิงคนผิวขาว แม้ว่าจะถือปืนหรือไม่ก็ตามและยิงอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน
ผลการทดลองวัดอคติในใจโดยอาศัยเวลาปฏิกิริยานี้น่าตกใจยิ่งนักว่า มนุษย์เรามีอคติในใจรุนแรงต่อคนผิวดำเช่นกัน และแม้กระทั่งคนผิวดำด้วยกันเองก็มีอคติและเหยียดคนผิวดำด้วยกันเอง โดยมีความเชื่อว่าคนผิวดำมักจะเป็นโจรผู้ร้ายและไม่เป็นคนดี ทำไมจึงเกิดอคติในใจรุนแรงเช่นนี้ แม้ในกลุ่มพวกเดียวกัน (คนดำด้วยกัน) ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องสนใจศึกษาต่อไป
ความเกลียดชัง อคติที่มีต่อกันและกันเช่นนี้ ไม่ส่งผลดีต่อใครเลย นายตำรวจซึ่งเอาเข่ากดคอ จอร์จ ฟลอยด์จนเสียชีวิตนั้นก็มีอคติความลำเอียงและการเหยียดสีผิวในใจเช่นกัน จะมากหรือน้อยก็ตามแต่ แต่ก็เป็นการปฏิบัติหน้าที่ที่เกินกว่าเหตุและทำให้เกิดความคุกรุ่นโกรธแค้นในใจของผู้คน ทำให้สังคมอยู่กันอย่างไม่สงบไม่ไว้ใจกัน และทำให้คนที่ถูกเหยียดนั้นถูกตีตรา (Labeling) ทั้งในทางที่ดีหรือในทางที่ไม่ดีก็ตาม ย่อมไม่ส่งผลดีเท่าไหร่นัก สังคมไม่ควรจะอยู่กันด้วยความเกลียดชังและอคติตลอดจนการเหยียดซึ่งกันและกัน
สำหรับคนที่คิดว่าสหรัฐอเมริกาเป็นดินแดนแห่งเสรีภาพและความเสมอภาคนั้นขอเรียนให้ทราบว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด สหรัฐอเมริกาเป็นดินแดนแห่งโอกาสที่เปิดโอกาสให้คนเก่งมีความสามารถได้ไต่เต้าขึ้นมา จนเป็นที่ยอมรับของสังคม คนอเมริกันยกย่องคนที่เติบโตด้วยความรู้ความสามารถและความพยายามมากกว่าคนที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด อเมริกันชนยกย่องคนที่สร้างฐานะและผลักดันตัวเองขึ้นมาจนประสบความสำเร็จเราเรียกว่าความฝันแบบอเมริกันหรือ American Dream
แต่ในฝันแบบอเมริกันนั้น ก็มีความแปลกแยก และมีความแตกต่างกันอย่างมากมาย อยากให้เข้าใจว่าสหรัฐอเมริกาไม่ได้เจริญ เท่า ๆ กันทุก ๆ ที่ มีมลรัฐที่ไม่เจริญอยู่มากมาย เป็นมลรัฐไกลปืนเที่ยง เช่น Midwest หรือในทางใต้ของสหรัฐอเมริกาบางส่วนซึ่งยังมีความคิดที่เหยียดผิว และเหยียดเพศอย่างค่อนข้างรุนแรง
การฆาตกรรมหมู่ที่เกิดขึ้นในสังคมอเมริกาอยู่บ่อยครั้งโดยไม่มีสาเหตุและไม่มีความแค้นต่อกันจำนวนมากนั้น เกิดจากอคติและการเหยียดผิวซึ่งนำไปสู่ความคับแค้นและการฆ่าฟันซึ่งกันและกันโดยไม่ทราบสาเหตุและแรงจูงใจ
ขอสวดมนต์ภาวนาให้สังคมอเมริกันกลับมาสู่ความปกติผาสุกโดยเร็วที่สุด ขอพระเจ้าคุ้มครองเพื่อนเพื่อนอเมริกันที่แสนดีและเป็นคนที่มีน้ำใจน่ารักที่สุดในโลก
ขอให้คนไทยไม่เหยียดกันและไม่มีอคติต่อชนชาติอื่นซึ่งในความเป็นจริงนั้นเราต้องยอมรับว่าคนไทยมีแนวโน้มที่จะเหยียดชนชาติเพื่อนบ้านและอีกหลายๆชนชาติพี่เป็นคนที่เอเชียด้วยกันเองเช่นกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่พึงกระทำและควรจะต้องปลูกฝังให้หมดไปจากสังคมไทย