ยุค New Normal ท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 ซึ่งประเทศไทยภูมิใจมาก ออก Apps ไทยชนะ สำหรับคนไปไหนมาไหน เข้าห้างสรรพสินค้า รับกับรูปแบบการใช้ชีวิตใหม่ มีความเสี่ยงระดับหนึ่ง เมื่อรัฐบาลปลดล็อกการควบคุมเข้มก่อนหน้านี้
เหมือนหลายประเทศนั่นแหละ มีปัญหาการระบาดอย่างไร ชีวิตต้องดำเนินต่อไป เศรษฐกิจจะปล่อยให้ตายซากอย่างนี้ไม่ได้ ยิ่งประเทศนี้กลุ่มทุนใหญ่กำกับทิศทางนโยบายภาครัฐด้วยแล้ว ก็จำเป็นต้องให้ธุรกิจมีช่องทางทำมาหากินได้บ้าง
ผู้นำรัฐบาลได้รับคำแนะนำจากมหาเศรษฐี 20 ราย ซึ่งเกือบทั้งหมดก็ย้ำความจำเป็นต้องให้สภาวะเศรษฐกิจเดินหน้า คำแนะนำของใครจะแฝงด้วยผลประโยชน์ส่วนตนอย่างไรหรือไม่ ชาวบ้านที่เฝ้าติดตามเหตุการณ์บ้านเมืองย่อมมองออก
บางรายแนะนำให้รัฐบาลกู้มากถึง 3 ล้านล้านบาท แต่ไม่บอกว่าจะใช้หนี้คืนอย่างไรทั้งหนี้เก่าหนี้ใหม่ เพียงแต่อ้างว่าเมื่อธุรกิจฟื้นตัว รัฐจะได้ภาษีเพิ่มจากผลประกอบการและกำไร แต่ความเป็นจริงของชีวิต เป็นอย่างนั้นหรือไม่ ไม่ต้องสงสัย
ประเทศนี้คนเสียภาษีเงินได้เต็มที่ไม่ถึง 10 ล้านคน ภาคธุรกิจใช้ช่องทางอย่างอื่น หรือมหาเศรษฐีมีทางจ่ายภาษีน้อยอย่างไร ไม่ต้องพูดถึง จะให้ดีก็เอาตัวเลขมาดู
เอาเถอะ เมื่อคนไทยพร้อมแบกหนี้จนกว่าจะสิ้นสภาพการกู้ได้ ก็ต้องทนต่อไป ต้องถือว่าจากนี้ไป ทุกอย่างควรเข้าสู่สภาวะ New Normal เป็นแนวทางใหม่
นั่นหมายถึงการเมืองไทยควรจะต้องปรับตัว ปฏิรูปให้เป็น New Normal ด้วย!
จะทำได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับความตั้งใจจริง ความใจซื่อมือสะอาดของผู้นำประเทศ ให้สมกับภาระหน้าที่ ยิ่งถ้ามุ่งหวังเกียรติภูมิ ให้ประชาชนจำได้ว่าเป็นผู้สร้างคุณประโยชน์แก่ชาติบ้านเมือง ก็ต้องทำ เป็นสิ่งที่ไม่ต้องย้ำเตือนด้วยซ้ำ
New Normal ที่ประชาชนต้องการคือ “หยุดโกง เพื่อชาติ” หลังจากที่รัฐบาลได้พร่ำบอกชาวบ้านให้ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อเพื่อชาติ” จะทำได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับผู้นำรัฐบาล ถ้าทำไม่ได้ ต้องบอกให้ประชาชนได้รับรู้ว่า “ทำไมถึงทำไม่ได้ มีปัญหาอะไร”
เมื่อทำไม่ได้ จะทำอย่างไรต่อไป เพราะชาวบ้านได้ฟังคำประกาศเรื่องนโยบายปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ แทบทุกฤดูกาล แต่ก็เป็นเพียงนโยบาย ยิ่งช่วง 5 ปีที่ปลอดนักการเมือง มีเสียงร่ำลือเรื่องโกงกินมูมมาม เหมือนตายอดตายอยาก
เอาเถอะ ถ้ามีการโกงสะบั้นหั่นแหลกจริงในช่วงกว่า 5 ปี ชาวบ้านถามว่า “ควรอิ่มได้หรือยัง พอหรือยัง” หรือจะโกงกินต่อไป กู้มาโกงด้วย จนเสี่ยงกับการสิ้นชาติ เห็นกันชัดแล้วว่าปัญหาเศรษฐกิจของประเทศสาหัส ตายซากมาก่อนโควิด-19
“หยุดโกง เพื่อชาติ” ถือเป็นภาระที่ผู้นำรัฐบาลต้องทำให้ได้ อย่ามาบอกว่า “ไหนละหลักฐาน” “เอาหลักฐานมาซิ” การถามเช่นนั้นเป็นการดูถูกสติปัญญาของประชาชนคนเฝ้าดูสถานการณ์มาตลอด พ่อค้า ข้าราชการ ตัวโกงเองก็รู้อยู่แก่ใจ
ประเทศไทยบอบช้ำจากการโกงกินระดับเกิน 40 เปอร์เซ็นต์มานาน ถ้าจะต้องให้ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ทุกฝ่ายต้อง “หยุดโกงเพื่อชาติ” ก็คือนักการเมืองผู้กุมอำนาจ พ่อค้า ข้าราชการ และเครือข่าย ชาวบ้านทั่วไปไม่มีทางจะโกง นอกจากเลี่ยงภาษี
เออ! คำแนะนำของบรรดามหาเศรษฐีมีคำร้องขอให้คนรัฐบาล “หยุดโกง เพื่อชาติ” บ้างหรือไม่ เพราะมหาเศรษฐีก็คือพ่อค้า และมีพ่อค้าบางกลุ่มร่วมในการติดสินบนเป็น 1 ใน 3 ของแกนอักษะแห่งความชั่วร้ายที่เป็นมะเร็งเกาะกินประเทศ
“เบื้องหลังของความมั่งคั่งคืออาชญากรรม” อย่างที่ Honore de Balzac ว่าไว้มิใช่เรอะ หรือจะว่ากันให้ชัดๆ คือ “ความมั่งคั่งเริ่มจากอาชญากรรม” ก็ได้
อยากให้มหาเศรษฐีประกาศเจตนารมณ์ดังๆ ว่าจะไม่ขอมีส่วนร่วมในการทุจริต ประพฤติมิชอบ คดโกงแผ่นดิน ขอทำมาหากินโดยสุจริต เสียภาษีให้ถูกต้องตามรายได้ ลดละเลิกจากการใช้เส้นสาย อิทธิพลหรือเงินทอนในการทำธุรกิจ
ถ้าจะให้สวย ดูดี ต้องให้หัวหน้ารัฐบาล เชิญมหาเศรษฐีที่ให้คำแนะนำ มายืนประกาศเจตนารมณ์ และมีปลัดกระทรวง อธิบดีทุกกระทรวงมาร่วม ว่า “จะหยุดโกง เลิกติดสินบน จะประพฤติตนซื่อสัตย์ หยุดทำลายธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม” เพื่อชาติ
ทำได้หรือไม่ ถ้านักธุรกิจ มหาเศรษฐีที่ทำมาค้าขายกับรัฐ ร่วมในงานประมูลโครงการต่างๆ สู้อย่างเปิดเผย โปร่งใส สุจริต ไม่ใช้เส้นสาย ติดสินบน ประเทศไทยก็จะก้าวไปบนวิถีทาง “New Normal” พร้อมกันในภาคการเมือง พ่อค้า ข้าราชการ
หรือจะยังหาทางย่ำยีบ้านเมืองให้เสื่อมทรุดไปกว่าที่เป็นอยู่เพื่อความมั่งคั่ง คิดเพียงแต่ว่าบ้านเมืองจะฉิบหายก็ช่าง ขอให้พวกข้าร่ำรวย ไม่ลำบากก็แล้วกัน แต่อย่าลืมว่า New Normal จะเกิดในภาคประชาชนที่ไม่ยอมทนกับการโกงกินอีกต่อไป
ประเทศไทยมีความพร้อม ทรัพยากร องค์ประกอบต่างๆ ยังไม่สูญแม้มีโกงกินมาหลายทศวรรษ ถ้าจะเริ่มต้นใหม่ด้วย New Normal การ “หยุดโกง เพื่อความอยู่รอดของชาติ” ต้องเริ่มตั้งแต่บัดนี้ นึกหรือว่าถ้าประเทศอยู่ไม่ได้ ท่านจะยังคงอยู่ได้
นึกหรือว่าจะหอบความมั่งคั่งจากการโกงไปอยู่แผ่นดินอื่นแล้วมีความสุข เพราะ New Normal ย่อมหมายถึงมาตรการต่างๆ ที่ประชาชนจะหาทางเอาคืน ตัวอย่างมีให้เห็นแล้วว่าการคดโกงแผ่นดินมีผลกรรมที่เห็นกันในชาตินี้อย่างไร
ยิ่งเห็นความเคลื่อนไหวในกลุ่มการเมืองเพื่อแก่งแย่งอำนาจ เก้าอี้รัฐมนตรี ก็ยิ่งเห็นเจตนาว่ามุ่งผลประโยชน์จากเงินมหาศาล งบประมาณ การกู้ ผลประโยชน์จากทรัพยากรแผ่นดิน ไม่มีเจตนามุ่งทำงานให้ชาวบ้านมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น
ถ้ายังไม่เลิกโกง หยุดเอาเปรียบแผ่นดิน น่าจะรู้ว่าหายนะรออยู่อีกไม่ไกลแล้ว