"โสภณ องค์การณ์"
วันก่อนกระพ้มขอให้ 3 กลุ่มในแกนอักษะแห่งความชั่วร้าย คือ นักการเมือง ข้าราชการ พ่อค้า ต้อง “หยุดเชื้อโกง เพื่อชาติ” ในสภาวะแวดล้อมใหม่ * New Normal กำกับโดยเชื้อโรคโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ถ้ายังโกงกิน กู้เงินมากเหมือนเดิม บ้านเมืองจะรอดยาก
“ไม่มีเสียงตอบรับจากที่ท่านเรียก” เป็นความเงียบ ที่ขอไปไม่ได้หวังว่าจะได้รับการตอบรับ เห็นอยู่ชัดๆ ว่าสภาวะเช่นนี้ ทุกฝ่ายที่เผชิญปัญหาส่วนตัว ต้องพยายามเร่งเอาตัวเองให้รอด เหมือนเรียกร้องให้เสือหิวหยุดกินเนื้อ กินผักหญ้าแทน เป็นไปไม่ได้แน่
“แกนอักษะแห่งความชั่วร้าย” ไม่ได้มีบทบาทในเรื่องโกงกินเท่านั้น ยังเป็นปัญหาหลักของประเทศ เป็นต้นตอของการเสื่อมโทรมของระบบนิติรัฐ นิติธรรม ระบบเส้นสาย เหมือนมะเร็งร้ายทำลายร่างกาย ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง เฉียบพลัน จะไม่หาย
พลังของประชาชนเป็นปัจจัยสำคัญ ถ้าร่วมมือร่วมใจกันจริงจัง ไม่เห็นแก่เศษเงินเล็กน้อย และถ้อยคำหวาน ที่ 3 กลุ่มในแกนอักษะจัดให้ คงได้ผล แต่ที่ผ่านมา ชาวบ้านได้ยกเหตุผลอุบาทว์มาอ้าง เช่น “ไม่มีรัฐบาลไหนไม่โกง” ไม่คิดจะผลักดันเปลี่ยนแปลง
ซ้ำร้าย มีตรรกะอุบาทว์ในรูปแบบของคนเอาแต่ได้ เห็นแก่ตัวว่า “โกงบ้างก็ไม่เป็นไร ขอให้พวกเราได้ประโยชน์บ้าง” เท่ากับยอมรับสภาพการป้อนเข้าปาก มีเศษเนื้อข้างเขียงให้อยู่รอด ประเทศไทยจึงติดอยู่ในกับดักวงจรอุบาทว์ไม่มีโอกาสจะหลุดพ้น
ยิ่งอยู่นาน การทุจริตยิ่งมาก ระดับการโกงสูงกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ รัฐบาลไหนก็ไม่รู้สึกว่าเดือดร้อน โกงหนักในช่วงที่ไม่มีนักการเมืองได้กุมอำนาจบริหารจัดการด้วยซ้ำ
ที่วิปริตหนักข้อ คือคำประกาศของผู้นำทุกรัฐบาลว่ามีนโยบายปราบปรามการทุจริต คอร์รัปชั่น มีพิธีกรรมสร้างภาพให้ชาวบ้านบ้องตื้นปลื้ม เชื่อว่าบ้านเมืองอยู่ภายไต้การบริหารของคนใจซื่อมือสะอาด รักชาติยิ่งชีพ จากการรัฐประหาร และการเลือกตั้ง
ภายใต้ความยากลำบากในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ธุรกิจของเอกชนทุกระดับ สถานการณ์ยิ่งบีบคั้น เพราะความมั่งคั่งหายไปมหาศาลทั่วโลก ประชาชนทุกระดับลำบาก เว้นแต่กลุ่มคนมั่งคั่ง มีเงินฝากก้อนใหญ่ ไร้หนี้สิน ภาระ อยู่รอดได้สบาย
แต่ก็ต้องเฝ้ามองว่าภาพรวมจะเป็นอย่างไร ถ้าโครงสร้างโดยรวมยังอยู่ในภาวะวิกฤต ความมั่งคั่งท่ามกลางความไม่มีของคนในสังคมส่วนอื่นๆ จะไม่ทำให้ชีวิตสุขอย่างที่ควรจะเป็น ภัยที่อาจเกิดขึ้นคืออาชญากรรม เป็นภาวะธรรมดาในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ
เอาละ! การขอให้ “หยุดเชื้อโกง เพื่อชาติ” คงไม่ได้ผล เพราะขึ้นอยู่กับผู้นำประเทศ ถ้าไม่คิดทำอะไร ความพยายามจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจท่ามกลางการคอร์รัปชั่น และต้องกู้มาเพื่อบางกลุ่มได้โกง สร้างหนี้ให้ประเทศ สภาวะจะยิ่งเลวร้าย
ต้องถามผู้นำประเทศ ผู้กุมอำนาจว่า “ไม่รู้สึกอะไรหรือ ที่บ้านเมืองยังมีการโกงกินอย่างหนัก?” และไม่ต้องถามว่า “ไหนละหลักฐาน?” จะเป็นการดูถูกสติปัญญาของประชาชน และประจานความด้อยปัญญาของตัวเองด้วย นักโกงทั้งหลายย่อมรู้ตัวดี
ถ้าการโกงยังเป็นไปในสภาวะแวดล้อม New Normal แล้วสังคมการเมือง เศรษฐกิจ และโครงสร้างด้านอื่นๆ ไม่มีการปรับ หรือปฏิรูป ทุ่มเงินอย่างไรคงไม่ดีขึ้น และถ้าระบบ กลไก “นิติรัฐ นิติธรรม” ยังไม่มีความน่าเชื่อถือ มีอิทธิพลกำหนดได้ ก็ยิ่งสิ้นหวัง
จะส่งเสริมการลงทุน โครงการขนาดใหญ่ สร้างภาพอย่างไร ถ้ายังโกงเหมือนเดิม การบังคับใช้กฎหมายไร้ความน่าเชื่อถือ ประชาชนจะมีความหวัง ความมั่นคงได้อย่างไร
ถ้าสังคมบ้านเรายังทำตัวแบบผิดปกติ หรือ abnormal ในบรรยากาศใหม่ ที่ทุกฝ่ายต้องปรับตัว New Normal แต่ทำไม่ได้ เพราะผู้กุมอำนาจขาดเจตนาดีต่อบ้านเมือง ยังปล่อยให้มีการโกงกิน กฎหมายไร้ความหมาย ระบบเส้นสายยังเข้มแข็ง จะเหลืออะไร
คงมีคนเถียง “เอาเถอะน่า มันก็โกงอย่างนี้ ระบบเส้นสาย กฎหมายขาดความศักดิ์สิทธิ์ เป็นอย่างนี้มานาน เราก็ต้องอยู่รอดได้แบบไทยๆ นั่นแหละ” ขอให้เราเอาตัวรอด น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวาง อย่าเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง...แบบนี้พวกโกงกินยิ่งสบาย
ก็แปลก ไม่มีใครรู้สึกเดือดร้อนกับการทุจริต คอร์รัปชั่นอย่างมโหฬาร ปัญหาความน่าเชื่อถือในกระบวนการยุติธรรม กฎหมายไร้ความหมาย ทั้งๆ ที่มีองค์การต่อต้าน ตรวจสอบการทุจริต ทั้ง ป.ป.ช. ป.ป.ท. สตง. ผู้ตรวจการ ดีเอสไอ กรรมาธิการต่างๆ สารพัด
หรือเรามีวิกฤตด้านจิตสำนึก ความรู้สึกดีชั่ว ความรักชาติ จิตสาธารณะ มีแต่ความเห็นแก่ตัว ใครมีโอกาสโกงต้องทำ เพราะหากินตามธรรมดาไม่มีโอกาสรวย เมื่อกฎหมายไร้ความหมาย คำอ้าง “ทำดีได้ดี” จึงไม่มีตัวอย่างให้เห็น มีแต่โกงมากรวยเร็ว
ถ้าผู้มีอำนาจไม่ทำอะไร ประชาชนคงทำอะไรไม่ได้ ยิ่งถ้าผู้มีอำนาจอยู่ในเครือข่ายของพวกขบวนการกังฉินกินเมือง มีกฎหมายควบคุม ห้ามนั่นนี่โน่น มีอำนาจพิเศษ หรือออกแนวเผด็จการ อย่างนี้บ้านเมืองมีแต่จะหายนะ มีตัวอย่างให้เห็นเยอะ
มีคำปลอบใจว่าเมืองไทยเนื้อหอม มีปัจจัยต่างๆ ทรัพยากรธรรมชาติ การบริการ เอื้อสำหรับการฟื้นตัวเร็วจากการระบาดของโควิด-19 จะไปก่อนประเทศอื่นๆ แต่ไม่มีใครคิดว่าถ้ายังโกงกิน กฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์ จะมีแต่พวกต้องการฉวยโอกาสเข้าแห่เข้ามา
นักธุรกิจที่คุ้นกับบรรยากาศโปร่งใส ไม่ติดระบบไต้โต๊ะ จะแข่งขันได้อย่างไรกับระบบเส้นสาย อิงผู้มีอำนาจ ในการแข่งขัน ต้องเสียเบี้ยบ้ายรายทางเหมือนที่เป็นอยู่
ถ้าจะให้ประชาชนอยู่ในสภาวะ New Normal แต่ในระบบอำนาจยังจะเป็น Abnormal อยู่ ไม่เปลี่ยนแปลง คงเดาได้ไม่ยากว่าอนาคตประเทศไทยจะเป็นอย่างไร มีคำเตือนว่าประเทศที่พึ่งรายได้จากการส่งออก การท่องเที่ยว หนี้สินมาก ต้องดิ้นรนมาก
ถ้าการดิ้นรนจะให้ไปได้ดี แต่ไม่เปลี่ยนพฤติกรรมเก่า คงต้องเน่าในไม่ช้า!
อาร์เจนตินา เวเนซุเอลา เป็นตัวอย่างเห็นชัดทุกวันนี้!