ผู้จัดการรายวัน360- สั่งย้าย ร.ต.ท. สภ.สหัสขันธ์ หื่นจัดกอดเอว ขอจับจิ๋มนักเรียนหญิง ม.3 พร้อมสั่งสอบวินัยร้ายแรง ผิดจริงฟันไม่เลี้ยง ด้านเจ้าตัวยอมรับดื่มเหล้าจริง อ้างทำไปโดยไม่รู้ตัว อีกคดีด้าน "ทิชา" บุกร้องยธ.คุ้มครอง 2 ด.ญ. จวกครูกล่าวหาเด็กขายบริการ ตรรกะวิบัติ รมว.ยุติธรรมประสานอัยการใช้อำนาจพิเศษสอบพยานล่วงหน้าคดีแก๊งครูข่มขืนเด็ก
จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์ข้อความเตือนภัยโดยระบุว่า โพสต์นี้มาเตือนภัยผู้หญิงนะคะ! พร้อมเล่าเหตุการณ์ว่า...วันนี้จะไปจ่ายค่าปรับที่ไม่ได้สวมหมวกกันน็อกที่โรงพัก หรือ สภ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ ประมาณ 11 โมง ไปกับน้องสาว ได้ถามตำรวจนายหนึ่งซึ่งอยู่ในเครื่องแบบครึ่งท่อน และมีอาการลักษณะคล้ายคนเมา ใช้มือโอบเอว แล้วลากขึ้นไปชั้น 2 เข้าไปในห้องที่เสียค่าปรับก่อนที่จะมีการสอบถามพูดคุยกัน แล้วตำรวจได้ขอจับอวัยวะเพศ
ภายหลังจากข้อความดังกล่าวถูกโพสต์ออกไป ทำให้โลกโซลเชียลฯ มีการแชร์ และเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันจำนวนมาก เพราะหลายคนมองว่าโรงพักเป็นสถานที่ปลอดภัย แต่กลับไม่ปลอดภัย
ล่าสุด เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (12 พ.ค.) ที่ห้องประชุมตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ พล.ต.ต.สมนึก มิควาฬ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วย รองผู้บังคับการตำรวจ จ.กาฬสินธุ์ ทุกฝ่ายร่วมกันเปิดเผยคืบหน้าในการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว
พล.ต.ต.สมนึก กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวได้ตรวจสอบแล้วพบว่าผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงสาว ถูกจับในข้อหาไม่สวมหมวกนิรภัย และได้ไปชำระค่าปรับที่ สภ.สหัสขันธ์ พร้อมน้องสาว เมื่อช่วงเวลา 11.00 น. วันที่ 11 พ.ค.63 ที่ผ่านมา จากนั้นได้สอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเสียค่าปรับ ระหว่างพูดคุยกันที่ห้องประชาสัมพันธ์ ชั้น 1 ได้มีตำรวจนายหนึ่ง ทราบชื่อภายหลังคือ ร.ต.ท.อุทิศ พรประสงค์ กำลังทำหน้าที่ร้อยเวร ได้มาหาผู้เสียหายและได้สอบถามว่ามาทำอะไร จากนั้นได้แนะนำ และพาขึ้นไปเสียค่าปรับที่ชั้น 2 และขณะนั้นเป็นวันหยุด ห้องเปรียบเทียบปรับไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ ก่อนที่จะพาผู้เสียหายเข้าไปและก่อเหตุลวนลาม กอดเอวผู้เสียหาย และขอจับของสงวนของหญิงสาว
จากการสอบปากคำผู้เสียหาย รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ประกอบกับสอบถาม ร.ต.ท.อุทิศ เบื้องต้นเป็นการกระทำผิดจริง โดยจากการพูดคุยกับ ร.ต.ท.อุทิศ ยอมรับว่า ก่อนเกิดเหตุได้ดื่มสุราที่บ้านพักและมีเพื่อนมาขอให้ไปเข้าเวรแทน ระหว่างเข้าเวรมีอาการเมาสุรา ก็เลยก่อเหตุ แต่อ้างว่าทำไปโดยไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตามการกระทำดังกล่าวจะต้องถูกดำเนินการทั้งวินัย และอาญา
พล.ต.ต.สมนึก กล่าวว่า เบื้องต้นได้สั่งย้ายมาประจำที่ตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ และตั้งคณะกรรมสอบสวนวินัยร้ายแรง หากสอบสวนปากคำพยาน รวบรวมหลักฐาน และได้ข้อเท็จจริงแล้ว ก็จะมีการแจ้งข้อกล่าวหา และจับกุมตัว เบื้องต้นแจ้งข้อหาอนาจารแก่บุคคลที่อายุต่ำกว่า 15 ปี มีโทษสูงจำคุก 10 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท
ทั้งนี้ หากศาลตัดสินผิด และจำคุก ก็ต้องดำเนินการไล่ออกจากราชการต่อไป นอกจากนี้ จะมีการตรวจสอบกรณีข้อบกพร่อง ปล่อยให้ดื่มสุราแล้วมาปฏิบัติหน้าที่ด้วย
"ทิชา" ร้องยธ.คุ้มครอง 2 ด.ญ.เหยื่อครูหื่น
ส่วนความคืบหน้ากรณีครูและรุ่นพี่รวม 7 คน ข่มขืนนักเรียนหญิงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และ 4 ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.มุกดาหาร นั้น นางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวน(ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก พร้อมด้วยนายชูวิทย์จันทรส เลขาธิการมูลนิธิเด็ก เยาวชน และครอบครัว มูลนิธิหญิงชายก้าวไกลและเครือข่ายปกป้องเด็กและเยาวชน ลดปัจจัยเสี่ยงทางสังคม เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกต่อ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อเรียกร้องให้กระทรวงนำผู้เสียหายและครอบครัว เข้าสู่กระบวนการคุ้มครองพยาน ของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ควบคู่กับการฟื้นฟูสภาพจิตใจ เสริมพลังเพื่อให้ผู้เสียหายมั่นใจในกระบวนการยุติธรรม และได้เข้าถึงการเยียวยาจากกองทุนยุติธรรม
นางทิชา กล่าวอีกว่า การละเมิดสิทธิเด็กในสถานศึกษา เชื่อว่ามีตลอดเวลา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า มันบอกว่า เด็กๆ ไม่ปลอดภัยในโรงเรียนแห่งนั้น มันไม่ใช่แค่การปฏิรูปการเรียนการสอน แต่ต้องปฏิรูปจิตวิญญาณของคนเป็นครูด้วย
“สิ่งที่น่าเศร้าใจอีกเรื่องคือมุมมองความคิดของครูบางส่วนที่ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งมุ่งไปทางกล่าวโทษให้ร้ายเด็ก ทั้งที่เขาเป็นฝ่ายถูกกระทำเป็นผู้เสียหาย ซึ่งถือเป็นตรรกวิบัติที่ไม่ควรเกิดขึ้นในคนที่มีวิชาชีพครู การให้โอกาส ให้ความรัก ความเมตตาลูกศิษย์ต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญ” นางทิชากล่าว
นางทิชา กล่าวว่า เครือข่ายจึงมีจุดยืนและข้อเสนอต่อกระทรวงยุติธรรมดังต่อไปนี้
1. ขอสนับสนุนกระทรวงยุติธรรม ให้เร่งรัดกระบวนการนำเด็กนักเรียนผู้เสียหายและครอบครัว เข้าสู่การคุ้มครองพยาน กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ โดยเร็วที่สุด และเร่งรัดมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาจากกองทุนยุติธรรมเป็นการด่วน
2. การฟื้นฟูสภาพจิตใจของผู้เสียหายและครอบครัว 3. ขอเรียกร้องให้กระทรวงยุติธรรมเป็นแม่งาน ในการระดมสมองเพื่อหาทางออกจากเขาวงกตที่ทำให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นซ้ำๆ และ 4. ขอให้สื่อมวลชนนำเสนอข่าวสารโดยไม่ละเมิดสิทธิเด็ก และครอบครัวผู้เสียหาย
หวั่นคดีข่มขืนนร.พลิก
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม (ยธ.) กล่าวภายหลังการรับหนังสือจาก นางทิชา ณ นคร ว่า หลังจากหารือกับมูลนิธิเด็กและเยาวชนแล้วมีความเห็นตรงกันว่าจำเป็นจะต้องเร่งเข้าไปให้การความช่วยเหลือเยียวยาจิตใจของเด็กที่ถูกกระทำโดยเร็ว ซึ่งในวันที่ 13พ.ค.63 นางทิชาจะเดินทางไปจ.มุกดาหาร เพื่อประสานเรื่องคดี เนื่องจากการสืบสวนคดีทั่วไปมักจะใช้เวลานานประมาณ3เดือน และต้องส่งให้อัยการพิจารณาอีกประมาณ3เดือน คดีจึงจะเข้าสู่ขั้นตอนการไต่สวนที่ศาล ดังนั้นจึงต้องเร่งรัดขอให้พนักงานสอบสวนประสานกับอัยการจังหวัดมุกดาหารสืบพยานไว้ก่อนฟ้อง ซึ่งเป็นอำนาจพิเศษของอัยการตามประมวลกฎหมายป.อาญามาตรา 237 ทวิ
"เหตุผลสำคัญที่ใช้ในการขอใช้กฎหมายพิเศษ คือในช่วงเวลานี้ ผู้เสียหายยังจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้แม่นยำ รวมทั้งร่องรอยการกระทำผิดจะชี้ชัดให้เห็นถึงพฤติการณ์ทำให้ศาลรับฟังข้อเท็จจริงได้มากที่สุด หากทำได้เร็วก็จะไม่มีเหตุแทรกซ้อน เช่น มีการเจรจาไกล่เกลี่ยให้ยอมความหรือทำให้คดีพลิก"รมว.ยุติธรรมกล่าว
ด้านนางทิชา กล่าวว่า ตนจะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร วันที่ 13 นี้ เพื่อพูดคุยกับเด็กและครอบครัว ที่ตกเป็นเหยื่อหน่วยงานต้องเข้าไปช่วยเหลือให้เด็กรู้สึกได้รับความปลอดภัย และอยากให้ดูแลการคุ้มครองพยานจนเด็กสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติและกลับไปเรียนหนังสือได้ตามเดิม
“เด็กที่ถูกกระทำไม่ใช่เด็กเลวแต่เป็นเหยื่อของพวกผู้ใหญ่ อยากทำให้ผู้ใหญ่เหล่านี้ถูกลงโทษตามกฏหมายเช่นเดียวกับกรณีที่เคยเกิดขึ้นกับคดีค้ากามเด็กสาวที่บ้านน้ำเพียงดิน จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งคดีนี้ผู้ต้องหาถูกตัดสินจำคุก 300 ปี”นางทิชา กล่าว
จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์ข้อความเตือนภัยโดยระบุว่า โพสต์นี้มาเตือนภัยผู้หญิงนะคะ! พร้อมเล่าเหตุการณ์ว่า...วันนี้จะไปจ่ายค่าปรับที่ไม่ได้สวมหมวกกันน็อกที่โรงพัก หรือ สภ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ ประมาณ 11 โมง ไปกับน้องสาว ได้ถามตำรวจนายหนึ่งซึ่งอยู่ในเครื่องแบบครึ่งท่อน และมีอาการลักษณะคล้ายคนเมา ใช้มือโอบเอว แล้วลากขึ้นไปชั้น 2 เข้าไปในห้องที่เสียค่าปรับก่อนที่จะมีการสอบถามพูดคุยกัน แล้วตำรวจได้ขอจับอวัยวะเพศ
ภายหลังจากข้อความดังกล่าวถูกโพสต์ออกไป ทำให้โลกโซลเชียลฯ มีการแชร์ และเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันจำนวนมาก เพราะหลายคนมองว่าโรงพักเป็นสถานที่ปลอดภัย แต่กลับไม่ปลอดภัย
ล่าสุด เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (12 พ.ค.) ที่ห้องประชุมตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ พล.ต.ต.สมนึก มิควาฬ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วย รองผู้บังคับการตำรวจ จ.กาฬสินธุ์ ทุกฝ่ายร่วมกันเปิดเผยคืบหน้าในการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว
พล.ต.ต.สมนึก กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวได้ตรวจสอบแล้วพบว่าผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงสาว ถูกจับในข้อหาไม่สวมหมวกนิรภัย และได้ไปชำระค่าปรับที่ สภ.สหัสขันธ์ พร้อมน้องสาว เมื่อช่วงเวลา 11.00 น. วันที่ 11 พ.ค.63 ที่ผ่านมา จากนั้นได้สอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเสียค่าปรับ ระหว่างพูดคุยกันที่ห้องประชาสัมพันธ์ ชั้น 1 ได้มีตำรวจนายหนึ่ง ทราบชื่อภายหลังคือ ร.ต.ท.อุทิศ พรประสงค์ กำลังทำหน้าที่ร้อยเวร ได้มาหาผู้เสียหายและได้สอบถามว่ามาทำอะไร จากนั้นได้แนะนำ และพาขึ้นไปเสียค่าปรับที่ชั้น 2 และขณะนั้นเป็นวันหยุด ห้องเปรียบเทียบปรับไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ ก่อนที่จะพาผู้เสียหายเข้าไปและก่อเหตุลวนลาม กอดเอวผู้เสียหาย และขอจับของสงวนของหญิงสาว
จากการสอบปากคำผู้เสียหาย รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ประกอบกับสอบถาม ร.ต.ท.อุทิศ เบื้องต้นเป็นการกระทำผิดจริง โดยจากการพูดคุยกับ ร.ต.ท.อุทิศ ยอมรับว่า ก่อนเกิดเหตุได้ดื่มสุราที่บ้านพักและมีเพื่อนมาขอให้ไปเข้าเวรแทน ระหว่างเข้าเวรมีอาการเมาสุรา ก็เลยก่อเหตุ แต่อ้างว่าทำไปโดยไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตามการกระทำดังกล่าวจะต้องถูกดำเนินการทั้งวินัย และอาญา
พล.ต.ต.สมนึก กล่าวว่า เบื้องต้นได้สั่งย้ายมาประจำที่ตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ และตั้งคณะกรรมสอบสวนวินัยร้ายแรง หากสอบสวนปากคำพยาน รวบรวมหลักฐาน และได้ข้อเท็จจริงแล้ว ก็จะมีการแจ้งข้อกล่าวหา และจับกุมตัว เบื้องต้นแจ้งข้อหาอนาจารแก่บุคคลที่อายุต่ำกว่า 15 ปี มีโทษสูงจำคุก 10 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท
ทั้งนี้ หากศาลตัดสินผิด และจำคุก ก็ต้องดำเนินการไล่ออกจากราชการต่อไป นอกจากนี้ จะมีการตรวจสอบกรณีข้อบกพร่อง ปล่อยให้ดื่มสุราแล้วมาปฏิบัติหน้าที่ด้วย
"ทิชา" ร้องยธ.คุ้มครอง 2 ด.ญ.เหยื่อครูหื่น
ส่วนความคืบหน้ากรณีครูและรุ่นพี่รวม 7 คน ข่มขืนนักเรียนหญิงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และ 4 ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.มุกดาหาร นั้น นางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวน(ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก พร้อมด้วยนายชูวิทย์จันทรส เลขาธิการมูลนิธิเด็ก เยาวชน และครอบครัว มูลนิธิหญิงชายก้าวไกลและเครือข่ายปกป้องเด็กและเยาวชน ลดปัจจัยเสี่ยงทางสังคม เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกต่อ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อเรียกร้องให้กระทรวงนำผู้เสียหายและครอบครัว เข้าสู่กระบวนการคุ้มครองพยาน ของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ควบคู่กับการฟื้นฟูสภาพจิตใจ เสริมพลังเพื่อให้ผู้เสียหายมั่นใจในกระบวนการยุติธรรม และได้เข้าถึงการเยียวยาจากกองทุนยุติธรรม
นางทิชา กล่าวอีกว่า การละเมิดสิทธิเด็กในสถานศึกษา เชื่อว่ามีตลอดเวลา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า มันบอกว่า เด็กๆ ไม่ปลอดภัยในโรงเรียนแห่งนั้น มันไม่ใช่แค่การปฏิรูปการเรียนการสอน แต่ต้องปฏิรูปจิตวิญญาณของคนเป็นครูด้วย
“สิ่งที่น่าเศร้าใจอีกเรื่องคือมุมมองความคิดของครูบางส่วนที่ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งมุ่งไปทางกล่าวโทษให้ร้ายเด็ก ทั้งที่เขาเป็นฝ่ายถูกกระทำเป็นผู้เสียหาย ซึ่งถือเป็นตรรกวิบัติที่ไม่ควรเกิดขึ้นในคนที่มีวิชาชีพครู การให้โอกาส ให้ความรัก ความเมตตาลูกศิษย์ต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญ” นางทิชากล่าว
นางทิชา กล่าวว่า เครือข่ายจึงมีจุดยืนและข้อเสนอต่อกระทรวงยุติธรรมดังต่อไปนี้
1. ขอสนับสนุนกระทรวงยุติธรรม ให้เร่งรัดกระบวนการนำเด็กนักเรียนผู้เสียหายและครอบครัว เข้าสู่การคุ้มครองพยาน กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ โดยเร็วที่สุด และเร่งรัดมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาจากกองทุนยุติธรรมเป็นการด่วน
2. การฟื้นฟูสภาพจิตใจของผู้เสียหายและครอบครัว 3. ขอเรียกร้องให้กระทรวงยุติธรรมเป็นแม่งาน ในการระดมสมองเพื่อหาทางออกจากเขาวงกตที่ทำให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นซ้ำๆ และ 4. ขอให้สื่อมวลชนนำเสนอข่าวสารโดยไม่ละเมิดสิทธิเด็ก และครอบครัวผู้เสียหาย
หวั่นคดีข่มขืนนร.พลิก
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม (ยธ.) กล่าวภายหลังการรับหนังสือจาก นางทิชา ณ นคร ว่า หลังจากหารือกับมูลนิธิเด็กและเยาวชนแล้วมีความเห็นตรงกันว่าจำเป็นจะต้องเร่งเข้าไปให้การความช่วยเหลือเยียวยาจิตใจของเด็กที่ถูกกระทำโดยเร็ว ซึ่งในวันที่ 13พ.ค.63 นางทิชาจะเดินทางไปจ.มุกดาหาร เพื่อประสานเรื่องคดี เนื่องจากการสืบสวนคดีทั่วไปมักจะใช้เวลานานประมาณ3เดือน และต้องส่งให้อัยการพิจารณาอีกประมาณ3เดือน คดีจึงจะเข้าสู่ขั้นตอนการไต่สวนที่ศาล ดังนั้นจึงต้องเร่งรัดขอให้พนักงานสอบสวนประสานกับอัยการจังหวัดมุกดาหารสืบพยานไว้ก่อนฟ้อง ซึ่งเป็นอำนาจพิเศษของอัยการตามประมวลกฎหมายป.อาญามาตรา 237 ทวิ
"เหตุผลสำคัญที่ใช้ในการขอใช้กฎหมายพิเศษ คือในช่วงเวลานี้ ผู้เสียหายยังจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้แม่นยำ รวมทั้งร่องรอยการกระทำผิดจะชี้ชัดให้เห็นถึงพฤติการณ์ทำให้ศาลรับฟังข้อเท็จจริงได้มากที่สุด หากทำได้เร็วก็จะไม่มีเหตุแทรกซ้อน เช่น มีการเจรจาไกล่เกลี่ยให้ยอมความหรือทำให้คดีพลิก"รมว.ยุติธรรมกล่าว
ด้านนางทิชา กล่าวว่า ตนจะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร วันที่ 13 นี้ เพื่อพูดคุยกับเด็กและครอบครัว ที่ตกเป็นเหยื่อหน่วยงานต้องเข้าไปช่วยเหลือให้เด็กรู้สึกได้รับความปลอดภัย และอยากให้ดูแลการคุ้มครองพยานจนเด็กสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติและกลับไปเรียนหนังสือได้ตามเดิม
“เด็กที่ถูกกระทำไม่ใช่เด็กเลวแต่เป็นเหยื่อของพวกผู้ใหญ่ อยากทำให้ผู้ใหญ่เหล่านี้ถูกลงโทษตามกฏหมายเช่นเดียวกับกรณีที่เคยเกิดขึ้นกับคดีค้ากามเด็กสาวที่บ้านน้ำเพียงดิน จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งคดีนี้ผู้ต้องหาถูกตัดสินจำคุก 300 ปี”นางทิชา กล่าว