กาฬสินธุ์ - สั่งย้าย ร.ต.ท. สภ.สหัสขันธ์ หื่นจัดกอดเอวขอจับจิ๋มนักเรียนหญิงม.3 พร้อมสั่งสอบวินัยร้ายแรง หลังไปเสียค่าปรับคดีจราจรบนโรงพัก เผยผบ.ตร.สั่งดำเนินการขั้นเด็ดขาด ผิดจริงฟันไม่เลี้ยง ด้านเจ้าตัวยอมรับดื่มเหล้าจริง อ้างทำไปโดยไม่รู้ตัว ขณะที่ผู้ปกครองยันดำเนินคดีถึงที่สุด เพื่อไม่เห็นเป็นเยี่ยงอย่าง
จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์ข้อความเตือนภัย โดยระบุว่า โพสต์นี้มาเตือนภัยผู้หญิงนะคะ! พร้อมเล่าเหตุการณ์ว่า...วันนี้จะไปจ่ายค่าปรับที่ไม่ได้สวมหมวกกันน็อกที่โรงพัก หรือ สภ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ ประมาณ 11 โมง ไปกับน้องสาว ได้ถามตำรวจนายหนึ่ง ซึ่งอยู่ในเครื่องแบบครึ่งท่อนและมีอาการลักษณะคล้ายคนเมาใช้มือโอบเอว แล้วลากขึ้นไปชั้น 2 เข้าไปในห้องที่เสียค่าปรับ ก่อนที่จะมีการสอบถามพูดคุยกัน แล้วตำรวจได้ขอจับอวัยวะเพศ
ภายหลังจากข้อความดังกล่าวถูกโพสต์ออกไปทำให้โลกโซลเชียลมีการแชร์และเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันจำนวนมาก เพราะหลายคนมองว่าโรงพักเป็นสถานที่ปลอดภัย แต่กลับไม่ปลอดภัย ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (12 พ.ค.) ที่ห้องประชุมตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ พล.ต.ต.สมนึก มิควาฬ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วย รองผู้บังคับการตำรวจ จ.กาฬสินธุ์ ทุกฝ่าย ร่วมกันเปิดเผยคืบหน้าในการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว
พล.ต.ต.สมนึก มิควาฬ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวได้ตรวจสอบแล้วพบว่า ผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงสาวถูกจับในข้อหาไม่สวมหมวกนิรภัย และได้ไปชำระคาปรับที่ สภ.สหัสขันธ์ พร้อมน้องสาว เมื่อช่วงเวลา 11.00 น. วันที่ 11 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา จากนั้นได้สอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเสียค่าปรับ ระหว่างพูดคุยกันที่ห้องประชาสัมพันธ์ชั้น 1 ได้มีตำรวจนายหนึ่ง ทราบชื่อภายหลัง คือ ร.ต.ท.อุทิศ พรประสงค์ กำลังทำหน้าที่สิบเวร ได้มาหาผู้เสียหาย และได้สอบถามว่ามาทำอะไร
จากนั้น ร.ต.ท.อุทิศ ได้แนะนำและพาขึ้นไปเสียค่าปรับที่ชั้น 2 และขณะนั้นเป็นวันหยุดห้องเปรียบเทียบปรับไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ก่อนที่จะพาผู้เสียหายเข้าไปและก่อเหตุลวนลาม กอดเอวผู้เสียหาย และขอจับของสงวนของหญิงสาว
พล.ต.ต.สมนึก กล่าวต่อว่า จากการสอบปากคำผู้เสียหาย รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ประกอบกับสอบถาม ร.ต.ท.อุทิศ เบื้องต้นเป็นการกระทำผิดจริง โดยจากการพูดคุยกับ ร.ต.ท.อุทิศ ยอมรับว่า ก่อนเกิดเหตุได้ดื่มสุราที่บ้านพัก และมีเพื่อนมาขอให้ไปเข้าเวรแทน ระหว่างเข้าเวรมีอาการเมาสุราก็เลยก่อเหตุ แต่อ้างว่าทำไปโดยไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตาม การกระทำดังกล่าวจะต้องถูกดำเนินการทั้งวินัยและอาญา
พล.ต.ต.สมนึก กล่าวว่า สำหรับเรื่องดังกล่าวทาง ผบ.ตร.และ ผู้บัญชาตำรวจภูธรภาค 4 มีความเป็นห่วง และสั่งให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาด หากผิดจริง โดยเบื้องต้นได้สั่งย้ายมาประจำที่ตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ และตั้งคณะกรรมสอบสวนวินัยร้ายแรง หากสอบสวนปากคำพยาน รวบรวมหลักฐาน และได้ข้อเท็จจริงแล้ว ก็จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมตัว เบื้องต้นแจ้งข้อหาอนาจารแก่บุคคลที่อายุต่ำกว่า 15 ปี มีโทษสูงจำคุก 10 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท
ทั้งนี้ หากศาลตัดสินผิดและจำคุกก็ต้องดำเนินการไล่ออกจากราชการต่อไป นอกจากนี้ จะมีการตรวจสอบกรณีข้อบกพร่อง ปล่อยให้ดื่มสุราแล้วมาปฏิบัติหน้าที่ด้วย อย่างไรก็ตาม ตนในฐานะผู้บังคับบัญชาและในนามตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ ทุกนายต้องขอโทษน้องผู้หญิงด้วยที่ตำรวจไม่ดีของเรากระทำไม่ดีในครั้งนี้
ขณะที่ นายวันนา วงสุทโธ อายุ 70 ปี ซึ่งเป็นตานักเรียนหญิงชั้น ม.3 กล่าวว่า พอได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จากหลานสาว ตนแทบไม่อยากจะเชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นกับหลานสาวของตน เพราะแต่ไหนแต่ไรมาก็ทราบดีว่าโรงพักหรือสถานีตำรวจ เป็นพี่พึ่งของประชาชน โดยเฉพาะชาวบ้านผู้เดือดร้อน และกับโรงพักแห่งนี้ก็ไม่เคยได้ยินเรื่องราวเสียหายแต่อย่างใด
พอมาเกิดกับหลานสาวของตน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น ตนก็อยากเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจ หรือผู้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าว ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัย เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีของข้าราชการต่อไป