สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
“ผู้นำชาติ” ต้องมี “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ใน “ความพอดี” ไม่ “ตึง” หรือ ”หย่อน” เกินไป!
”ผู้นำชาติ” ต้องรู้ว่า.เศรษฐกิจล้มแล้วเริ่มต้นใหม่ได้ตลอด...ทว่า ชีวิตมนุษย์เอากลับคืนมาไม่ได้..!
สงคราม-สงครามเศรษฐกิจ-สงครามโรคระบาด..ทำให้ “คนรวย” ส่วนใหญ่ รวยขึ้นและมักรอดตาย ในขณะที่ “ผู้มีรายได้น้อย” ส่วนใหญ่ จนลงและมักตายมากกว่าเสมอ..!
จากประวัติศาสตร์ “ผู้มีอำนาจ” ในชาติไทย ทั้งมาจาก “เลือกตั้ง” และ”รัฐประหาร” มักจะเอื้อประโยชน์ให้กับ “กลุ่มคนรวย” เป็นหลัก ด้วยการปล่อยให้เอารัดเอาเปรียบ “ผู้มีรายได้น้อย” และ “คนจน” มาตลอด โดยเฉพาะในยุครัฐบาลเผด็จการ “บิ๊กตู่” กลุ่มธุรกิจใหญ่ยักษ์ของ “คนไทยส่วนน้อย” และ “คนต่างชาติ” มีโอกาสแทบทุกวิถีทาง แสวงหาและกอบโกยผลประโยชน์ได้เต็มที่
โดย “บิ๊กตู่” คุมบังเหียนรัฐบาลเผด็จการนานกว่า 5 ปี ด้วยการใช้นโยบายเศรษฐกิจที่ว่า ต้อง “รดน้ำจากข้างบนเพื่อให้น้ำไหลลงด้านล่าง” แต่ “คนส่วนน้อยที่ร่ำรวยอยู่ข้างบน” ได้ใช้ความเหนือกว่าทางด้านเศรษฐกิจและเครือข่ายรัฐ “กักเก็บน้ำส่วนใหญ่”ไว้ใช้กันเอง จึงมีเพียง “น้ำส่วนน้อยนิด” ที่ “ไหลกะปริบกะปรอย” หลุดลอดลงมาด้านล่าง ให้ “คนส่วนใหญ่” ได้ใช้ดื่มกินเพียงแค่ประทังชีวิต
วิธีคิดและวิธีทำดังกล่าวของรัฐบาล “บิ๊กตู่” จึงเปิดช่องทางเอื้อให้ธุรกิจของ “กลุ่นทุนใหญ่ยักษ์ไทยเทศ” ทั้งหลาย ได้รับโอกาสมากมายมหาศาล จนร่ำรวยยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ไม่หยุดยั้ง อันเป็นต้นเหตุปัญหา ทำให้สังคมไทยทวีความ “รวยกระจุกจนกระจาย” เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย พุ่งปรู๊ดติดอันดับต้นๆของโลก
รัฐบาล “บิ๊กตู่” ได้ขยายปัญหาให้สังคมไทย ทวีความเป็น “สังคมทุนสามานย์คนกินคน” ที่ไร้ความเอื้ออาทร เพราะยึดถือกำไรสูงสุดเป็นสรณะ จากพฤติกรรม “มือใครยาวสาวได้สาวเอา” หรือ “ปลาใหญ่สวาปามปลาเล็ก” ได้อย่างเสรีไร้ขีดจำกัด เกิดความเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ ไร้ซึ่งความพอเพียง จนเกิดการโกงไปทั่วทุกหย่อมหญ้า..
ยุคไวรัสสายพันธุ์ใหม่ “โควิด-19” ที่กำลังอาละวาดระบาดสู่ “มนุษย์” อย่างกว้างขวางกระจายไปทั่วโลกมากกว่า 200 ประเทศ ณ วันที่ 23 เมษายน 2563 มีผู้คนติดเชื้อ “โควิด-19” มากถึง 2.6 ล้านคน ตายเป็นเบือมากกว่า 1.8 แสนคน..
ท่ามกลางวิกฤต “โควิด-19” ที่ระบาดไล่ล่า “มนุษย์” ทั่วโลกครั้งนี้ นอกจากจะคร่าชีวิตมนุษย์จำนวนมหาศาลแล้ว ยังทำร้ายทำลายเศรษฐกิจชาติต่างๆ ทั่วโลก ให้ตกต่ำดิ่งเหวอย่างมโหฬาร-อย่างรวดเร็วอีกด้วย ก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งแตกแยกไปทั่วทุกหนแห่ง..
ด้วยนโยบายรัฐบาลหลายชาติ ที่จำต้อง “ปิดบ้าน-ปิดเมือง-ปิดชาติ” เพื่อป้องกันประชาชนให้รอดพ้นจากการระบาดอย่างรุนแรงของ “โควิด-19” ที่ “ฆ่ามนุษย์” และ “ใช้มนุษย์” เป็นเครื่องมือ “ฆ่ามนุษย์” ด้วยกันเอง ประชาชนที่ยากจนข้นแค้น จึงต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อมีชีวิตอยู่รอด จากเศรษฐกิจหลากมิติที่ชะลอตัวลงอย่างหนัก
“โควิด-19” ทำให้ชาวโลกได้เห็นและรับรู้อย่างชัดเจน ถึงความสามารถของ “ผู้นำชาติ” ต่างๆ ว่า มีสติปัญญาในการแก้ปัญหาดีแค่ไหน? มีวิธีการทำงานที่สร้างสรรค์เพียงใด? มีจิตใจกล้าหาญและเสียสละแค่ไหน? มีความเด็ดขาดในการตัดสินใจแค่ไหน? มีฝีมือในการสร้างความสามัคคี ให้คนในชาติเป็นหนึ่งเดียวหรือไม่? ที่สำคัญ ชาติใดมี “บุคลากรทางการแพทย์” มีฝีมือมากน้อยแค่ไหน? ทั้งรุกและรับโรคระบาดดีแค่ไหน? ฯลฯ
โดยต้องดูผลงานจากการทำงานเป็นทีม ว่า สยบ “โควิด-19” ได้หรือไม่? โดยเฉพาะในบทสุดท้าย ประชาชนจะตรวจสอบ “ผู้นำชาติ” กับ “บุคลากรทางการแพทย์” ว่า ชาติและประชาชนเสียหายมากน้อยเพียงใด? ฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ดีหรือเลวเพียงใด?
เพราะจากการระบาดใหญ่ของ “โควิด-19” ชาติต่างๆ ล้วนต้องเผชิญกับการสูญเสีย มากน้อยแตกต่างกันไป ทั้งนี้ขึ้นกับฝีมือการบริหารของ “ผู้นำชาติ” และฝีมือทีมงาน “บุคลากรทางการแพทย์” ที่ทำงานผสมผสานกันได้ด้วยดีแบบลงตัวแค่ไหน?
ทั้งนี้ต้องไม่เกิดเรื่อง “ผู้นำชาติ” ที่ไร้ความรู้ แถมยังเอาแต่ใจตนเองเป็นหลัก หรือมีผลประโยชน์ทับซ้อนซ่อนเร้นอยู่! ที่สำคัญ “ผู้นำชาติ” ต้องไม่มุ่งแต่เอาอกเอาใจเศรษฐกิจของกลุ่มทุนใหญ่ยักษ์เป็นหลัก แทนที่จะยึด “ชีวิตคนส่วนใหญ่ต้องปลอดภัยจากโควิดฯ” เป็นหลัก โดย “ผู้นำชาติ” ต้องยึดถือแพทย์ที่มีความรู้โรคระบาดเป็นหลัก เพื่อทำงานประสานกันไปสู่เป้าหมาย ควบคุมหรือสยบ “โควิด-19” ให้ได้โดยเร็วที่สุดนั่นเอง
ท่ามกลางการต่อสู้ชนิดเอาเป็นเอาตาย บนความยากลำบากในสงคราม ระหว่าง “โควิดฯ” กับ “มนุษย์” จึงมี “คำถาม” เกิดขึ้นมากมาย ว่า “ผู้นำชาติ” จะเลือก “ปิดล็อกชาติ” ป้องกัน “โควิดฯ” มิให้คร่า “ชีวิตมนุษย์” เป็นหลัก หรือ “ผู้นำชาติ” จะเลือก “เปิดล็อกชาติ” เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจเป็นหลัก ส่วนการปกป้องรักษา “ชีวิตมนุษย์”ไม่สำคัญเท่าเงินทอง..?
เอ๊ะ!..ถ้า “ผู้นำชาติ” กับ “บุคลากรทางการแพทย์” ทำงานประสานกันอย่างดี มีเหตุผล-มีคุณธรรม-มีประสิทธิภาพ ฯลฯ สร้างสรรค์ผสานสูตร “ความพอดี” ไม่ “ตึง”ไม่ “หย่อน” เพื่อทำให้ชาติกับประชาชนได้ประโยชน์เป็นหลัก โดย “ผู้นำชาติ”ใช้เงินของรัฐทุกรูปแบบ เข้าไปช่วยผู้ประกอบการทั้งใหญ่น้อย รวมทั้งช่วยผู้คนที่มีรายได้น้อยและคนจน ให้อยู่รอดผ่านพ้นวิกฤต “โควิด-19” ได้อย่างเหมาะสมเป็นธรรม..
โดยรัฐถือหลัก “ชีวิตมนุษย์สำคัญที่สุด” เพราะ “ถ้าเกิดความผิดพลาด”ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ใครและอะไรก็ “เอาชีวิตมนุษย์กลับคืนมาไม่ได้” แน่นอน! ส่วนเศรษฐกิจถ้าต้องล้มฟุบลงไป อย่างไรก็ฟื้นให้กลับคืนขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้ง..และอีกครั้ง..ได้อย่างแน่นอนมิใช่หรือ..?
ประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ของประเทศจีน จึงใช้หลักการอย่างเด็ดเดี่ยวมั่นคงว่า ชีวิตของชาวจีนทุกคนสำคัญที่สุด เศรษฐกิจจีนจะล้มช่างหัวมัน..ค่อยๆ ฟื้นกันใหม่ได้..
ว่าแล้ว “สี จิ้นผิง” จึง “ปิดบ้าน-ปิดเมืองอู่ฮั่น” ทันที จากนั้นก็ระดม “บุคลากรทางการแพทย์” เดินทางเข้ามาช่วยชาวเมือง “อู่ฮั่น” สนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้เต็มอัตราศึก รวมทั้งให้เร่งสร้างโรงพยาบาลสนามเป็นการด่วน เพื่อดูแลรักษาชีวิตชาวเมืองอู่ฮั่นและชาวเมืองข้างเคียง
ห้วงนั้น..รัฐบาลกลางของจีน ที่นำโดย “สี จิ้นผิง” ได้สนับสนุนสรรพสิ่งอย่างต่อเนื่องทันการณ์ ให้ “บุคลากรทางการแพทย์” ที่เป็น “นักรบแนวหน้า” ผู้เสียสละและกล้าหาญ ผู้เสี่ยงชีวิตต่อสู้อย่างทรหดกับมหาภัยไวรัส “โควิด-19” ด้วยหลักคิดเดียวกัน นั่นคือ “ขจัดความทุกข์ร้อนของราษฎร ดุจดังขจัดโรคร้ายของตนเอง”
ทำให้ชาติจีนที่มิใช่ประเทศ “ประชาธิปไตยเลือกตั้ง” ทว่า “ผู้บริหารชาติ-ข้าราชการ-บุคลากรทางการแพทย์-ประชาชนทุกวงการอาชีพ” สามัคคีผนึกพลังกันเป็นหนึ่งเดียว โดยเฉพาะ “บุคลากรทางการแพทย์” สามารถควบคุมหรือสยบ “โควิด-19” ลงได้ โดยใช้เวลาประมาณ 2 เดือนเศษเท่านั้น..
หันมาดูประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ของมหาอำนาจมะกัน ที่มักสร้างภาพลวงตา อ้างเป็น “ผู้นำทางมนุษยธรรม” กลับแสดงตนอย่างโจ่งแจ้งว่า ต้องการจะ “เปิดเมือง” ให้กลับมาดี๊ด๊าเหมือนเดิม ด้วยการเร่งฟื้นเศรษฐกิจให้เติบโต ส่วน “โควิด-19” จะระบาดฆ่าบรรดา “อเมริกันชน” จนล้มตายเป็นเบือนั้น..บ่เป็นหยังดอก แหม..”ผู้เข้มแข็งเท่านั้นถึงจะอยู่รอด”นะโว้ย..!
“ผู้ว่าการบางมลรัฐ” ที่คิดแบบ “ทรัมป์” จึงได้ประกาศหน้าตาเฉยว่า “มนุษย์สูงวัย ถ้าต้องตาย..ก็ต้องเสียสละตายเพื่อให้คนอื่นอยู่รอด(ว่ะ)”!
ว่าแล้ว.. “ทรัมป์” ก็หนุนให้ผู้คนออกมาชุมนุม เรียกร้องให้เปิดบ้านเปิดเมือง เปิดให้ผู้คนกลับมามีอิสรเสรีภาพในการ “มือใครยาวสาวได้สาวเอา” โดยไม่สนใจกับมหาภัย “โควิด-19”..
ทุนสามานย์ประชาธิปไตยเลือกตั้งมะกัน จึง “คิด” และ “ทำ” ให้ชาวโลกเห็นอย่างโจ่งแจ้งว่า “เงินทอง-สำคัญกว่า-ชีวิตมนุษย์” นะโว้ยเฮ้ย..!?