“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
“ทำได้ดี” ย่อมดีกว่า “พูดได้ดี”
คำพูดสั้นกระชับเปี่ยมความหมายนี้ เป็นของ คนเรียงพิมพ์ ช่างพิมพ์ นักเขียน นักปรัชญา นักวิทยาศาสตร์ นักประดิษฐ์ นักการทูต นักปฏิรูป นักการเมือง ฯลฯ “เบนจามิน แฟรงคลิน” ผู้นำการเคลื่อนไหวต่อสู้ ให้สหรัฐอเมริกาแยกตัวจากอาณานิคมของอังกฤษ อเมริกันชนถือ “เบนจามิน แฟรงคลิน”เป็นหนึ่งในบิดาผู้สร้างชาติ
ที่ “เบนจามิน แฟรงคลิน” พูดออกมานี้ เป็นสิ่งที่ “คนดังของโลก” และ “คนธรรมดา” ที่ซื่อสัตย์ต่อตัวเองในทุกอาชีพ โดยเฉพาะ “ผู้นำชาติ” จะต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
ดังนั้น “คำพูด” จากปาก “คนซื่อสัตย์” จะมีคุณค่าน่าเชื่อถือเป็นอย่างยิ่ง ด้วย “คนซื่อสัตย์” จะมุ่งมั่นทำตามคำพูดอย่างจริงจังเสมอ! แต่ “คำพูด” จาก “คนปลิ้นปล้อน” มักไร้ค่าสิ้นความน่าเชื่อถือ เพราะ“คนปลิ้นปล้อน” มักพูดจาส่งเดช โดยไม่ทำตาม “คำพูด” อยู่เนืองนิจ..จริงไหม?
อืม..ที่ผ่านมา“นายกฯ”ของชาติไทยจำนวนไม่น้อย ทั้งที่มาจากการเลือกตั้งสกปรก และ“นายกฯ”ที่มาจากรัฐประหาร มัก“พูดโกหก”เอาใจประชาชน และมัก“กระทำ”เพื่อตนเองกับพวกพ้องอยู่เสมอ
นั่นทำให้ “นายกฯ” ปลิ้นปล้อนทั้ง 2 รูปแบบ ที่ผู้คนมักหลงเชื่อถือในห้วงแรก แต่ภายหลังมักเสียชื่อ-เสียคน-เสียความน่าเชื่อถือ ที่สำคัญ..ผู้คนมักเสื่อมศรัทธา “นายกฯ” ที่ผู้คนเคยฝากความหวังไว้ กลับกลายเป็น “นายกฯ” ที่ถูกผู้คนไล่ส่ง ลงท้ายมักถูกทำรัฐประหารโค่นลงอย่างไม่เป็นท่า
ทว่า..รัฐบาล “นายกฯ” รัฐประหาร ที่มีอำนาจเผด็จการล้นฟ้าในเบื้องต้น ก็มักไม่ทำตามคำพูดที่ได้ประกาศไว้ เพราะไม่ได้ปราบการโกงชาติจริงจัง! ไม่ได้ลดความเหลื่อมล้ำในชาติจริงจัง! ไม่ได้ปฏิรูปชาติก่อนเลือกตั้ง แต่กลับมุ่งสืบทอดอำนาจ จัดการเลือกตั้งสกปรก จนทำให้การเมืองต้อง “ถอยหลังลงคลองน้ำเน่า ”ยิ่งกว่าเดิม ฯลฯ
รัฐบาลเลือกตั้งเผด็จการรัฐสภาโกงชาติ กับ รัฐบาลเผด็จการรัฐประหารไม่ปฏิรูปชาติ แถมบางคนในคณะรัฐประหารยังโกงชาติด้วย ทั้ง 2 รัฐบาลจึงแทบมิได้แตกต่างกันเลย ส่งผลให้ความชอบธรรมในการบริหารชาติลดลงอย่างรวดเร็ว ผู้คนในชาติเสื่อมศรัทธาลงเรื่อยๆ
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ต้นเหตุปัญหาชี้เป็นชี้ตายต่างๆ ในชาติไทย จึงยังไม่ได้รับการแก้ไขให้สำเร็จลุล่วง แถมบางรัฐบาล 2 รูปแบบข้างต้น กลายเป็นตัวการสร้างปัญหาอันเลวร้ายใหม่ๆให้ชาติกับประชาชนเสียอีก!
ห้วงต้นปี 2563 ภายใต้รัฐบาล “นายกฯ รัฐประหาร” คนเดิม ที่สืบทอดอำนาจต่อมาในนามรัฐบาล“นายกฯ เลือกตั้ง” ก็เกิดปัญหาเชื้อไวรัสร้ายแรงอุบัติใหม่ ระบาดขึ้นในห้วงปลายปี 2562 ที่ “เมืองอู่ฮั่น” ของจีน ก่อนกระจายไปทั่วโลก
ณ วันนี้ เชื้อไวรัส “โควิด-19” ได้ระบาดไปมากกว่า 200 ประเทศ ประชากรโลกติดเชื้อร้ายไป 1 ล้านกว่าคน คร่าชีวิตผู้คนไปหลายหมื่นคน และยังระบาดคร่าชีวิตผู้คนไม่มีท่าทีจะหยุด
รัฐบาลกลางของจีน ภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์เพียงพรรคเดียว โดยประธานาธิบดี “สี จิ้น ผิง” ได้ใช้วิธีตัดสินใจเด็ดขาดทันการณ์ ด้วยสูตร ปิดเมือง-ปิดบ้าน-ปิดล้อม เชื้อร้าย “โควิด-19”ไว้ในเมืองอู่ฮั่นและเมืองข้างเคียง จน “โควิด-19” ถูกจำกัดอยู่ในพื้นที่แคบลงๆเรื่อยๆ
เรียกว่า..ทุกบ้านในเมืองอู่ฮั่น ล้วนอยู่ในการตรวจสอบติดตาม หากพบ “คนในบ้านใดติดเชื้อโควิด-19” บุคลากรทางการแพทย์และพยาบาล จะเข้าไปดูแลรักษาอย่างใกล้ชิดทันที เพื่อป้องกันมิให้โรคร้ายระบาดไปยังผู้อื่น อีกทั้งเพื่อจะสยบ “โควิดฯ”ลงโดยไวนั่นเอง
กระบวนการที่เข้มงวดอย่างยิ่งของรัฐบาลกลางจีน รวมทั้งการทุ่มเงินงบประมาณ กับการสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์จากส่วนกลาง มาให้อย่างเต็มอัตราศึก ก็เพื่อหนุนช่วยให้ “นักรบแนวหน้า” อันได้แก่“บุคลากรทางการแพทย์-พยาบาล” ที่รัฐฯ ระดมมาจากพื้นที่ต่างๆ ต่อสู้สยบ “โควิด-19” ได้อย่างเต็มความสามารถนั่นเอง
ช่วงเวลาเดือนเศษเท่านั้น รัฐบาลกลางของจีนที่ผสานงาน กับบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาล รวมทั้งประชาชนในเมืองอู่ฮั่นและเมืองรอบข้าง ได้สามัคคีรวมพลังกันอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เชื้อ“โควิด-19”ถูกควบคุม จนสยบการอาละวาดลงได้จนเป็นที่น่าพอใจ
ต้นเดือนเมษายน 2563 หลังชาวจีนทั้งชาติได้ “มอบดอกไม้” ชื่นชมและขอบคุณต่อบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาล เยี่ยง “วีรชนนักรบแนวหน้าชนะศึก” ให้กับชาติได้แล้ว รัฐบาลกลางของจีนโดยประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ได้ประกาศเปิดเมืองอู่ฮั่น อย่างเป็นทางการไปแล้ว
อืม..ปฏิบัติการของชาติจีนที่เด็ดขาด ทันสถานการณ์ อดทนต่อสู้อย่างต่อเนื่องไม่ย่อท้อ ฯลฯ จึงทรงประสิทธิผลประสิทธิภาพอย่างยิ่ง เป็นที่ยอมรับของ WHO และชาติอื่นๆทั่วโลกอย่างกว้างขวาง
ในขณะที่ประเทศประชาธิปไตยเลือกตั้ง ทั้งมหาอำนาจอเมริกาและยุโรปบางชาติ ที่เคยดูแคลนฤทธิ์เดชของ “โควิด-19” ว่าเป็นเพียง “ไข้หวัดธรรมดา” แถม WHO กับผู้คนในโลกตะวันตกยังหลงเชื่อว่า ประชาชนไม่ต้องสวมใส่หน้ากากใดๆทั้งสิ้น เฉพาะคนป่วยหรือผู้ติดเชื้อ “โควิด-19” เท่านั้น ที่ต้องสวมหน้ากากฯสัญจรไปโน่นนี่..
ดังนั้น คนเอเชียหรือใครก็ตาม ที่สวมหน้ากากฯเพื่อป้องกัน“โควิด-19”ระบาดมาสู่ตนและผู้อื่น อันเป็นความรับผิดชอบต่อสังคม กลับกลายเป็นเรื่องน่ารังเกียจ ของคนอเมริกันและยุโรปบางชาติไปเสียฉิบ..
นอกจากนั้น..ชาติเหล่านั้นไม่คิดปรับเปลี่ยนความเป็นอยู่ หากยังคงใช้ชีวิตบนวัฒนธรรมที่ชอบกินเที่ยวเฮฮาปาร์ตี้ ทำให้อเมริกาและบางชาติในยุโรป มีผู้ติดเชื้อร้าย“โควิด-19” และล้มตายมากมาย จนแซงหน้าชาติจีนไปเรียบร้อยแล้ว
โดยเฉพาะในอเมริกา ภายใต้การนำของประธานาธิบดี“โดนัลด์ ทรัมป์”จากพรรครีพับลิกัน ได้ก่อเกิดความขัดแย้งแตกแยกอย่างรุนแรง จากการใช้อำนาจรัฐไม่เป็นธรรม ต่อประชาชนในหลายมลรัฐ เพราะ“ทรัมป์”มิได้สนับสนุนอย่างเต็มที่ ทั้งทางด้านงบประมาณกับอุปกรณ์การแพทย์ ให้กับผู้ว่าการรัฐหลายมลรัฐ ที่โน้มเอียงไปทางพรรคเดโมแครต..
เรียกว่า..ผู้นำชาติอเมริกาอย่าง “ทรัมป์” ไม่ได้สนใจในโรคระบาดร้ายแรง หากแต่ “ทรัมป์”ชิงเล่นการเมืองกับพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม อย่างไร้ความเอื้ออาทรและคุณธรรม ไม่ได้ใยดีว่าชาวอเมริกันกำลังเผชิญหน้ากับความเจ็บป่วยและความตายอันน่าสะพรึงยิ่ง
ขณะนี้ชาติมหาอำนาจทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมัน สเปน ฯลฯ ล้วนมีผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตมากมาย จนแซงหน้าประเทศจีนไปแล้ว..เฮ้อ..เวรกรรมตามสนองจริงๆเลยว้อย..
แต่ถึงอย่างไร..ก็ยังมีชาติประชาธิปไตยเลือกตั้ง ทั้งในเอเชียและยุโรป มี “ผู้นำชาติ”ที่มีคุณภาพ จนประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาดไวรัส “โควิด-19” ให้อยู่ในขอบเขตที่น่าพอใจ จนเป็นที่ยอมรับของ WHO และนานาชาติเช่นกัน เช่น ประเทศไต้หวัน สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และเดนมาร์ก เป็นต้น
สำหรับชาติไทยกับการต่อสู้กับ “โควิด-19”นั้น “ในหลวงรัชกาลที่ 10” พระราชทานแนวทางการรับมือกับภัยร้าย “โควิด-19” รวมทั้งพระราชทานเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์มาแล้วหลายครั้งครา ให้แก่โรงพยาบาลต่างๆ ในการตรวจรักษาโรคร้าย
ในขณะที่รัฐบาล “บิ๊กตู่” ก็กำลังสาละวนอยู่กับการออกมาตรการทางการเงินการคลัง ในการช่วยเหลือประชาชนทุกหมู่เหล่าอย่างเต็มที่ ล่าสุดกำลังเตรียมหาเงิน 1.9 ล้านล้านบาท เพื่อนำมาใช้แก้ปัญหาในห้วง “โควิด-19”กำลังอาละวาด และหลัง “โควิด-19” ถูกสยบลงแล้วอีกด้วย
ขอคารวะแพทย์-พยาบาล-บุคลากรทุกคนที่เกี่ยวข้อง ที่ทุ่มเทเสียสละ เสี่ยงชีวิตเป็น“นักรบแนวหน้า” ต่อสู้กับมหันตภัย “โควิด-19” อย่างกล้าหาญ ดังนั้น “บิ๊กตู่” จะต้องเร่งแก้ไขปัญหาการขาดแคลนอุปกรณ์การแพทย์และสิ่งจำเป็นอื่นๆ เพื่อปกป้องและสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของ “นักรบแนวหน้า” ทุกคน โดยเร็วที่สุด
งานนี้..“ฝ่ายค้าน” ต้องหยุดเรื่องการเมืองไว้ก่อน หันมาช่วยกันสยบ “โควิด-19” ลงก่อนดีไหม?
ส่วนรัฐบาล “บิ๊กตู่” ก็อย่าฉวยโอกาส อ้าง “โควิด-19” ใช้เงินแบบส่งเดชไม่โปร่งใสนะเว้ยเฮ้ย..!