xs
xsm
sm
md
lg

วิกฤตโควิดตอกย้ำจุดอ่อนของระบบการเมืองและราชการไทย

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"ปัญญาพลวัตร"
"พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต"

เมื่อสถานการณ์บางอย่างเกิดขึ้น ทำให้เราเห็นจุดอ่อน และจุดแข็งขององค์การและบุคคลที่รับผิดชอบในการรับมือและจัดการกับปัญหาได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และหากเรามีเหตุผลและคำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวม การสรุปบทเรียนและแก้ไขความผิดพลาดก็จะเกิดขึ้น

 การแพร่ระบาดของโควิดทำให้จุดอ่อนหลายระดับในสังคมไทยเปิดเผยออกมาชัดเจนยิ่งขึ้น ในระดับสูงสุดของการบริหารประเทศคือคณะรัฐมนตรี เราเห็นถึงจุดอ่อนของรัฐบาลหลายเรื่องด้วยกันเรื่องแรกคือ การจัดตัวบุคคลดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งทำให้เห็นว่ามีบุคคลที่มีศักยภาพและความสามารถต่ำจำนวนมากถูกแต่งตั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ตั้งแต่ระดับนายกรัฐมนตรีที่ตอบสนองปัญหาช้า ขาดความเฉียบแหลม และขาดบารมีในการระดมความร่วมมือร่วมใจอย่างเป็นเอกภาพของหน่วยงานราชการและประชาชนในสังคมเพื่อต่อสู้กับปัญหา โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นของปัญหาจนต้องมีการใช้กฏหมายพิเศษประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อแก้ปัญหา หากนายกรัฐมนตรีกอปรด้วยบารมีมากพอและได้รับการยอมรับจากประชาชน บางทีเราไม่มีความจำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษแบบนี้ก็ได้ ใช้เพียงกฎหมายควบคุมโรคติดต่อธรรมดาก็อาจเพียงพอแล้ว 

ในระดับรัฐมนตรี เราเห็นถึงการพยายามแสดงบทบาทนำของ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข  ในการจัดการกับปัญหาในระยะแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน เราก็เห็นถึงศักยภาพที่แท้จริงของเขาว่ามีอยู่อย่างจำกัดเพียงใด นอกจากไม่สามารถบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่สามารถสร้างหลักประกันความมั่นคงและปลอดภัยแก่บุคลากรด้านสาธารสุขได้อย่างทั่วถึงและเพียงพอแล้ว กลับสร้างปมความขัดแย้งกับบุคลากรทางสาธารณสุขที่อยู่ใต้การบังคับบัญชาของตนเองเสียอีก ด้วยเหตุนี้ ภาพลักษณ์อันสวยสดที่พยายามสร้างขึ้นพลันพังทลายลง เปิดเผยให้เห็นตัวตนที่แท้จริงออกมา

อีกคนหนึ่ง ที่สังคมได้เห็นถึงศักยภาพและตัวตนอย่างชัดเจนคือ  รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์  ซึ่งมีความสามารถจำกัดมากในการบริหารจัดการเรื่องราวที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของตนเอง กรณีที่เห็นชัดที่สุดคือเรื่องการขาดแคลนหน้ากากอนามัย อันเกิดจากการกักตุนของกลุ่มคนที่อยู่ในแวดวงการเมือง และการอนุญาตให้ส่งออกทั้งที่สถานการณ์ของประเทศมีความจำเป็นต้องใช้อย่างมาก นอกจากปัญหาหน้ากากอนามัยแล้ว สินค้าอื่นบางชนิดที่จำเป็นต่อการป้องกันโรคติดต่อก็ไม่อาจจัดการได้อย่างมีประสิทธิผลเช่นเดียวกัน

 จุดอ่อนของรัฐบาลผสมอีกอย่างคือ การขาดความร่วมมือและบูรณาการระหว่างกระทรวง แต่ละกระทรวงต่างก็ยึดติดกับหน้าที่ทางการอย่างเหนียวแน่น ทำเฉพาะเรื่องในหน้าที่ตนเอง โดยไม่เอาปัญหาและเป้าหมายภาพรวมเป็นตัวตั้ง ดังนั้นเมื่อเกิดเรื่องที่มีความคลุมเครือขึ้นมา ต่างฝ่าย ต่างก็เกี่ยงกัน ผลักภาระ ไม่ยอมทำ จนบางครั้งสถานการณ์บานปลายขยายตัว และเมื่อเหตุการณ์ขยายตัวต่างฝ่ายต่างก็ปัดความรับผิดชอบ และพยายามโยนความผิดให้แก่พรรคร่วมรัฐบาลอื่น ๆ ส่วนเรื่องใดทำแล้วได้หน้าได้คะแนนนิยม ก็แย่งชิงกันทำ เมื่อพรรคที่มีบทบาทบริหารด้านการเงินออกมาตรการแจกเงินแก่ประชาชน พรรคอื่นก็ระแวง ด้วยเกรงว่า พรรคนั้นจะได้ผลงานเพียงพรรคเดียว 

การมีรัฐบาลผสมที่มีสมรรถภาพต่ำแบบนี้เป็นผลพวงมาจากการออกแบบรัฐธรรมนูญที่คับแคบ ซึ่งมีเป้าหมายการเมืองเฉพาะหน้าเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อการสืบทอดอำนาจของกลุ่มชนชั้นนำที่ครอบงำประเทศ และบัดนี้ก็พิสูจน์แล้วว่า วิธีคิดเช่นนั้นส่งผลร้ายต่อประชาชนและประเทศชาติมากมายเพียงใด

สถานการณ์วิกฤตโควิดยังทำให้เราได้เห็นถึงจุดอ่อนของหน่วยงานราชการหลายแห่ง จุดอ่อนที่สำคัญคือ การอนุญาตให้หน่วยงานราชการใช้ทรัพย์สินของประเทศไปแสวงหาผลประโยชน์ธุรกิจ และนำผลกำไรไปแบ่งปันแก่บรรดาผู้นำของหน่วยงานเหล่านั้น กรณีสนามมวยลุมพินีที่อยู่ภายใต้การดูแลของกองทัพบกเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงการคำนึงแต่ผลประโยชน์ทางธุรกิจของผู้รับผิดชอบ จนกลายเป็นแหล่งแพร่ระบาดหลักและกระจายไปทั่วประเทศของโควิด

 จุดอ่อนที่สอง เป็นเรื่องของการขาดความร่วมมือระหว่างหน่วยงานราชการด้วยกันเอง หน่วยงานราชการแต่ละหน่วยก็เหมือนพรรคการเมืองแต่ละพรรค ต่างก็รักษาปริมณฑลอำนาจของตนเอง ทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาโดยตรงตามสายงานปกติ ขาดสำนึกร่วมในการแก้ปัญหาวิกฤต 

ตัวอย่างที่เห็นชัดคือ การจัดการสนามบินเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด ในช่วงเดือนมีนาคมเป็นไปด้วยความโกลาหล จนผู้อำนวยการสนามบินสุวรรณภูมิได้แสดงเจตจำนงลาออกจากตำแหน่ง เพราะไม่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยราชการต่าง ๆที่ทำงานในสนามบิน และล่าสุดกรณีการอนุญาตให้ปล่อยตัวผู้เดินทางเข้าประเทศกลับบ้านได้ ทั้งที่รัฐบาลประกาศมาตรการกักตัวผู้เดินทางเข้าประเทศทุกคนแล้ว จนภายหลังต้องมีการใช้อำนาจตามสถานการณ์ฉุกเฉินตามกลับมากักตัว ช่วงเวลาที่ปล่อยตัวออกไป แม้เพียงวันเดียว หากมีผู้เป็นโควิดแล้ว โอกาสแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นก็มีสูงยิ่ง

 จุดอ่อนประการที่สามคือ ราชการส่วนภูมิภาคไม่มีสมรรถนะเพียงพอในการจัดการรับมือกับภาวะวิกฤต  ราชการส่วนภูมิภาคประกอบด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดและส่วนราชการของกรมต่าง ๆ อีกประมาณร้อยกว่าหน่วยงานที่ตั้งในแต่ละจังหวัด เราแทบไม่เห็นข่าวว่าผู้ว่าราชการจังหวัดตัดสินใจอย่างเฉียบขาดและแสดงบทบาทนำอย่างแข็งขันในการจัดการกับวิกฤตโควิด ที่ยกเว้นก็มีเพียงไม่กี่แห่ง เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ที่แสดงบทบาทการนำเชิงรุกได้อย่างมีประสิทธิผล หรือบางจังหวัดที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายอำนาจการเมืองระดับชาติ เช่น บุรีรัมย์ ส่วนจังหวัดอื่น ๆ แทบไม่มีข่าวการแสดงบทบาทการนำที่เด่นชัดแต่อย่างใด

บทบาทเชิงรุกที่เกิดขึ้นจริงในพื้นที่ ส่วนใหญ่เป็นของผู้นำระดับท้องถิ่นทั้งเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบล ที่สามารถระดมความร่วมมือจากประชาชนและทำงานอย่างแข็งขันในพื้นที่ของตนเอง

เรื่องนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ผู้นำชุมชนและสังคมที่มาจากการเลือกตั้งของคนในพื้นที่มีความรับผิดชอบและมีสมรรถนะในการรับมือกับปัญหาได้ดีกว่าผู้นำราชการส่วนภูมิภาคที่ถูกแต่งตั้งจากส่วนกลาง แม้ว่าท้องถิ่นจะมีบุคลากรและงบประมาณน้อยกว่าราชส่วนกลางและภูมิภาคก็ตาม แต่ก็สามารถระดมความร่วมมือและทรัพยากรจากประชาชนได้ดีกว่าข้าราชการส่วนภูมิภาค ดังนั้นหากให้ท้องถิ่นมีอำนาจตัดสินใจเพิ่มขึ้น มีกำลังคนมากขึ้น มีงบประมาณและทรัพยากรของมากขึ้น ก็จะทำให้ สมรรถนะในการรับมือและแก้ปัญหาท้องถิ่นมีมากขึ้นไปตามด้วย โดยเฉพาะการรับมือกับสถานการณ์วิกฤต

 และจุดอ่อนสำคัญอีกอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ การที่ผู้บริหารประเทศมีฐานคติบกพร่องเกี่ยวกับความสามารถและการเข้าถึงเทคโนโลยีการสื่อสารของประชาชน โดยคิดว่าทุกคนสามารถเข้าถึงและมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเท่ากัน ทั้งที่มีคนจำนวนมากที่ยากจนและไม่สามารถเข้าถึงและใช้เทคโนโลยีออนไลน์ได้ กลุ่มคนเหล่านั้นจะไม่ถูกผนึกรวมเข้าไปสู่ระบบความช่วยเหลือ เช่น กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มผู้ด้อยโอกาส เป็นต้น 

และเมื่อผสมด้วยการมีข้อมูลกลุ่มประชาชนไม่สมบูรณ์ ถูกต้อง และครอบคลุม จึงทำให้มาตรการช่วยเหลือและเยียวยาทางเศรษฐกิจของรัฐบาลไม่เป็นไปตามเป้าหมาย กลุ่มคนที่ไม่สมควรได้รับความช่วยเหลือ ก็กลับได้รับความช่วยเหลือ และบางคนก็ไร้ความสำนึกออกมาเยาะเย้ยถากถางรัฐบาลอย่างสนุกสนาน ส่วนกลุ่มที่ควรได้รับความช่วยเหลือ เช่น นักศึกษาจำนวนหนึ่งที่เรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย แต่ต้องตกงานในช่วงนี้ กลับไม่ได้รับความช่วยเหลือ

 ที่กล่าวมาเป็นเพียงจุดอ่อนบางส่วนของฝ่ายบริหารและหน่วยงานราชการที่ถูกเปิดออกมาจากสถานการณ์โควิด แต่ก็เป็นตัวอย่างที่บ่งบอกว่า ระบบและโครงสร้างสถาบันการบริหารราชการแผ่นดินของไทยมีปัญหารุนแรงในหลากหลายมิติ ซึ่งควรมีการปรับรื้อและปฏิรูปกันอย่างขนานใหญ่อย่างจริงจังเสียที มิฉะนั้นสังคมไทยก็คงต้องเผชิญกับปัญหาเรื้อรังที่คอยบั่นทอนโอกาสการพัฒนาประเทศต่อไปอีกยาวนาน 


กำลังโหลดความคิดเห็น