xs
xsm
sm
md
lg

‘บิ๊กตู่’ยันไม่ผลีผลามปลดล็อก-เคาะต่อพรก.ฉุกเฉินสัปดาห์หน้า

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ผู้จัดการรายวัน360- ศบค.แถลงผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ 19 ราย ตายเพิ่ม 1 ราย วอนเอกชนคงมาตรการ work from home หลังกทม.รถเริ่มติด เผยผ่อนปรนไม่ใช่ยกเลิก ประชาชนจังหวัดใดต้องการอิสระ ขึ้นอยู่กับความร่วมมือ ขณะที่คนกรุง ครองแชมป์แหกเคอร์ฟิว ด้านนายกฯยอมรับสถานการณ์ดีขึ้น แต่ขออย่าผลีผลาม เรียกร้องให้ปลดล็อก ชี้หากกลับมาระบาดอีกรอบ สิ่งที่ทำมาเท่ากับล้มเหลว อังคารหน้าพิจารณาต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ ยันไม่เคยประกาศจะยกเลิก 1 พ.ค.นี้ ส่วนจะผ่อนปรนได้แค่ไหน ให้สถิติของสธ. เป็นตัวชี้วัด

วานนี้ (21เม.ย.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) แถลงว่า สถานการณ์ในประเทศไทยมีผู้ป่วยรายใหม่ 19 ราย ยอดผู้ป่วยสะสม 2,811 ราย หายป่วยเพิ่มเติม 109 ราย อยู่ระหว่างรักษาตัว 655 ราย และเสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย รวมเสียชีวิต 48 ราย

สำหรับผู้ป่วยใน จ.สตูล 19 ราย เป็นบุคคลที่อยู่ในสถานที่กักตัวของรัฐทั้งหมด ไม่มีผู้ป่วยในพื้นที่จังหวัด และขอปรับ จ.สตูล ไปอยู่ในจังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ป่วย รวมกับ 9 จังหวัดก่อนหน้านี้ รวมเป็น 10 จังหวัด นอกจากนี้ มีจังหวัดที่ไม่มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นในช่วง 14 วัน อีก 1 จังหวัด คือ สุพรรณบุรี รวมจังหวัดที่ไม่มีผู้ป่วยรายใหม่ในรอบ 14 วัน 36 จังหวัด

ทั้งนี้ ในรอบ 7 วันที่ผ่านมา มีรายงานผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มเข้ามาเพียง 11 จังหวัดเท่านั้น ได้แก่ กทม. ,นนทบุรี ,ภูเก็ต ,ชลบุรี ,ยะลา ,ปัตตานี ,สงขลา ,กระบี่ ,นราธิวาส ,ขอนแก่น และชุมพร

ที่ผ่านมามีผู้ป่วยรายใหม่ในพื้นที่กักตัวของรัฐ 71 ราย ส่วนอาชีพที่ติดเชื้อมากสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ รับจ้างทั่วไป ฟรีแลนซ์ 395 ราย ค้าขาย ธุรกิจส่วนตัว 308 ราย พนักงานบริษัท โรงงาน 235 ราย พนักงานในสถานบันเทิง 176 ราย นักเรียน นักศึกษา 164 ราย ช่วงอายุระหว่าง 20-39 ปี ดังนั้น ต้องให้ความสำคัญกลุ่มนี้ เพราะเป็นช่วงอายุที่เป็นพาหะนำเชื้อโรค

สำหรับสถานการณ์ผู้ป่วยทั่วโลก 2,481,287 ราย เสียชีวิต 170,436 ราย ในทวีปเอเชียนั้น ตลอด 24 ชม. ที่ผ่านมา สิงคโปร์มีผู้ป่วยรายใหม่มากที่สุด 1,426 ราย ญี่ปุ่น 338 ราย ฟิลิปปินส์ 200 ราย อินโดนีเซีย 185 ราย

ส่วนผลการปฏิบัติงานด้านความมั่นคงในช่วงเคอร์ฟิว คืนวันที่ 20 เม.ย. ต่อเนื่องเช้าวันที่ 21 เม.ย. มีผู้ฝ่าฝืนออกนอกเคหสถาน 963 ราย เพิ่มขึ้นจากคืนก่อน 33 ราย ชุมนุมมั่วสุม 65 ราย ลดลงจากคืนก่อน 21 ราย ส่วนจังหวัดที่มีฝ่าฝืนมากที่สุด ได้แก่ กรุงเทพฯ จังหวัดที่ไม่มีการกระทำผิด ได้แก่ สิงห์บุรี ศรีสะเกษ กาฬสินธุ์ นครพนม ขณะที่คนไทยที่จะเดินทางกลับจากประเทศ วันนี้เดียวกันนี้จะมีคนไทยจากไต้หวัน 120 คน และญี่ปุ่น 100 คน โดยคนเหล่านี้จะเข้าไปอยู่ในสถานกักตัวของรัฐทั้งหมด

เมื่อถามว่า ช่วงนี้การจราจรใน กทม.เริ่มมาติดขัด สะท้อนได้หรือไม่ว่า คนเริ่มกลับมาทำงาน ไม่ได้ทำงานอยู่บ้านแล้ว เรายังจำเป็นต้องขอความร่วมมือให้คนยังทำงานอยู่บ้านอยู่ ใช่หรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า เรายังอยู่ในการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ยังรณรงค์ให้ลดการเดินทาง วันนี้เรามีตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ต่ำกว่า 20 ราย เพราะคนไทยร่วมมือกัน หลายคนหลายเบาใจได้ แต่วางใจยังไม่ได้แน่นอน เนื่องจากมีตัวอย่างประเทศสิงคโปร์ให้เห็น

"ประชาชนจังหวัดไหนต้องการอิสระเสรี ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของท่าน ใครทำกรรมดีไว้ก็ส่งผลดีให้ได้ ถ้าร่วมมือดีก็จะทำให้มีพื้นที่ในการที่จะทำอะไรต่างๆ ได้มากขึ้น และในระยะเวลาอันสั้นรัฐบาลไทย และ ศบค.คงจะได้มีการตัดสินโดยใช้ข้อมูล สถิติ และจากที่นักวิชาการ ภารธุรกิจ ช่วยกันคิดและหาทางออก ซึ่งสุขภาพก็สำคัญ ปากท้องก็สำคัญ เราจะไล่เรียงลำดับขึ้นมา ชีวิตต้องอยู่ได้ก่อน จากนั้นเศรษฐกิจและสังคมจะได้ตามมา" นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

นายกฯยอมรับสถานการณ์โควิด ดีขึ้น

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมครม.ว่า สถิติผู้ติดเชื้อก็ลดลงมาตามลำดับหลายวันมาแล้ว ก็คงต้องดูต่อไป อย่าเพิ่งผลีผลาม หลายท่านก็เรียกร้องให้มีการปลดล็อก เราต้องระมัดระวังอย่างที่สุด ต้องฟังข้อมูลจากด้านสาธารณสุข ด้านการแพทย์ต่างๆ และบริการอื่นๆ ตนไม่ต้องการตัดสินใจด้วยแรงกดดันหลายๆอย่าง อยากให้เป็นไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่ ถ้าเราปลดอะไรเร็วเกินไป สิ่งที่จะตามมาหากมีการระบาดเกิดขึ้น สิ่งที่เราทำมาทั้งหมดก็จะล้มเหลว แล้วจะทำอย่างไร นี่คือสิ่งที่ตนต้องดูแลเป็นพิเศษ

ถกอังคารหน้า ต่ออายุพรก.ฉุกเฉินหรือไม่

สำหรับการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินว่า จะมีการพิจารณาอีกครั้งในวันอังคารหน้า จะต้องดำเนินการต่อไปหรือไม่ อย่างไร อย่างที่บอก ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความร่วมมือ สถิติต่างๆ และทางด้านการสาธารณสุข จะเป็นตัวชี้วัดสิ่งเหล่านี้ ในเรื่องการผ่อนปรนมาตรการวันนี้ ให้ใช้ดุลพินิจพิจารณาในเรื่องการขนส่งสินค้าของภาคประชาชน ส่วนการละเมิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ยังมีอยู่จำนวนมาก ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ขอให้ทุกคนร่วมมือกับรัฐบาล หากร่วมมือกันมากก็จะลดลงได้มาก และเรื่องการผ่อนปรน ก็จะมากขึ้นในอนาคต วันนี้ที่สั่งการไป ตนไม่ได้ประกาศว่าจะเลิกวันที่ 1 พ.ค. หรือวันที่อะไรต่างๆ ไม่เคยพูดตรงนี้ เพราะบอกแล้วว่าต้องดูสถิติต่างๆ ให้มีความรอบคอบ

" สิ่งที่เราทำมาทั้งหมด ถ้าทำอะไรเร็วเกินไป มีแรงกดดันสูง โดยที่มันไม่ใช่สาระสำคัญมากนัก แต่เป็นการระดมให้ประชาชนเกิดความวิตกกังวล หรือให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยขึ้นมา สิ่งที่เราทำมาทั้งหมดจะสูญเสียเป็นศูนย์ในทันที และจะเรียกกลับมาไม่ได้"


กำลังโหลดความคิดเห็น