“อุตตม” กางขั้นตอนรับเยียวยาผลกระทบ “โควิด-19” คนละ 5 พันต่อเดือน ดีเดย์ 6 โมงเย็นวันเสาร์ที่ 28 มี.ค.นี้เปิดลงทะเบียนผ่านเว็บ “เราไม่ทิ้งกัน.com” เปิดลงทะเบียนไม่กำหนดวันปิดรับ ย้ำครอบคลุมแรงงานนอกระบบประกันสังคมทุกกลุ่ม ไม่เว้นผู้ถือบัตรสวัสดิการรัฐ-เกษตรกร ลั่นยอดเกิน 3 ล้านราย “ก.คลัง” พร้อมขอ ครม. อนุมัติงบฯเพิ่ม “ผอ.สศค.” เผย 3 เกณฑ์พิจารณา ผ่านเกณฑ์พร้อมโอนภายใน 7 วันทำการ
จากกรณีที่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 24 มี.ค.63 ได้มีมติเห็นชอบมาตรการภายใต้ชุดมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโรคโควิด-19 ต่อเศรษฐกิจไทยทั้งทางตรงทางอ้อม ระยะที่ 2 โดยมีมาตรการสำคัญในการชดเชยรายได้แก่ลูกจ้างของสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบ หรือแรงงานนอกระบบประกันสังคม ที่ได้รับผลกระทบอื่นๆของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รายละ 5,000 บาทต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือน รวมรายละ 15,000 บาท นั้น
วานนี้ (26 มี.ค.) นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง แถลงข่าวความพร้อมของมาตรการชดเชยรายได้รายละ 5,000 บาทต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือนว่า แรงงาน ลูกจ้างชั่วคราวและอาชีพอิสระ ที่ได้รับผลกระทบสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 28 มี.ค.63 เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป ผ่านเว็บไซต์ www.เราไม่ทิ้งกัน.com ที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง และไม่กำหนดระยะเวลาปิดรับกรลงทะเบียน โดยขอให้ผู้ที่มาลงทะเบียน ควรจะใช้โทรศัพท์มือถือที่สามารถติดต่อสื่อสารถึงท่านได้ เพื่อระบบจะได้แจ้งผลการลงทะเบียนและสิทธิตามมาตรการให้แก่ท่านผ่านทางข้อความ SMS ได้
“เน้นการลงทะเบียนทางออนไลน์ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนให้การเข้าถึงของกลุ่มแรงงาน ลูกจ้าง และผู้มีอาชีพอิสระ เป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว โดยครั้งนี้ไม่เหมือนโครงการชิมช้อปใช้ ที่จำกัดผู้เข้าร่วมโครงการ ฉะนั้น ในวันที่ 28 มี.ค.63 ประชาชนไม่จำเป็นต้องไปแข่งขันกันลงทะเบียนรับสิทธิ์ภายในวันเดียว สามารถดำเนินการได้เรื่อยๆ และเปิดรับลงทะเบียนตลอด 24 ชั่วโมง” นายอุตตม กล่าว
เกิน 3 ล้านรายพร้อมหางบฯเพิ่ม
นายอุตตม กล่าวยืนยันว่า มาตรการเยียวยารายได้เดือนละ 5,000 บาทไม่ปิดกั้นผู้ลงทะเบียน โดยจะเป็นกลุ่มที่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม ทั้งกลุ่มลูกจ้าง ชั่วคราว และผู้มีอาชีพอิสระ เช่น คนขับรถแท็กซี่ พ่อค้าแม่ค้า เป็นต้น เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯมีความประสงค์เพื่อที่จะเยียวยาครอบคลุมผู้ได้รับผลกระทบทุกคนให้มากที่สุด ส่วนความช่วยเหลือแรงงานที่อยู่ในระบบประกันสังคม จะมีสำนักงานประกันสังคมจะเป็นผู้ดูแล เพื่อให้ทั้ง 2 มาตรการความช่วยเหลือแยกขาดจากกันและไม่มีความทับซ้อนกัน ทั้งนี้กรณีที่มีจำนวนผู้ลงทะเบียนผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเกินกว่า 3 ล้านราย กระทรวงการคลังพร้อมที่เสนอให้ ครม.พิจารณาอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม เนื่องจากตัวเลข 3 ล้านคนเป็นเพียงตัวเลขประมาณการเพื่อขอรับจัดสรรประมาณมาจาก ครม.เท่านั้น
“หากผู้ลงทะเบียนและผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติมีจำนวนมากกว่า 3 ล้านคน กระทรวงการคลังก็พร้อมจะนำเสนอ ครม.พิจารณาจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อมาดูแลประชาชนได้อย่างครอบคลุม เช่น พิจารณาออก พ.ร.ก.เงินกู้ ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาแนวทางว่าจะสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้าง” นายอุตตม ระบุ
“ถือบัตรสวัสดิการฯ-เกษตรฯ”ได้ด้วย
รมว.คลัง ชี้แจงด้วยว่า สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการของรัฐหากเป็นแรงงานนอกระบบประกันสังคม ยังสามารถขอใช้สิทธิรับเงินชดเชยจากกระทรวงการคลังได้ โดยกระทรวงการคลังยังไม่ได้ตัดคนกลุ่มนี้ออกไป แต่หากผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ รายใดที่เป็นแรงงานที่อยู่ในระบบประกันสังคม ก็สามารถไปขอรับเงินชดเชยได้จากสำนักงานประกันสังคมด้วยเช่นเดียวกัน ขณะที่แรงงานเกษตรกร ที่เข้าข่าย หากรับเงินชดเชยในส่วนนี้แล้ว อาจไม่ได้รับสิทธิรับเงินช่วยเหลือเกษตรกรตามมาตรการ ระยะที่ 3 ที่กระทรวงการคลังจะผลักดันออกมาด้วย
เผย 3 เงื่อนไขหลักเข้าเกณฑ์รับเงิน
ด้าน นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวเสริมว่า หลังการตรวจสอบความถูกต้องในข้อมูลต่างๆ ที่ผู้ลงทะเบียนได้ลงทะเบียนผ่านเว็บฯ หากถูกต้องเข้าเงื่อนไข และไม่ทับซ้อนกับข้อมูลจากสำนักงานประกันสังคม กระทรวงการคลังจะโอนเงินเข้าบัญชีให้ผู้ลงทะเบียนภายใน 7 วันทำการเป็นอย่างน้อย ผ่าน 2 ช่องทางได้แก่ บัญชีธนาคารที่ชื่อและนามสกุลเจ้าของบัญชีตรงกับชื่อและนามสกุลที่นำมาลงทะเบียน หรือระบบพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขบัตรประจำตัวประชาชน
“ผู้ที่มีสิทธิ์จะได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาท จะต้องเข้าเกณฑ์ 3 เงื่อนไขหลักคือ ต้องเป็นแรงงาน ลูกจ้างชั่วคราว หรือผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม หรือเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 ที่จะไม่ได้รับการเยียวยาจากระบบประกันสังคม รวมทั้ง ยังต้องแสดงให้เห็นว่าตนนั้นเป็นแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทุกรายที่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติทั้ง 3 ข้อถือว่ามีสิทธิได้รับเงินชดเชยเยียวยาทุกราย” นายลวรณ กล่าว
จากกรณีที่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 24 มี.ค.63 ได้มีมติเห็นชอบมาตรการภายใต้ชุดมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโรคโควิด-19 ต่อเศรษฐกิจไทยทั้งทางตรงทางอ้อม ระยะที่ 2 โดยมีมาตรการสำคัญในการชดเชยรายได้แก่ลูกจ้างของสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบ หรือแรงงานนอกระบบประกันสังคม ที่ได้รับผลกระทบอื่นๆของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รายละ 5,000 บาทต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือน รวมรายละ 15,000 บาท นั้น
วานนี้ (26 มี.ค.) นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง แถลงข่าวความพร้อมของมาตรการชดเชยรายได้รายละ 5,000 บาทต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือนว่า แรงงาน ลูกจ้างชั่วคราวและอาชีพอิสระ ที่ได้รับผลกระทบสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 28 มี.ค.63 เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป ผ่านเว็บไซต์ www.เราไม่ทิ้งกัน.com ที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง และไม่กำหนดระยะเวลาปิดรับกรลงทะเบียน โดยขอให้ผู้ที่มาลงทะเบียน ควรจะใช้โทรศัพท์มือถือที่สามารถติดต่อสื่อสารถึงท่านได้ เพื่อระบบจะได้แจ้งผลการลงทะเบียนและสิทธิตามมาตรการให้แก่ท่านผ่านทางข้อความ SMS ได้
“เน้นการลงทะเบียนทางออนไลน์ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนให้การเข้าถึงของกลุ่มแรงงาน ลูกจ้าง และผู้มีอาชีพอิสระ เป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว โดยครั้งนี้ไม่เหมือนโครงการชิมช้อปใช้ ที่จำกัดผู้เข้าร่วมโครงการ ฉะนั้น ในวันที่ 28 มี.ค.63 ประชาชนไม่จำเป็นต้องไปแข่งขันกันลงทะเบียนรับสิทธิ์ภายในวันเดียว สามารถดำเนินการได้เรื่อยๆ และเปิดรับลงทะเบียนตลอด 24 ชั่วโมง” นายอุตตม กล่าว
เกิน 3 ล้านรายพร้อมหางบฯเพิ่ม
นายอุตตม กล่าวยืนยันว่า มาตรการเยียวยารายได้เดือนละ 5,000 บาทไม่ปิดกั้นผู้ลงทะเบียน โดยจะเป็นกลุ่มที่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม ทั้งกลุ่มลูกจ้าง ชั่วคราว และผู้มีอาชีพอิสระ เช่น คนขับรถแท็กซี่ พ่อค้าแม่ค้า เป็นต้น เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯมีความประสงค์เพื่อที่จะเยียวยาครอบคลุมผู้ได้รับผลกระทบทุกคนให้มากที่สุด ส่วนความช่วยเหลือแรงงานที่อยู่ในระบบประกันสังคม จะมีสำนักงานประกันสังคมจะเป็นผู้ดูแล เพื่อให้ทั้ง 2 มาตรการความช่วยเหลือแยกขาดจากกันและไม่มีความทับซ้อนกัน ทั้งนี้กรณีที่มีจำนวนผู้ลงทะเบียนผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเกินกว่า 3 ล้านราย กระทรวงการคลังพร้อมที่เสนอให้ ครม.พิจารณาอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม เนื่องจากตัวเลข 3 ล้านคนเป็นเพียงตัวเลขประมาณการเพื่อขอรับจัดสรรประมาณมาจาก ครม.เท่านั้น
“หากผู้ลงทะเบียนและผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติมีจำนวนมากกว่า 3 ล้านคน กระทรวงการคลังก็พร้อมจะนำเสนอ ครม.พิจารณาจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อมาดูแลประชาชนได้อย่างครอบคลุม เช่น พิจารณาออก พ.ร.ก.เงินกู้ ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาแนวทางว่าจะสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้าง” นายอุตตม ระบุ
“ถือบัตรสวัสดิการฯ-เกษตรฯ”ได้ด้วย
รมว.คลัง ชี้แจงด้วยว่า สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการของรัฐหากเป็นแรงงานนอกระบบประกันสังคม ยังสามารถขอใช้สิทธิรับเงินชดเชยจากกระทรวงการคลังได้ โดยกระทรวงการคลังยังไม่ได้ตัดคนกลุ่มนี้ออกไป แต่หากผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ รายใดที่เป็นแรงงานที่อยู่ในระบบประกันสังคม ก็สามารถไปขอรับเงินชดเชยได้จากสำนักงานประกันสังคมด้วยเช่นเดียวกัน ขณะที่แรงงานเกษตรกร ที่เข้าข่าย หากรับเงินชดเชยในส่วนนี้แล้ว อาจไม่ได้รับสิทธิรับเงินช่วยเหลือเกษตรกรตามมาตรการ ระยะที่ 3 ที่กระทรวงการคลังจะผลักดันออกมาด้วย
เผย 3 เงื่อนไขหลักเข้าเกณฑ์รับเงิน
ด้าน นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวเสริมว่า หลังการตรวจสอบความถูกต้องในข้อมูลต่างๆ ที่ผู้ลงทะเบียนได้ลงทะเบียนผ่านเว็บฯ หากถูกต้องเข้าเงื่อนไข และไม่ทับซ้อนกับข้อมูลจากสำนักงานประกันสังคม กระทรวงการคลังจะโอนเงินเข้าบัญชีให้ผู้ลงทะเบียนภายใน 7 วันทำการเป็นอย่างน้อย ผ่าน 2 ช่องทางได้แก่ บัญชีธนาคารที่ชื่อและนามสกุลเจ้าของบัญชีตรงกับชื่อและนามสกุลที่นำมาลงทะเบียน หรือระบบพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขบัตรประจำตัวประชาชน
“ผู้ที่มีสิทธิ์จะได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาท จะต้องเข้าเกณฑ์ 3 เงื่อนไขหลักคือ ต้องเป็นแรงงาน ลูกจ้างชั่วคราว หรือผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม หรือเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 ที่จะไม่ได้รับการเยียวยาจากระบบประกันสังคม รวมทั้ง ยังต้องแสดงให้เห็นว่าตนนั้นเป็นแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทุกรายที่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติทั้ง 3 ข้อถือว่ามีสิทธิได้รับเงินชดเชยเยียวยาทุกราย” นายลวรณ กล่าว
