ผู้จัดการรายวัน360-ส.อ.ท.แนะประชาชนอย่ากักตุนสินค้าจนเกินความจำเป็น ยืนยันไทยเป็นผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ของโลก สินค้าอุปโภคบริโภคมีมากพอ เผยกำลังผลิตปัจจุบันเดินแค่ 60% เท่านั้น ยังเพิ่มได้อีก เตรียมควงบริษัทยักษ์ใหญ่มาแถลงข่าวสร้างความเชื่อมั่น 18 มี.ค.นี้ "พาณิชย์"ถกผู้ผลิต ห้าง พบกำลังการผลิตเหลืออีก 30-40% เพิ่มได้อีกเยอะ ห้างรับเร่งเติมสินค้า ป้องกันการตื่นตระหนก
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จากการออกมากักตุนสินค้าอุปโภคและบริโภคของประชาชน เพราะเกรงผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 นั้น ต้องการให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าประเทศไทยมีสินค้าอุปโภคบริโภคเพียงพออย่างแน่นอน เนื่องจากไทยเป็นผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ของโลก จึงไม่ต้องการให้ประชาชนตื่นตระหนกจนเกินความจำเป็น ขณะที่ระบบขนส่งยังสามารถใช้ได้ปกติ การขนส่งสินค้า ปริมาณสินค้า จะไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน
"ไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนกจนเกินไป ไม่เช่นนั้นจะซื้อสินค้าเกินความจำเป็น ประกอบกับเศรษฐกิจไม่ค่อยดีด้วย จึงอยากให้ประชาชนใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง"
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน วันที่ 18 มี.ค.2563 ส.อ.ท. จะนำสมาชิกที่เป็นผู้ประกอบการสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น เครือสหพัฒน์ รวมถึงผู้ประกอบการกลุ่มเอทานอล และกลุ่มบรรจุภัณฑ์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการผลิตเจลแอลกอฮอล์ออกมาเปิดแถลงข่าวเรียกความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคอีกครั้ง
นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร ส.อ.ท. กล่าวว่า ไทยเป็นผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ของโลก ทั้งในด้านการส่งออกและการผลิต โดยมีมูลค่าตลาดรวม 3 ล้านล้านบาทต่อปี โดยเป็นการผลิตอาหารที่หมุนเวียนอยู่ในระบบในประเทศทั้งภาคการผลิต ภาคบริการ รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านล้านบาทต่อปี และมีมูลค่าการส่งออกอีกประมาณ 1 ล้านล้านบาทต่อปี และที่ผ่านมา เศรษฐกิจของโลกและเศรษฐกิจไทยชะลอตัว กลุ่มอุตสาหกรรมอาหารมีกำลังการผลิตไม่ถึง 60% ผู้ประกอบการจึงมีกำลังการผลิตได้อีกมาก
"ประชาชนอาจกังวล หากสถานการณ์เข้าขั้นวิกฤติถึงขนาดปิดประเทศ จะทำให้การซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคลำบากหรือไม่ ประเด็นนี้ ผมเชื่อว่า หากสถานการณ์เข้าสู่ระดับดังกล่าวจริง ทางภาครัฐจะมีมาตรการระบบกระจายสินค้าให้ประชาชนได้ ไม่ขาดแคลนแน่นอน อาหารในไทยเหลือเฟือ ที่ผ่านมา ความต้องการอาหารในกลุ่มภัตตาคาร กลุ่มทัวร์นักท่องเที่ยว ก็ปรับลดลง เพราะฉะนั้น ไม่ต้องห่วงในเรื่องอาหารการกินในประเทศไทย เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ผลิตได้วันละ 10 ล้านซอง และสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ถึง 15 ล้านซองต่อวัน ไม่อยากให้มีการกักตุนกัน"นายวิศิษฐกล่าว
วันเดียวกันนี้ กรมการค้าภายในได้ประชุมร่วมกับห้างสรรพสินค้าประเด็นผู้บริโภคกักตุนสินค้าอุปโภคบริโภค โดยนายประโยชน์ เพ็ญสุต รองอธิบดีกรมการค้าภายในกล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคและผู้ประกอบการค้าปลีก ประมาณ 56 ราย ว่า ผู้ผลิตยืนยันว่ายังมีกำลังการผลิตเหลือ 30-40% ที่จะสามารถผลิตสินค้าป้อนผู้บริโภคและยืนยันไม่มีปัญหาเรื่องวัตถุดิบและการขนส่ง เช่นเดียวกับผู้ประกอบการค้าปลีก ยืนยันมีสต๊อกเพียงพอกับความต้องการ และให้ความร่วมมือวางสินค้าบนชั้นวางสินค้าให้เร็วขึ้นและเพียงพอกับความต้องการให้มากขึ้น เช่น บะหมี่สำเร็จรูปความต้องการเพิ่ม 30-50% ปลากระป๋อง (ทูน่า) เพิ่มกว่า 30% เป็นต้น
นายฉัตรชัย ดวงรัตนพันธ์ ที่ปรึกษาสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า ผู้ผลิตยังใช้กำลังการผลิตเพียง 70% ของกำลังการผลิตรวม จึงไม่ต้องกัวลเรื่องสินค้าไม่เพียงพอ หากความต้องการเพิ่มสามารถเพิ่มการผลิตได้ทันที อย่างข้าวถุง มีถึง 124 บริษัท มีสต๊อกขั้นต่ำ 3 เดือน ส่วนที่ระบุหมดแล้วหมดเลย เพราะเป็นช่วงจัดโปรโมชัน ไม่ใช่สินค้ามีไม่พอ
น.ส.ศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ห้างแม็คโคร กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา มีการเข้ามาซื้อสินค้ามากกว่าปกติ โดยเฉพาะสาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑลสูงถึง 50% แต่โดยรวมทั้งประเทศเพิ่ม 30% โดยขอให้มั่นใจห้างมีการเตรียมสต๊อกเพียงพอ และมีการเติมสินค้าอย่างต่อเนื่อง โดยสินค้าที่มีความต้องการสูงในช่วงนี้ คือ หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ อาหารกระป๋องต่างๆ กระดาษชำระ สินค้าเกี่ยวกับซักล้าง และทำความสะอาด เป็นต้น
น.ส.ณัฏฐินี เนตรอำไพ ผู้จัดการส่วนอาวุโสส่วนองค์กรและสื่อมวลชนสัมพันธ์ บริษัท ยูนิลิเวอร์ไทย เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้ สินค้าหลายชนิดที่มีความต้องการเพิ่มขึ้น เช่น โจ๊ก ก็จะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 80% จากกำลังซื้อเพิ่มเท่าตัว ซึ่งยืนยันว่ามีสินค้าเพียงพอและสต๊อกผลิตจะมีต่อเนื่องในอัตรา 3 เดือน และยืนยันไม่มีการรปับขึ้นราคาสินค้าแน่นอน
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จากการออกมากักตุนสินค้าอุปโภคและบริโภคของประชาชน เพราะเกรงผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 นั้น ต้องการให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าประเทศไทยมีสินค้าอุปโภคบริโภคเพียงพออย่างแน่นอน เนื่องจากไทยเป็นผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ของโลก จึงไม่ต้องการให้ประชาชนตื่นตระหนกจนเกินความจำเป็น ขณะที่ระบบขนส่งยังสามารถใช้ได้ปกติ การขนส่งสินค้า ปริมาณสินค้า จะไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน
"ไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนกจนเกินไป ไม่เช่นนั้นจะซื้อสินค้าเกินความจำเป็น ประกอบกับเศรษฐกิจไม่ค่อยดีด้วย จึงอยากให้ประชาชนใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง"
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน วันที่ 18 มี.ค.2563 ส.อ.ท. จะนำสมาชิกที่เป็นผู้ประกอบการสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น เครือสหพัฒน์ รวมถึงผู้ประกอบการกลุ่มเอทานอล และกลุ่มบรรจุภัณฑ์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการผลิตเจลแอลกอฮอล์ออกมาเปิดแถลงข่าวเรียกความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคอีกครั้ง
นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร ส.อ.ท. กล่าวว่า ไทยเป็นผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ของโลก ทั้งในด้านการส่งออกและการผลิต โดยมีมูลค่าตลาดรวม 3 ล้านล้านบาทต่อปี โดยเป็นการผลิตอาหารที่หมุนเวียนอยู่ในระบบในประเทศทั้งภาคการผลิต ภาคบริการ รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านล้านบาทต่อปี และมีมูลค่าการส่งออกอีกประมาณ 1 ล้านล้านบาทต่อปี และที่ผ่านมา เศรษฐกิจของโลกและเศรษฐกิจไทยชะลอตัว กลุ่มอุตสาหกรรมอาหารมีกำลังการผลิตไม่ถึง 60% ผู้ประกอบการจึงมีกำลังการผลิตได้อีกมาก
"ประชาชนอาจกังวล หากสถานการณ์เข้าขั้นวิกฤติถึงขนาดปิดประเทศ จะทำให้การซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคลำบากหรือไม่ ประเด็นนี้ ผมเชื่อว่า หากสถานการณ์เข้าสู่ระดับดังกล่าวจริง ทางภาครัฐจะมีมาตรการระบบกระจายสินค้าให้ประชาชนได้ ไม่ขาดแคลนแน่นอน อาหารในไทยเหลือเฟือ ที่ผ่านมา ความต้องการอาหารในกลุ่มภัตตาคาร กลุ่มทัวร์นักท่องเที่ยว ก็ปรับลดลง เพราะฉะนั้น ไม่ต้องห่วงในเรื่องอาหารการกินในประเทศไทย เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ผลิตได้วันละ 10 ล้านซอง และสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ถึง 15 ล้านซองต่อวัน ไม่อยากให้มีการกักตุนกัน"นายวิศิษฐกล่าว
วันเดียวกันนี้ กรมการค้าภายในได้ประชุมร่วมกับห้างสรรพสินค้าประเด็นผู้บริโภคกักตุนสินค้าอุปโภคบริโภค โดยนายประโยชน์ เพ็ญสุต รองอธิบดีกรมการค้าภายในกล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคและผู้ประกอบการค้าปลีก ประมาณ 56 ราย ว่า ผู้ผลิตยืนยันว่ายังมีกำลังการผลิตเหลือ 30-40% ที่จะสามารถผลิตสินค้าป้อนผู้บริโภคและยืนยันไม่มีปัญหาเรื่องวัตถุดิบและการขนส่ง เช่นเดียวกับผู้ประกอบการค้าปลีก ยืนยันมีสต๊อกเพียงพอกับความต้องการ และให้ความร่วมมือวางสินค้าบนชั้นวางสินค้าให้เร็วขึ้นและเพียงพอกับความต้องการให้มากขึ้น เช่น บะหมี่สำเร็จรูปความต้องการเพิ่ม 30-50% ปลากระป๋อง (ทูน่า) เพิ่มกว่า 30% เป็นต้น
นายฉัตรชัย ดวงรัตนพันธ์ ที่ปรึกษาสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า ผู้ผลิตยังใช้กำลังการผลิตเพียง 70% ของกำลังการผลิตรวม จึงไม่ต้องกัวลเรื่องสินค้าไม่เพียงพอ หากความต้องการเพิ่มสามารถเพิ่มการผลิตได้ทันที อย่างข้าวถุง มีถึง 124 บริษัท มีสต๊อกขั้นต่ำ 3 เดือน ส่วนที่ระบุหมดแล้วหมดเลย เพราะเป็นช่วงจัดโปรโมชัน ไม่ใช่สินค้ามีไม่พอ
น.ส.ศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ห้างแม็คโคร กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา มีการเข้ามาซื้อสินค้ามากกว่าปกติ โดยเฉพาะสาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑลสูงถึง 50% แต่โดยรวมทั้งประเทศเพิ่ม 30% โดยขอให้มั่นใจห้างมีการเตรียมสต๊อกเพียงพอ และมีการเติมสินค้าอย่างต่อเนื่อง โดยสินค้าที่มีความต้องการสูงในช่วงนี้ คือ หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ อาหารกระป๋องต่างๆ กระดาษชำระ สินค้าเกี่ยวกับซักล้าง และทำความสะอาด เป็นต้น
น.ส.ณัฏฐินี เนตรอำไพ ผู้จัดการส่วนอาวุโสส่วนองค์กรและสื่อมวลชนสัมพันธ์ บริษัท ยูนิลิเวอร์ไทย เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้ สินค้าหลายชนิดที่มีความต้องการเพิ่มขึ้น เช่น โจ๊ก ก็จะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 80% จากกำลังซื้อเพิ่มเท่าตัว ซึ่งยืนยันว่ามีสินค้าเพียงพอและสต๊อกผลิตจะมีต่อเนื่องในอัตรา 3 เดือน และยืนยันไม่มีการรปับขึ้นราคาสินค้าแน่นอน