จนถึงขณะนี้ การควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ต้องถือว่า ยังเอาอยู่ มีผู้ติดเชื้อ 50 ราย เสียชีวิต 1 ราย ทั้งๆ ที่ในตอนเริ่มต้นการระบาด เมื่อปลายเดือนมกราคม ไทยถือว่าเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงสูง เพราะมีคนจีนเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะจากเมืองอู่ฮั่น ต้นตอการระบาด และมีผู้ติดเชื้อในตอนนั้นสูงเป็นอันดับ 1 ของประเทศที่มีผู้ติดเชื้อนอกจากจีน
ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ต่ำ เป็นที่มาของข่าวลือ เฟกนิวส์ว่า ทางการปกปิดข้อมูลตัวเลขจริงที่สูงกว่านี้มาก ไปจนถึงเรื่องคนไทยติดเชื้อน้อยกว่าประเทศอื่นๆ เพราะเราไม่ได้ตรวจแบบเชิงรุกแบบเกาหลีใต้ คือ ตรวจทุกคนที่เข้าข่าย โดยไม่ต้องรอให้เขามาเอง แต่ตรวจแบบเชิงรับ คือ รอให้ผู้สงสัยว่าตัวเองจะติดเชื้อเข้ามารับการตรวจเอง ซึ่งอาจจะมีผู้ติดเชื้อที่ไม่ได้แสดงตัวอีกมากมาย จึงทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมต่ำ
เป็นเรื่องของคนที่มีอคติกับรัฐบาล โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นเรื่องของคนที่เอาแต่นั่งก่นด่าความมืด ไม่ยอมจุดเทียนเล่มน้อยเพื่อช่วยกันขับไล่ความมืด
ความสามารถในการควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นเพราะการทุ่มทำงานแบบปิดทองหลังพระของบรรดาคุณหมอ พยาบาล บุคลากรในระบบสาธารณสุขของไทยที่ตั้งวอร์รูมปฏิบัติการสู้ไวรัสโควิด-19 มาตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม และความรับผิดชอบของคนที่เดินทางกลับมาจากประเทศเสี่ยง ที่เข้ารับการตรวจและการกักบริเวณ เพื่อไม่ให้ตัวเองเป็นต้นเหตุแห่งการแพร่ระบาดในประเทศ
อย่างไรก็ตาม วิกฤตไวรัสโควิด-19 ครั้งนี้ ก่อให้เกิดวิกฤตศรัทธาต่อรัฐบาลอย่างรุนแรง เพราะแสดงให้เห็นว่า รัฐมนตรีที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงหลายคน ทำงานไม่เป็น
เรื่องใหญ่ที่สุด ที่ทำให้ประชาชนไม่พอใจคือ ความขาดแคลนหน้ากากอนามัย ไม่เฉพาะคนทั่วไป แม้แต่หมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ที่เป็นด่านหน้าในการสู้รบในบางที่ ก็ไม่สามารถหาหน้ากากอนามัยได้
หน้ากากอนามัยขาดแคลน เพราะดีมานด์พุ่งขึ้นอย่างฉับพลัน จนเกินกำลังการผลิตของผู้ผลิต 11 โรงงาน เพราะมีการกักตุนเอามาขายในราคาสูงกว่าปกติ 7-8 เท่าตัว เพราะมีการส่งออก เนื่องจากผู้ผลิตบางรายได้รับการส่งเสริมการลงทุนที่มีเงื่อนไขว่า ต้องผลิตเพื่อการส่งออกเท่านั้น
หน้ากากอนามัย ถูกจัดให้เป็นสินค้าควบคุมตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ มีอำนาจตามกฎหมายที่จะจัดการให้หน้ากากอนามัยมีใช้อย่างเพียงพอ แต่รัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ไม่ได้ทำอะไรเลย ทั้งๆ ที่มีเวลาพอที่จะจัดการ จนนายกรัฐมนตรีอดถามดังๆ ไม่ได้ว่า หน้ากากอนามัยที่ผลิตได้วันละ 1.3 ล้านชิ้นหายไปไหน
ตอนตั้งรัฐบาล กระทรวงพาณิชย์เป็นกระทรวงที่แย่งชิงกันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคพลังประชารัฐที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ซึ่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงนี้มาตั้งแต่ยุค คสช.หมายมั่นปั้นมือจะนั่งต่อ แต่สุดท้ายต้องยกให้พรรคประชาธิปัตย์แลกกับเสียงสนับสนุน
ถ้านายสนธิรัตน์ เป็นรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ ปัญหาหน้ากากอนามัยขาดแคลนจะเกิดขึ้นไหม?
การต่อสู้ศึกไวรัสโควิด-19 ครั้งนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ได้รับการแต่งตั้งจากคณะรัฐมนตรีให้เป็นแม่ทัพใหญ่ ประธานคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อม ป้องกัน และแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ เมื่อวันที่ 28 มกราคม
อย่างที่กล่าวมาข้างต้น การควบคุมการระบาดเป็นไปด้วยดี ด้วยการทำหน้าที่อย่างดีของบุคลากรในกระทรวงสาธารณสุข แม่ทัพใหญ่ไม่ต้องทำอะไรมาก จนกระทั่งเกิดสถานการณ์ใหม่ การกลับบ้านของ “ผีน้อย” แรงงานไทยผิดกฎหมายในเกาหลีใต้ที่ดูเหมือนนายอนุทิน กว่าจะรู้ตัว “ผีน้อย” จำนวนหนึ่งก็กลับมาแล้ว และกระจายคืนสู่ภูมิลำเนา ใช้ชีวิตตามปกติโดยไม่มีการกักบริเวณตัวเอง
ที่กำลังจะกลับก็มีความสับสนในหมู่ประชาชนว่า จะถูกกักบริเวณไหม หรือว่า ถ้าตรวจไม่พบเชื้อจะให้แยกย้ายกันไปเก็บตัวกักบริเวณในบ้าน 14 วัน รวมทั้งจะใช้ที่ไหน เป็นที่กักกันโรค ไม่มีคำตอบจากนายอนุทิน ซึ่งดูเหมือนจะ “เสียศูนย์” จากประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย ฉบับแรก จนต้องปิดเฟซบุ๊กหนี
การที่พล.อ.ประยุทธ์ เซ็นคำสั่งตั้งศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา ก็เพราะความล้มเหลวของนายอนุทิน เรื่องการสื่อสารกับสังคมที่ล้มเหลวก็เพราะไม่สามารถบริหารจัดการข้อมูลข่าวสารได้
ภาระหน้าที่ของศูนย์นี้คือ บูรณาการความช่วยเหลือผู้ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ดังกล่าวในทุกมิติ ได้แก่มิติข้อมูลข่าวสาร มิติด้านสาธารณสุข มิติด้านเศรษฐกิจ มิติด้านสังคมและการสังเคราะห์อย่างทันท่วงที รวมทั้งสร้างความรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องแก่สาธารณชนเพื่อให้เกิดความตระหนักรู้เท่าทัน และเตรียมพร้อมโดยไม่ตระหนกในข่าวสารอันไม่เป็นความจริง
ผู้อำนวยการศูนย์คือ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จึงไม่น่าแปลกใจที่ข่าวเรื่องผีน้อยกลับไทย ยังสร้างความสับสน และตื่นตระหนกแก่ประชาชน เพราะมีทั้งข่าวส่งตัวไปกักบริเวณที่สัตหีบ 200 คน และผีน้อย 80 คนแหกด่าน ไม่ยอมให้กักบริเวณ จากการให้ข่าวของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายสาธิต ปิตุเตชะ
วิกฤตการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในเอเชีย กำลังคลี่คลาย วิกฤตการระบาดในไทยมีแนวโน้มที่จะไม่ขยายตัวไปมากกว่านี้ แต่วิกฤตศรัทธาต่อรัฐบาล ต่อผู้นำเกิดขึ้นแล้วยากจะแก้ไข เพราะไม่สามารถกำจัดที่มาแห่งวิกฤตได้