xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ศึกหลายก๊วนใน พปชร. แค่แย่งเก้าอี้-ไม่ถึงแตกหัก เสร็จเรื่องก็อยู่กันไปแบบร้าวๆ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ | วิรัช รัตนเศรษฐ | ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า | พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ป้อมพระสุเมรุ

ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ศึกนอกจบ ศึกในปะทุแน่

ตามคิวที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมปรับคณะรัฐมนตรี หลังจบศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งจะเริ่มบรรเลงกันตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ.ที่จะถึงนี้

ผลลัพธ์ฟันโชะล่วงหน้า ฝ่ายรัฐบาลที่มือมากกว่า และมี “กองทัพงูเห่า” ซุ่มอยู่ด้วย ย่อมกระเตง 6 รัฐมนตรี ที่รวม “นายกฯ ตู่” ด้วย ผ่านสังเวียนโดยการชนะคะแนนไปอย่างไม่ยากเย็น

ส่วนสภาพหลังจบศึกแล้ว ใครจะถูกซักฟอกหนักหนาสาหัส หรือจะผ่านไปได้อย่างไม่เลือดตกยางออก ก็ต้อง “เขย่าขวด” อยู่ดี ตาม “วงรอบปกติ” ทางการเมือง ที่ต้องขยับขยาย หลังผ่านการทำงานมาได้ครึ่งค่อนปี

ทางหนึ่งต้องฟื้นฟูความเชื่อมั่น กับอีกทางหนึ่งคือ สลับให้คนที่ยังไม่ได้เป็นเสนาบดี ได้ลืมตาอ้าปาก เพื่อรักษาเสถียรภาพรัฐบาล

ทั้งยังมีเหตุผลสำคัญที่ต้อง “ละไว้ในฐานที่เข้าใจ” ที่ต้องหา “แพะ” เซ่นผลงานที่ไม่เข้าเป้าในหลายด้าน

คลื่นลมใน “ค่ายพลังประชารัฐ” ที่สงบนิ่งมาพักใหญ่ หลังจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดแรก ทำท่าจะก่อตัวใหม่อีกรอบ เพื่อเข้าไปเป็น 1 ใน 36 เสนาบดี “ครม.บิ๊กตู่ 2/2” ให้ได้ ที่ยังคงคอนเซปต์ “คนเก่าไม่อยากออก คนนอกอยากจะเสียบ”

อย่างที่รู้กัน โควตาของ “ค่ายลุงตู่” มีปริมาณจำกัด ด้วยต้องกัน “โควตากลาง” ที่ไม่คิดคำนวณตามสัดส่วน ส.ส.หลายเก้าอี้ ไม่ว่าจะเป็น “พี่ใหญ่ป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ และ “พี่รองป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ที่เป็น “โคว 3 ป.” อันแตะต้องไม่ได้

กระทั่ง “ทูตดอน” ดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ที่มีภารกิจพิเศษต้องควงกะอยู่ในตำแหน่งต่อจาก “รัฐบาล คสช.” มาในรอบนี้

ขณะที่บรรดา “นักเลือกตั้ง” เองก็หวังเคลมบำเหน็จจากผลงานเลือกตั้ง หลายคนต้องกลืนเลือดเป็น “คนอกหัก” รับตำแหน่ง “สำรอง 1 - สำรอง 2” จ่อคิวกันอยู่ จึงเป็นเหตุให้ฝุ่นตลบอบอวลในช่วงเดือนที่ผ่านมา

แผลเก่าเมื่อครั้งจัดตั้งรอบแรกยังคาใจ “คนอกหัก” โดยเฉพาะ “สัดส่วน” ที่บางกลุ่มได้หลายเก้าอี้ ขณะที่บางมุ้งมีเยอะแต่ได้น้อย ไม่สมเหตุสมผลกับปริมาณ ส.ส.ในมือ ยิ่งเทียบกับ “พรรคร่วมฯ” แล้วยิ่งไปกันใหญ่

รอบนี้มันจึงเกิดการประลอง “กำลังภายใน” ด้วย “คณิตศาสตร์” ของแกนนำในพรรคพลังประชารัฐ ว่าใครมี ส.ส.ในมุ้งมากกว่ากัน

ตามจังหวะที่แต่ละก๊กก๊วนในพรรคได้กลิ่นปรับคณะรัฐมนตรี เริ่มจัดอีเวนต์แสดงพลัง นัยหนึ่ง “รักษาโควตา” อีกนัย “ต้องการเพิ่ม”

เริ่มจาก “ก๊วนสามมิตร” ของ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ-สมศักดิ์ เทพสุทิน” ผนึกกำลังกับ “ค่ายจอมยุทธ์” ที่นำโดย “เฮียกวง” สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ และ อุตตม สาวนายน รมว.คลัง และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่นัดกันรับประทานอาหารจีนที่โรงแรมสุโกศล ย่านพญาไท โดยระดมกำลัง ส.ส.ร่วมเฟรม เกือบ 50 ชีวิต เพื่อให้กำลังใจ “บิ๊กตู่” สู้ศึกซักฟอก

ภาพออกมายิ่งใหญ่ ดูเป็นก๊กขนาดมหึมาในพรรค

ร้อนถึง “เฮียยักษ์” วิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) ต้องสุมหัว “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี และประธาน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ แก้เกมทันควัน โดยการเชิญ ส.ส.ทุกคนในพรรคไปร่วมรับประทานอาหารกลางวันที่อาคารพาณิชย์ ตรงข้ามศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก

หน้าฉากปฏิเสธเสียงแข็งว่า ไม่ใช่การแสดงพลัง แต่ต้องการพาเพื่อน ส.ส.มาดู “ที่ทำการพรรคใหม่” ซึ่งโอ่โถงกว่า “อาคารปานศรี” ที่ทำการพรรคแห่งเก่า เหมาะสมฐานะแกนนำรัฐบาล

แต่ความจริง อ่านไม่ยากว่าต้องการ “บลัฟ” กลุ่มที่จัดก่อนหน้า ด้วยการเชิญ ส.ส.ทุกกลุ่มในพรรคมารับประทานอาหาร เกณฑ์ปริมาณให้มากกว่า “สามมิตร” ในครั้งก่อน

ซ้ำยังประกาศเลยว่า พรรคพลังประชารัฐไม่มีกลุ่มก้อน ทุกคนขึ้นตรงกับ “ป๋าป้อม” แห่งบ้านป่ารอยต่อฯเท่านั้น

ยก “บิ๊กป้อม” อยู่เหนือทุกคน ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ตัวแรกทำให้ “บิ๊กป้อม” ดูยิ่งใหญ่ ตัวที่สอง ส่งสัญญาณให้เห็น ข้านี่แหละ “เด็กนายตัวจริง”

ส่องรายชื่อ ส.ส.เกือบ 100 คนที่ร่วมรับประทานอาหารที่มี “เสี่ยเฮ้ง” เป็นเจ้าภาพในวันนั้น พบว่า มีทุกกลุ่มทุกก้อน ไม่ได้มีเฉพาะสาย “ส.-ว.” ผู้จัดงาน

ทั้งสาย “ส.-ว.” - “กทม.” - “สามมิตร” และพวก “ฟรีแลนซ์-ไซด์ไลน์” ที่ไปหา “รายได้เสริม” ในฐานะวอลเปเปอร์ประกอบฉากแสดงพลัง

ว่ากันว่า เมนูเด็ดสุดในโต๊ะคือ “กล้วยเครือใหญ่” ที่ผู้จัดตั้งใจเสิร์ฟ เพื่อภารกิจเกทับบลัฟแหลกมิตติ้งอาหารจีนของ “สามมิตร” เมื่อสัปดาห์ก่อนนู้น

จนมี “อาฟเตอร์ช็อก” ต่อเนื่องมาถึงสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อมีรายงานข่าวว่า เกิดการ “ประสานงา” เข้าอย่างจังที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดฯของ “ป๋าป้อม” ที่มีแกนนำพรรค 2 กลุ่ม ไปรอคิวขอเข้าพบ เพื่อเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้นในพรรค

กลุ่มหนึ่งนำโดย “เฮียยักษ์ - วิรัช” ที่หนีบเอา “เสี่ยโอ๋” ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ เลขาฯวิปรัฐบาล ที่ขอเข้าชี้แจง “ข่าวลือ” เกี่ยวกับการจัดโต๊ะจีนเลี้ยง ส.ส.เมื่อวันก่อน ที่ถูกพบว่า “ค่าน้ำร้อน” ส่งตรงออกมาจาก “บ้านป่าใหญ่” แต่ถูกเอาไปเคลมว่าเป็นของ “แคนดิเดทว่าที่รัฐมนตรีลำดับที่ 1”

ขณะที่อีกกลุ่มเป็น “ก๊วนผู้กอง” ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่ก็ไม่ธรรมดา มีผู้แทนฯทั้งใน-นอกพรรคมาซบไม่ต่ำกว่า “ครึ่งร้อย” ชีวิตด้วยกัน มาขอเข้าพบ “บิ๊กป้อม” เพื่อเสนอให้ปลด “เฮียยักษ์ - วิรัช” ออกจากตำแหน่งประธานวิปรัฐบาล เนื่องจากทำหน้าที่ผิดพลาดบกพร่อง จนฝ่ายรัฐบาลเพลี่ยงพล้ำเกมในสภาฯหลายครั้ง

แน่นอนว่า “บิ๊กป้อม” ไม่ต้องการให้เกิดกลุ่มก้อนในพรรค เพื่อต้องการให้เป็นหนึ่งเดียว
อย่างที่รู้กัน “เสี่ยเฮ้ง” ได้รับการผลักดันจาก “วิรัช” มาตั้งแต่เมื่อครั้งจัดตั้งคณะรัฐมนตรีครั้งแรก จนมีติดโผในตำแหน่ง “รมว.แรงงาน” โดยใช้ตัวเลข ส.ส.ที่รู้จักมักคุ้นในภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก ซึ่งกวาดที่นั่ง ส.ส.ให้พรรคได้จำนวนมาก เพื่อให้ผู้ใหญ่ปูนบำเหน็จ

หากแต่โควตาไม่เพียงพอ ทำให้สุดท้ายตกขบวนในรอบไฟนอล โดยหลังจากนั้น “วิรัช” ก็ควง “เสี่ยเฮ้ง” เข้าบ้าน “บิ๊กป้อม” อยู่เป็นประจำ เพื่อหวังจะปลุกปั้นเป็นเด็กสร้าง และหวังใช้ “เสี่ยเฮ้ง” ที่ถือเป็น “ขาประจำ” บ้านป่ารอยต่อฯ เป็นสะพานเชื่อมให้เข้าถึง “พี่ใหญ่พลังประชารัฐ” ด้วย

ความเป็นจริง “เสี่ยยักษ์ - วิรัช” เองสมหวังไปแล้วหลังกวาด ส.ส.นครราชสีมา เข้าสภาผู้แทนราษฎรให้พรรคพลังประชารัฐหลายคน จนได้โควตาส่วนตัว 1 ตำแหน่ง โดยยกให้ลูกชายคนโตอย่าง “เสี่ยแบงค์” อธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม เพราะตัวเองมีชนักปักหลังเรื่องทุจริตก่อสร้างสนามฟุตซอลใน จ.นครราชสีมา ซึ่งอยู่ระหว่างอัยการฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ต้องบอกว่า “วิรัช” นั้น ไม่ได้มี ส.ส.ในมือมากมาย หรือแทบจะกล่าวได้ว่า มีแต่คนในครอบครัวที่เข้าสภาฯ กันมาถึง 5 คน ได้แก่ตัว “วิรัช” ส.ส.บัญชีรายชื่อ, “เสี่ยแบงค์ - อธิรัฐ” ส.ส.นครราชสีมา, ศรีภรรยา ทัศนียา รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมา, “เสี่ยคลัง” ทวิรัฐ รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมา, น้องภรรยา ทัศนาพร เกษเมธีการุณ ส.ส.นครราชสีมา

ส่วน ส.ส.โคราชอีก 2 คนนั้น คือ เกษม ศุภรานนท์ และ สมศักดิ์ พันธ์เกษม แค่สนิทสนม แต่ไม่สามารถเคลมได้ว่า เป็นเด็กในสังกัด

ส่วน “เสี่ยเฮ้ง” ที่พยายามถีบตัวให้พ้นร่มเงา “ตระกูลคุณปลื้ม” ขึ้นมาใหญ่ใน จ.ชลบุรี ก็มี ส.ส.ที่อยู่ด้วยจริงๆไม่กี่หน่อ นับเน้นๆคงเฉพาะ ชลบุรี เขต 1-3 ที่เจ้าตัวดูแลเท่านั้น ส่วนที่เข้าหาก็เพราะถูกจริตความใจสปอร์ต ควักง่าย จ่ายคล่องของ “เสี่ยเฮ้ง” เท่านั้น

ขณะที่ตำแหน่ง “ประธาน ส.ส.” ของ “เสี่ยเฮ้ง” ก็มาจากไอเดีย “วิรัช” ที่ต้องการปลอบใจหลังผลักดันให้เป็นรัฐมนตรีไม่สำเร็จ เพื่อปูทางไว้สู่รอบต่อไป

แต่กระนั้น ไม่มีเพียง “เสี่ยเฮ้ง” คนเดียวในพรรคที่ต่อคิวรอเป็นรัฐมนตรี แต่ยังมีอีกตัวเต็งอย่าง “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท และรองประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ แห่ง “ค่ายสามมิตร” ที่ชอกช้ำมาจากครั้งก่อน

จึงเกิดปฏิบัติการช่วงชิงผลงาน และขนาดของหน้าตักว่า ใครกันแน่ที่มี ส.ส.มากกว่ากัน ระหว่าง “ก๊วน ส.-ว.” กับ “สามมิตร”

จะเห็นว่า “ก๊วน ส.-ว.” ที่อยู่ในอาณัติ “บ้านในป่าใหญ่” อยู่ไม่เป็นสุขทันทีที่เห็น “สามมิตร” รับประทานอาหารโต๊ะจีนที่โรงแรมสุโกศล แล้วพยายามจะเกทับบลัฟแหลก

หากแต่มันไม่สามารถเอามาเคลมได้ว่า นี่คือ ปริมาณ ส.ส.ของเขา เพราะจำนวนไม่น้อยในวันดังกล่าวมี ส.ส.ประเภท “ฟรีแลนซ์” นั่งอยู่เต็มไปหมด

ตามประสา “ฟรีแลนซ์” แล้ว พร้อมจะไปทุกที่ทุกเวทีหากมีการร้องขอ หรือมีค่าขนมนมเนยสำหรับการเสียเวลา บางวันโผล่กับกลุ่มนี้ อีกวันโผล่กับอีกกลุ่ม

พลันที่มี “ข่าวรั่ว” ว่า มี “บางคน” เคลมว่า “น้ำเลี้ยง” ที่มาจาก “ผู้ใหญ่” เป็นของตัวเอง ก็เลยเป็นเรื่อง และทำให้ “ก๊วนผู้กอง” ที่เป็นสายตรงสายป่าเช่นกัน ต้องออกแอกชันแรงๆ

ยังไม่รวม “กลุ่มเด็กกำนัน-กทม.” ภายใต้การนำทีมของ “ก๊วนลูกกรอก” อย่าง “เสี่ยตั้น” ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ และ “เสี่ยบี” พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่ระยะหลังดูจะจับกลุ่ม ส.ส.ไม่ติด ปล่อยหลายชีวิตไปติดสอยห้อยตาม “ก๊วนสุชาติ-วิรัช” แทน

ด้วยมีพันธกิจร่วมกันในการผลักดัน “เสี่ยตั้น” เป็นเลขาธิการพรรคแทน “เฮียสน” สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ มาแล้ว ซึ่งเคยรุกหนักมาแล้ว แต่ยังไม่สำเร็จ

ความเคลื่อนไหวของแต่ละก๊วนในพรรคพลังประชารัฐเวลานี้สะท้อนถึงความขัดแย้งแตกแยกอย่างชัดเจนก็จริง แต่เชื่อเหลือเกินว่าหลังศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ต่อเนื่องถึงการปรับ ครม.แล้วเสร็จ ความคุกรุ่นในพรรคจะสงบได้อย่างเหลือเชื่อ

ด้วย “แต้มต่อ” ของ “ระดับตัดสินใจ” ที่ใครก็เชื่อว่าจะเป็นรัฐบาลไปแบบยาวๆ ถึงจะผิดหวัง-อกหักขนาดไหน ก็คงไม่มีใครคิดจะตีออกจากรัฐบาลไป แค่ซดน้ำใบบัวบกอยู่กันไปแบบร้าวๆ มากกว่าที่จะแตกหัก อย่าง “กองแช่ง” หวังใจไว้

และเชื่อเถอะ ถ้ามีใครงอแงหนักๆ ระดับบารมี “ป๋าป้อม” กดปุ่มหย่าศึกได้อยู่แล้ว.


กำลังโหลดความคิดเห็น