xs
xsm
sm
md
lg

ตั้ง‘ดำเกิง’รักษาการผู้ว่าฯกทพ.-เซ็นสัญญาBEM ไม่เกิน21ก.พ.

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ผู้จัดการรายวัน360- บอร์ดกทพ.ตั้ง”ดำเกิง ปานขำ”รักษาการผู้ว่าฯคนใหม่ มีผล 20 ก.พ. ส่วนแก้สัญญาทางด่วนยุติพิพาท คาดเซ็น BEM ได้ไม่เกิน 21 ก.พ. รอตรวจทานรายละเอียดสุดท้าย “สุรงค์”ยัน เอกชนได้สิทธิ์ต่อสัญญาตามเงื่อนไขเดิม โดยยังเหลืออีก 4 ปี 4เดือน แต่ต้องเจรจาเงื่อนไขซึ่งเป็นเรื่องอนาคต

นายสุรงค์ บูลกุล ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด ) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ดกทพ. วันที่ 19 ก.พ. ได้มีมติแต่งตั้ง นายดำเกิง ปานขำ รองผู้ว่าการฝ่ายปฏิบัติการ กทพ. ทำหน้าที่รักษาการผู้ว่าฯกทพ.คนใหม่ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ. 2563 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นรองผู้ว่าฯ ที่มีอาวุโสสูงสุด ตามลำดับ

ส่วนกรณีที่นายวิชาญ เอกรินทรากุล รองผู้ว่าการ ฯ ฝ่ายกลยุทธ์และแผนงาน และทำหน้าที่รักษาการผู้ว่าฯกทพ.ได้ยื่นใบลาออก โดยจะมีผลวันที่ 3 มี.ค. 2563 เนื่องจากมีปัญหาเรื่องสุขภาพ ที่เพิ่งผ่าตัดและยังต้องรักษาตัว บอร์ดมีการพิจารณา โดยเห็นว่า นายวิชาญ ยังเป็นบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถที่เป็นประโยชน์ต่อกทพ.และยังสามารถทำงานได้ แต่ไม่พร้อมที่จะปฎิบัติหน้าที่รักษาการผู้ว่าฯกทพ. ได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบอร์ดได้มีมติยับยั้งใบลาออก โดยมอบหมายให้ไปเป็นที่ปรึกษา กทพ. และให้ทำหน้าที่ตามที่ ได้รับมอบหมายจากรักษาผู้ว่าฯ กทพ.คนใหม่มอบหมาย ซึ่งนายวิชาญ สมัครใจที่จะอยู่ทำงานต่อ ในตำแหน่งที่ปรึกษา

“ขณะนี้ อยู่ระหว่างกระบวนการสรรหาผู้ว่าฯกทพ.คนใหม่ ที่มี นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง(ทล.) เป็นประธานคณะกรรมการสรรหาฯ ซึ่งจะได้เร่งการสรรหา จึงเป็นช่วงรอยต่อที่ยังมีความเหมาะสมที่นายวิชาญ เอกรินทรากุล จะยังคงอยู่เพื่อช่วยงานในหน้าที่สามารถปฏิบัติงานได้ ซึ่งทั้ง นายวิชาญ มีความประสงค์ในการทำงานเพื่อช่วยงานกทพ.ในระหว่างนี้ ส่วนนายดำเกิง ได้ตอบรับกับบอร์ดในการปฎิบัติหน้าที่รักษาการผู้ว่าฯ ซึ่งถือว่าเป็นความเสียสละในการทำงาน”

คาดเซ็นสัญญา BEM ไม่เกิน21 ก.พ.นี้

นายสุรงค์กล่าวว่า ได้รายงานมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)เมื่อวันที่ 18 ก.พ. ที่เห็นชอบ แก้ไขสัญญาทางด่วน ขั้นที่ 2 (ส่วน A ,B ,C ) ทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน D และ สัญญาโครงการทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด (C บวก) เพื่อยุติข้อพิพาทระหว่าง กทพ. และ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ทั้ง 17 คดี ที่มีมูลค่าที่ 58,873 ล้านบาท โดยมีการต่อขยายสัญญาโครงการทางด่วน เป็นระยะเวลา 15 ปี 8 เดือน

โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนให้ทั้ง 2 ฝ่ายตรวจสอบสัญญาอีกครั้ง ในส่วนของรายละเอียดกระบวนการ เพื่อความรอบคอบและครบถ้วนสมบูรณ์ ซึ่งบอร์ดเห็นว่า ให้เช็ครายละเอียดทุกหัวข้อให้รอบคอบอีกครั้ง ทั้งเรื่องการเงิน การจราจร ความปลอดภัย ด้านวิศวกรรม การบำรุงรักษาต่างๆ โดยคาดว่าจะลงนามสัญญาแก้ไข ได้ภายในสัปดาห์นี้ หรือไม่เกินวันที่ 21 ก.พ. 2563 ซึ่งเป็นไปตามมติครม.และกระทรวงคมนาคมที่เร่งรัด

“ตอนนี้เป็นเรื่องของการเตรียมเอกสาร ความพร้อม ในหนังสือที่จะยื่นถอดถอนคดีทั้งหมด จึงต้องทำคู่ขนาน ซึ่งอัยการสูงสุดเข้ามาช่วยเพื่อให้ดำเนินการได้เร็วสุด และก่อนวันที่ 29 ก.พ. 2563 “

อย่างไรก็ตาม การแก้ไขโดยต่อสัญญาให้ BEM 15 ปี 8 เดือน เพื่อยุติข้อพิพาททั้งหมด โดยที่ค่าผ่านทางขึ้นครั้งเดียว ปี 2571 โดยปรับขึ้น 10 บาท ขณะที่ BEM ยังคงมีสิทธิ์ ได้ต่อสัญญาซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขข้อ 21 ของสัญญาเดิมอยู่ โดยมีสิทธิ์ 2 ครั้งๆ ละ 10 ปี ซึ่งBEM ขอสิทธิ์ในส่วนที่เหลือ นั่นหมายความว่า ในการต่อสัญญา 15 ปี 8 เดือน BEM ไปแล้วจะยังคงเหลือสิทธิ์อีก 4 ปี 4 เดือน ซึ่งไม่ใช่ได้ต่อโดยอัตโนมัติ แต่จะต้องมีการเจรจาเงื่อนไขและผลตอบแทนใหม่ ณ เวลานั้น ซึ่งเป็นไปตามสัญญาปกติทั่วไป

ส่วนก่อสร้างปรับปรุงทางด่วนชั้นที่ 2 (Double Deck) และแก้ปัญหาจราจรบนทางด่วนทั้งระบบ ซึ่งจะมีการก่อสร้างทางขึ้นลง ต่างๆ ทางเชื่อมต่างๆ นั้นทางกทพ.จะศึกษา ภายใน 2 ปี ซึ่ง Double Deck แรก ช่วงยมราช , มีทางเชื่อมกับ N1และN2 ,ทางเชื่อมท่าเรือกรุงเทพ, ทางลงยมราช เป็นต้น ซึ่งบอร์ดได้ตั้งกรรมการและจ้างที่ปรึกษา ต่อไป

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการก่อสร้าง Double Deck และทางเชื่อมต่างๆ อาจจะต้องเจรจา BEM ในการก่อสร้าง เพื่อไม่ให้มีปัญหากระทบต่อการจราจรบนทางด่วน ซึ่งเป็นเรื่องในอนาคต ขณะที่ หากมีทางด่วนชั้นที่ 2 แล้วปริมาณจราจรบนทางด่วนเพิ่ม กทพ.จะได้รับส่วนแบ่งรายได้เพิ่มเช่นกัน และหากBEM ต้องลงทุนเพิ่มอีกนอกเหนือจากข้อตกลงในสัญญานี้ สามารถเจรจาในการแบ่งรายได้หรือเพิ่มเวลาสัญญาได้ ในอนาคต


กำลังโหลดความคิดเห็น