xs
xsm
sm
md
lg

ยุติข้อพิพาททางด่วน-ครม.เคาะต่อสัญญา15ปี8เดือน-เร่งเซ็น“BEM”ถอนฟ้อง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน360- ครม.เห็นชอบต่อสัญญาทางด่วน 15 ปี 8 เดือน ยุติพิพาท 17 คดี กทพ.ประชุมบอร์ดวันนี้(19 ก.พ.) เร่งลงนามสัญญาและถอนฟ้องตามเงื่อนไข ก่อน 29 ก.พ. “ศักดิ์สยาม”ยัน BEM ยังมีสิทธิ์ต่อสัญญา 10 ปี 2 ครั้งตามสัญญาข้อ 21 โดยต้องเจรจาผลตอบแทนใหม่ ขณะที่จับตาบอร์ด ตั้งรักษาการผู้ว่าฯคนใหม่

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (18 ก.พ.) มีมติมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคม ในการแก้ไขสัญญาทางด่วนฉบับเดิม ซึ่งได้ผ่านการตรวจสอบจากอัยการสูงสุดแล้ว คือร่างสัญญาโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 (ฉบับแก้ไข ลงวันที่....) และร่างสัญญาโครงการทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด (ฉบับแก้ไข ลงวันที่....) เพื่อยุติข้อพิพาทระหว่าง การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เพื่อยุติข้อพิพาททั้ง 17 คดี ที่มีมูลค่าที่ 58,873 ล้านบาท

โดยมีการต่อขยายสัญญาโครงการทางด่วน เป็นระยะเวลา 15 ปี 8 เดือน โดยจะทำให้สัญญาสัมปทานทางด่วนขั้นที่ 2 (ส่วน A ,B ,C ) ทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน D และ สัญญาโครงการทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด (C บวก) สิ้นสุดพร้อมกันในวันที่ 31 ตุลาคม 2578

นอกจากนี้ ครม.เห็นชอบการส่งเรื่อง ให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI ) เข้ามาดำเนินการสอบสวน โดยยกขึ้นเป็นคดีพิเศษ

ครม.จำเป็นต้องเร่งพิจารณาเพราะ สัญญาทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน AB และ C จะสิ้นสุดลงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งหลังจากสัญญาสิ้นสุดแล้ว การเจรจาจะทำไม่ได้แล้ว ขณะที่สัญญาทางด่วนขั้นที่ 2 ได้ดำเนินการภายใต้พ.ร.บ.ร่วมทุนฯปี 2556 ซึ่งระบุว่ากรณีที่มีปัญหาสามารถเจรจาแก้ไขปรับปรุงสัญญาได้

หลังจากนี้ กทพ.และBEM จะต้องเร่งถอนคดีพิพาทที่มีต่อกัน ทั้ง 17 คดี โดยมีคดีที่สิ้นสุดแล้วคือ ข้อพิพาททางแข่งขัน รวมเป็นเงิน 4,359 ล้านบาท ทำให้ปัจจุบัน มีคดีที่กทพ.แพ้ ทั้งหมด 3 คดี รวมมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาท และมีอีก 11 คดีที่กทพ.แพ้ในชั้นคณะไกล่เกลี่ยและอนุญาโตตุลาการ เตรียมเสนอสู่ชั้นศาล มีเพียง 1 คดีที่ กทพ.ชนะ คิดเป็นมูลหนี้ 491 ล้านบาท ซึ่งครม.ได้ให้อัยการสูงสุด ส่งอัยการช่วยดำเนินการถอนข้อพิพาทด้วยเพื่อไม่ให้เกิดความเสียเปรียบ คาดว่าจะใช่เวลาประมาณ 5-7 วัน

ข้อพิพาททั้งหมด หากไม่ยุติ จะเกิดภาระดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ โดยจากการวิเคราะห์ คดีสุดท้ายจะตัดสินในปี 2578 หรืออีก 15 ปีข้างหน้า ซึ่งมี่รู้ว่าฝ่ายใด จะชนะ แต่มูลหนี้พิพาท จะเพิ่มไปถึง 3 แสนกว่าล้านบาท

สำหรับประเด็นที่สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ กทพ. สภาผู้แทนราษฎร์ และประชาชน สงสัย เช่น กรณีทางแข่งขัน ซึ่งเป็นสัญญาข้อ16 นั้น สัญญาแก้ไข ได้ตัดข้อนี้ออก จะไม่มีปัญหาเรื่องทางแข่งขันหลังจากนี้ ,การเจรจายุติทั้ง 17 คดี และตั้งแต่อดีต ปัจจุบันและอนาคต เป็นเรื่องที่เหมาะสม โดยรัฐไม่ต้องจ่ายเงิน มีการแก้ไขสัญญา และปรับค่าผ่านทางครั้งเดียวในปี 2571 จำนวน 10 บาท และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตามที่ครม.ประกาศ จะยกเว้นค่าผ่านทางด้วย

ประเด็นบางคดีขาดอายุความ 10ปี นั้น ได้ทำหนังสือถามอัยการสูงสุด และได้ตอบยืนยันมาที่กระทรวงการคลัง ว่าไม่มีคดีใดที่ขาดอายุความ ส่วนกรณีที่สหภาพฯกทพ.เป็นห่วงเรื่องการลงบัญชีหนี้ ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถจ่ายโบนัส ได้ 20 ปี เพราะบัญชีมีหนี้สะสม ซึ่งจากการสอบถามหน่วยงานเกี่ยวข้องทั้ง สตง, คนร. ยืนยันว่า หากเจรจาจบถอนคดีหมด จะไม่มีหนี้เกิดขึ้น

”ศักดิ์สยาม”ยัน BEMมีสิทธิ์ต่อสัญญา

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กทพ.และBEM จะต้องลงนามแก้ไขสัญญา ก่อนวันที่ 29 ก.พ. นี้ ซึ่งเมื่อกทพ.ผิดสัญญาจึงต้องชดเชยให้ BEM โดยไม่จ่ายเป็นเงิน แต่ชดเชยเป็นเวลา ซึ่งมี 3เรื่อง ที่ผิดสัญญาที่เอกชนมีสิทธิ์ฟ้องร้อง คือ 1. กรณีทางแข่งขัน จากโครงการดอนเมืองโทลล์เวย์ ช่วงอนุสรณ์สถาน-รังสิต 2. การปรับค่าผ่านทางทุก 5 ปี โดยอ้างอิง ดัชนีผู้บริโภค (CPI) ถึง 5% ซึ่งไม่ได้ปรับ เอกชนใช้สิทธิ์ฟ้องตามสัญญา3. การผิดสัญญา ในเรื่องการเช่าอาคารต่างๆ

ทั้งนี้ สัญญาที่แก้ไขโดยต่อสัญญาให้ BEM 15 ปี 8 เดือนนั้นเพื่อยุติข้อพิพาททั้งหมด โดยที่ค่าผ่านทางขึ้นครั้งเดียว ปี 2571 โดยปรับขึ้น 10 บาท ขณะที่ BEM ยังคงมีสิทธิ์ ได้ต่อสัญญาซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขข้อ 21 ของสัญญาเดิมอยู่ โดยมีสิทธิ์ 2 ครั้งๆ ละ 10 ปี โดยมีการเจรจาเงื่อนไขและผลตอบแทนใหม่ ณ เวลานั้น

ส่วนก่อสร้างปรับปรุงทางด่วนชั้นที่ 2 (Double Deck) และแก้ปัญหาจราจรบนทางด่วนทั้งระบบ กระทรวงคมนาคมจะศึกษาโดยใช้เวลา 2 ปี โดย คณะกรรมการ(บอร์ด) เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 62ได้อนุมัติ โครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ตอนN2 เชื่อมต่อไปยังถนนวงแหวนรอบนอก กทม.ด้านตะวันออก ระยะทาง 10.5 กม. วงเงิน 15,200 ล้านบาท โดยใช้เงินลงทุน จากกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย

จับตาประชุมบอร์ดกทพ.วันนี้(19 ก.พ.)

นายสุรงค์ บูลกุล ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด ) กทพ. กล่าวว่า จะประชุมบอร์ดกทพ. ในวันนี้ (19 ก.พ.) เพื่อรายงานมติครม. จากนั้นจะเร่งการลงนามสัญญาและดำเนินการถอนฟ้องข้อพิพาททั้งหมด ส่วนกรณีที่รักษาการผู้ว่าฯกทพ.ลาออกนั้นบอร์ดจะมีการพิจารณาต่อไป

ทั้งนี้ กทพ. และ BEM ตกลง เพื่อยุติข้อพิพาทที่มีทั้งหมด ด้วยการแก้ไขสัญญา 3 ฉบับ ออกไปสิ้นสุดพร้อมกัน ปี 2571 โดยไม่มีการลงทุนก่อสร้างปรับปรุงทางด่วนชั้นที่ 2 (Double Deck) ซึ่งเรื่องทางด่วน 2 ชั้น กทพ.จะศึกษาเองทั้งระบบ

นายชยธรรม์ พรหมศร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวว่า สนข.ได้ใช้เครื่องมือในการประเมินตัวเลข ค่าเสียหาย และระยะเวลาต่อสัญญาที่เหมาะสม โดยใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ โมเดล eBUM มีการคาดการณ์ปริมาณจราจร การเดินทางรูปแบบการเดินทางในโมเดลต่างๆ จะมีผลต่อปริมาณการจราจรในแต่ละเส้นทางขนส่ง ข้อมูลที่นำมาใส่เข้าโมเดล eBUMมาจากหน่วยงานที่เชื่อมถือได้ ทั้งสถาพัฒน์ สำนักงานสถิติแห่งชาติ กรมการปกครองฯลฯ ที่มีการ คาดการณ์จากจำนวนประชาชนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และการเดินทาง รายได้

ซึ่งปริมาณจราจรจะเป็นตัวที่จะคำนวณรายได้ค่าผ่านทาง และหลังแบ่งให้กทพ. 60% หัก ค่าซ่อมบำรุง ค่าใช้จ่าย จะเหลือเป็นรายได้ที่จะนำไปหักเป็นค่าหนี้ จากการวิเคราะห์ตัวเลข ได้มูลหนี้ 7.8 หมื่นล้านบาท ออกมาที่เวลา 19 ปี 1 เดือน ดังนั้น จากการเจรจาต่อรอง ที่15 ปี 8 เดือน จึงสมเหตุ สมผล

รายงานข่าวแจ้งว่า คาดว่า ที่ประชุมบอร์ดกทพ. 19 ก.พ. จะมีการตั้งนายดำเกิง ปานขำ รองผู้ว่าการฝ่ายปฏิบัติการ กทพ. ทำหน้าที่รักษาการผู้ว่าฯกทพ.ใหม่ หลังจากที่ นายวิชาญ เอกรินทรากุล รองผู้ว่าการ ได้ยื่นลาออก รักษาการผู้ว่าฯกทพ. ซึ่งจะมีผลวันที่ 3 มี.ค. 63


กำลังโหลดความคิดเห็น