xs
xsm
sm
md
lg

ธงแดงแห่งการแก้แค้น!!!

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท


จาเร็ด คุชเนอร์
ด้วยเหตุเพราะดันเกิดอาการไอ เจ็บคอ เหนื่อยหอบ ฯลฯ เนื่องจากต้องเจอกับข่าวเรื่อง “ไวรัสอู่ฮั่น” ชนิดแทบจะวันละ 3 เวลาหลังอาหาร หรือไม่ อย่างไร ก็มิอาจสรุปได้ เปิดฉากสัปดาห์นี้...เลยคงต้องขออนุญาตฉีกกรอบ แหกกรอบ ไปว่ากันถึงฉากสถานการณ์ในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะในประเทศอิรักกันแทนที่ อย่างน้อย...ก็เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศให้พ้นๆ ไปจากอาการ หูแหก-ตาแหก ในเรื่องโรคหวัด โรคปอดอักเสบ ซึ่งกำลังถูกขยายข่าว ขยายผล อย่างเป็นระบบและกิจการกันในช่วงระยะนี้...

คือเรื่องของความเปลี่ยนแปลงในประเทศที่ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในภูมิภาคตะวันออกกลางอย่างอิรักนั้น...ต้องถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างฉกาจฉกรรจ์เอามากๆ ชนิดที่สิ่งที่ลูกเขยชาวยิวของประธานาธิบดีอเมริกัน “นายจาเร็ด คุชเนอร์” พยายามเสกสรรปั้นแต่งให้กลายเป็น “ข้อตกลงแห่งศตวรรษ” (Deal of the Century) และเพิ่งป่าวประกาศออกมาเมื่อไม่กี่วันมานี้ หลังจากที่อัดอั้นมานาน ด้วยการยกกรุงเยรูซาเล็มให้เป็นของอิสราเอลแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ผนวกหุบเขาจอร์แดน เขตฉนวนกาซา ไปจนถึงที่ราบสูงโกลันของซีเรีย ฯลฯ ให้เป็นดินแดนของชาวยิวไปเป็นแถบๆ มันจะเป็นไปได้-เป็นไปไม่ได้ ไม่เพียงแต่ต้องฝ่าฝืนกฎหมายระหว่างประเทศ และขัดแย้งกับมติสหประชาชาติแต่เพียงเท่านั้น แต่ยังหนีไม่พ้นต้องอาศัย “อำนาจทางทหาร” ทุบโต๊ะ หรือหักด้ามพร้าด้วยเข่า เอาดื้อๆ...

ดังนั้น...มันจึงมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องอย่างแยกไม่ออกไปจากบทบาทและอิทธิพลทางทหารของอเมริกาในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะในประเทศที่ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญอย่างอิรักนั่นแหละ ที่มีกำลังทหารอเมริกันกว่า 5,200 นาย ประจำการอยู่ในฐานทัพต่างๆ โดยไม่คิดจะออก ไม่คิดจะถอนทหารออกจากดินแดนแห่งนี้โดยเด็ดขาด แม้ว่าจะถูกเสือกไสไล่ส่ง ถูกรัฐสภาอิรักลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ ให้หาทางดำเนินการให้กองทัพต่างชาติ ที่นำโดยอเมริกาออกจากประเทศของตัวเองไปโดยไว แต่การตื๊ออยู่ การแสดงอาการ “ดื้อตาใส” โดยหันมาข่มขู่คุกคามรัฐบาลอิรัก ว่าจะอายัดบัญชีรายได้ในธนาคารที่ฝากไว้ในสหรัฐฯ ไปจนถึงการแซงชั่นประเทศอิรัก จนอาจต้องล่มสลายทางเศรษฐกิจเอาดื้อๆ สิ่งเหล่านี้...จะช่วยให้กองทัพอเมริกัน ยังสามารถตื๊ออยู่ ทนอยู่ ในประเทศอิรักได้อีกต่อไปหรือไม่ อันนี้นี่แหละ...ที่ถือเป็น “จุดเปลี่ยน” ที่น่าสนใจเอามากๆ...

โดยถ้าว่ากันตามแนวคิด ข้อวิเคราะห์ของที่ปรึกษาผู้นำสูงสุดด้านกิจการต่างประเทศ และอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านต่อเนื่องยาวนานมาหลายสมัย “นายอาลี อักบาร์ เวลายาติ” (Ali Akbar Velayati) โอกาสของการตื๊ออยู่ ทนอยู่ ของกองทัพอเมริกันในอิรักนั้น น่าจะแทบไม่เหลือ หรือคงหนีไม่พ้นต้อง “แยงกี้-โกโฮม” กัน ณ วันใด วันหนึ่ง ขึ้นมาจนได้ และข้อวิเคราะห์ ข้อสมมติฐานที่ว่านี้ ก็ใช่ว่าจะเกิดจากอารมณ์ความรู้สึกแค้นตาแม้น หรือความจงเกลียด จงชัง ต่อกองทัพและรัฐบาลอเมริกันเพียงล้วนๆ เท่านั้น เพราะถ้าดูจาก “เหตุปัจจัย” หรือสภาพแวดล้อมโดยรวม ความพยายามดิ้นรนอยู่ในดินแดนอิรักอีกต่อไป ของกองทัพอเมริกันนั้น นับวันจะก่อให้เกิดอาการอ้วกแตก-อ้วกแตน ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าต่อชีวิตทหารอเมริกัน หรือต่อกระทรวงกลาโหมอเมริกา ที่เป็นผู้ต้องรับผิดชอบต่อชะตากรรมของทหารอเมริกันทั้งในปัจจุบันและอนาคตเบื้องหน้า...

พูดง่ายๆ ว่า...ถ้าดูจากการล้างแค้น เอาคืนของฝ่ายอิหร่าน ต่อการ “ลอบสังหาร” ผู้นำกองบัญชาการ “Quds Force” นายพล “กอเซ็ม สุไลมานี” และรองผู้บัญชาการกองกำลัง “PMF” (Iraqi Popular Forces) ของอิรักไปเมื่อเร็วๆ นี้ ด้วยการถล่มขีปนาวุธนับสิบๆ ลูกใส่ฐานทัพอเมริกันในอิรัก แม้ไม่มีใครตาย (ตามที่รัฐบาลหรือประธานาธิบดีอเมริกันกล่าวอ้าง) แต่ก็น่าจะก่อให้เกิดความหวาดหวั่นขวัญสยองต่อบรรดาทหารอเมริกันไปจนถึงพันธมิตรทางทหารที่ร่วมปักหลักอยู่ในดินแดนอิรัก ชนิดขนหัวลุก ขนคอตั้งกันไปเป็นแถบๆ ไม่ว่าจะโดยการรายงานข่าวโดยผู้สื่อข่าว “CNN” อย่าง “Arwa Damon” หรือผู้สื่อข่าวทีวีช่อง 12 ของเดนมาร์ก “Rasmus Tantholdelt” ที่มีโอกาสเข้าไปสัมภาษณ์ ถามความรู้สึกนึกคิดของทหารอเมริกันและทหารเดนมาร์ก ในฐานทัพ “Ein Al-Assad” หลังจากบ้องข้าวหลามยักษ์ของอิหร่านหล่นใส่หัวกบาลกันเป็นชุดๆ โดยคำพูด คำจาที่ถูกถ่ายทอดออกมาในแต่ละประโยค ต้องเรียกว่า...หนักซะยิ่งกว่าผู้ที่เพิ่งได้ดูหนังสยองขวัญเรื่อง “ศุกร์ 13 ฝันหวาน” หรือผู้ที่เพิ่งหลุดรอดออกจาก “นรก” มาหมาดๆ อะไรทำนองนั้น...

อย่างเช่น “พันเอกStaci Coleman” แห่งกองทัพอเมริกัน ที่สรุปเอาไว้ว่า “แม้เราอยู่ในอุโมงค์ภายในบังเกอร์ แต่คลื่นแห่งความสั่นสะเทือนนั้น ร้ายกาจและรุนแรงเอามากๆ มันยากเหลือเกินที่จะอธิบาย แต่บอกได้ว่าเป็นอะไรที่น่ากลัวแบบสุดๆ” ไม่ต่างไปจากทหารเดนมาร์ก ที่สรุปว่า “มันน่าสยดสยอง จนไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดได้ และใครก็ตามก็ไม่ควรต้องเจอประสบการณ์เช่นนี้ เพราะเราไม่สามารถใช้ประสบการณ์ในการฝึกรับมือกับมันได้เลย ได้แต่ยอมรับสภาพโดยทำอะไรแทบไม่ได้...” ตัวเลขการบาดเจ็บจาก “อาการทางสมอง” ของบรรดาทหารอเมริกันในฐานทัพ “Ein Al-Assad” ที่ต้องถูกส่งกลับไปรักษาตัวตามสถานที่ต่างๆ มันจึงปาเข้าไปกว่า 60 กว่ารายแล้ว ในทุกวันนี้ รวมทั้งทหารเดนมาร์กที่ต้องตัดสินใจถอนทหารจำนวน 500 คนออกจากฐานทัพอิรัก ไปอยู่ในคูเวตกันแทนที่...

นอกเหนือไปจากการถล่มขีปนาวุธเข้าใส่ฐานทัพอเมริกาอย่างเป็นระลอก กระทั่งสถานทูตอเมริกันในอิรัก ก็เพิ่งโดนจรวดจากผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม ถล่มเข้าใส่อีกประมาณ 3-5 ลูก เมื่อช่วงวันอาทิตย์ (26 ม.ค.) ที่ผ่านมา ชนิดแทบไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใคร เพราะไม่ว่าอิหร่าน กองกำลัง “PMF” ของอิรัก ไปจนถึงพวกเฮซบอลเลาะห์ ฯลฯ ต่างพร้อมตั้งตัวเป็น “โจทก์” ต่อกองทัพอเมริกันไปด้วยกันทั้งนั้น ขณะที่กระทรวงกลาโหมหรือเพนตากอน พยายามหาทางป้องกัน “ขวัญ” และ “กำลังใจ” ของบรรดาทหารที่ต้องเผชิญกับชะตากรรมอันน่าสยดสยอง ด้วยการคิดเอาระบบป้องกันภัยทางอากาศ อย่างจรวด “แพทริออต” เข้าไปติดตั้งไว้ในดินแดนอิรัก ตามคำพูด คำให้สัมภาษณ์ ของประธานเสนาธิการร่วม อย่าง “พลเอกมาร์ค มิลลีย์” (Marl A. Milley) เมื่อช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่ที่ว่า การนำเอาระบบป้องกันชนิดนี้เข้าไปไว้ในดินแดนอิรัก จะต้องได้รับคำอนุญาตจากรัฐบาลอิรักซะก่อน ซึ่งแม้เป็นแค่ “รัฐบาลรักษาการ” ก็ตามที แต่ก็แสดงอาการอยากให้กองทัพอเมริกันออกไปจากประเทศให้พ้นๆ อย่างเห็นได้ชัด ชนิดถึงกับจัดตั้ง “คณะกรรมการเพื่อการถอนทหารต่างชาติ” เอาไว้รองรับเรียบร้อยแล้ว...

อีกทั้งบรรดา “มวลชน” ไม่ว่าโดยการจัดตั้งเครือข่ายของนายพล “สุไลมานี” หรืออดีตรองผู้บัญชาการ “PMF” ที่ถูกลอบสังหารไปพร้อมๆ กันก็แล้วแต่ ที่แสดงอาการจงเกลียด จงชังต่อกองทัพอเมริกัน คงต้องยอมรับว่า...มีอยู่เยอะแยะมากมายซะเหลือเกิน เรียกว่า...ออกกันมาเป็นล้านๆ เมื่อช่วงวันศุกร์ (24 ม.ค.) เพื่อสร้างกระแสกดดันรัฐบาล ให้หาทางขับไล่กองทหารต่างชาติออกจากอิรักกันโดยไว และคงทำให้รัฐบาลใดก็ตาม ไม่ว่ารักษาการ หรือที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่ ย่อมมิอาจ “ฝืนกระแส” ความปรารถนาความต้องการเช่นนี้ได้อีกต่อไป ยิ่งได้รับแรงหนุนจาก “พันธมิตรรายใหม่” อย่างคุณพี่จีน ที่พร้อมเข้าไปรองรับบทบาทด้านต่างๆ ในอิรักแทนที่บทบาทของอเมริกา ไม่ว่าการเงิน การลงทุน การฟื้นฟูบูรณะอิรัก หรือแม้แต่ “การทหาร” โดยเฉพาะหลังจากที่ต้องเจอเข้ากับ “สงครามชีวภาพ” ภายในประเทศตัวเอง ก็น่าจะยิ่งเกิดแรงกระตุ้น แรงจูงใจ ยิ่งขึ้นไปใหญ่ สิ่งเหล่านี้นี่เอง...ที่น่าจะทำให้ “ธงแดงแห่งการแก้แค้น” ซึ่งถูกชักขึ้นสู่ยอดโดมของอิหร่าน โดยมีเป้าหมายเพื่อ “ขับไล่ฐานทัพอเมริกัน” ออกจากตะวันออกกลางในขั้นตอนสุดท้าย น่าจะได้รับการตอบสนอง หรือน่าจะเป็นไปตามความหวัง ความต้องการ ในอีกไม่ช้า-ไม่นาน นับจากนี้เป็นต้นไป...
กำลังโหลดความคิดเห็น