มาถึงขั้นนี้...ต้องเรียกว่าโลกทั้งโลกนั่นแหละทั่น ต่างหนีไม่พ้นต้องหันจับตาการแก้แค้น เอาคืนของอิหร่าน ต่อการ “ก่อการร้ายข้ามชาติ” หรือการ “ลอบสังหาร” “นายพลกอเซ็ม สุไลมานี” ผู้บัญชาการกองกำลัง “Quds Force” ของอิหร่าน ตามคำสั่งแบบบ้าๆ ของ “ทรัมป์บ้า” ว่าจะออกมาในรูปไหน? เมื่อไหร่? และอย่างไร???
เพราะขนาดยังไม่ทันได้แก้แค้น เอาคืน...ผู้นำอเมริกาก็ได้ออกมา “ขู่” เอาไว้แล้วล่วงหน้าแบบชนิด “เสือล้างสิงห์ เจอลิงล้างก้น” ด้วยการ “ทวีต” เอาไว้เมื่อช่วงวันอาทิตย์ (5 ม.ค.) ที่ผ่านมา ว่าถ้าหากอเมริกาถูก “ล้าง” ขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็พร้อมจะล้างตอบ เช็ดตอบใส่อิหร่านในแบบฉับพลัน-ทันที ถึงขั้นกากบาทประกาศเป้าหมายการโจมตีล่วงหน้าเอาไว้ถึง 52 จุดด้วยกัน แถมคุยโม้ คุยโต เอาไว้ซะอีกด้วยว่าจะโจมตีด้วย “ยุทโธปกรณ์ใหม่ล่าสุด” แบบ “รุนแรงและรวดเร็ว” เอามากๆ ส่วนจะเป็นการคุยโม้ คุยโตในแบบ “ปากกล้า-ขาสั่น” หรือไม่ อย่างไรนั้น ก็อาจต้องหันไปชั่งน้ำหนัก หันไปฟังคำบอกเล่าของผู้อำนวยการศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์อิหร่าน “พลเอกAhmad Reza Pourdstan” ที่ออกมาให้ข่าวเมื่อช่วงวันเดียวกันเอาไว้ประมาณว่า รัฐบาลอเมริกันได้ลงทุนขอร้องชาติต่างๆ ถึง 16 ชาติด้วยกัน เพื่อให้เป็น “ตัวกลาง” เกลี้ยกล่อมไม่ให้อิหร่านคิดล้างแค้นใดๆ อีกต่อไป...
แต่เอาเป็นว่า...ไม่ว่าเสือจะล้างสิงห์ หรือลิงจะล้างก้น ก็ตามที แต่งานนี้....คงต้องเรียกว่า “หนาวว์ว์ว์” กันไปเป็นแถบๆ สำหรับ “ผลลัพธ์” ซึ่งกำลังจะตามมา จากการตัดสินใจแบบ “บ้าๆ” ของผู้นำอเมริกาในคราวนี้ เพราะการล้างกันไป-ล้างกันมานั้น สุดท้ายแล้ว...คงหนีไม่พ้นต้องบานปลาย ปลายบาน ไปสู่ “สงคราม” ชนิดอาจกลายเป็นสงครามระดับโลกเอาง่ายๆ และนั่นเองที่ทำให้บรรดาอเมริกันชนจำนวนไม่น้อย ไม่ว่าในวอชิงตัน ดี.ซี. ชิคาโก นิวยอร์ก ฯลฯ จึงพร้อมใจกัน “ลงถนน” หรือพร้อมใจออกมา “วิ่งไล่ลุง” แสดงความไม่พอใจต่อประธานาธิบดีของตัวเอง ที่กำลังจะกลายเป็นผู้ “จุดชนวนสงคราม” ไม่ว่าในระดับโลกหรือในระดับภูมิภาคก็แล้วแต่ แถมเรียกร้องให้ “ถอนทหารอเมริกัน” ออกจากตะวันออกกลาง ให้สิ้นเรื่อง สิ้นราว ไปซะที และนั่นอาจส่งผลให้ “คะแนนนิยม” ของ “ทรัมป์บ้า” ลดฮวบๆ ฮาบๆ เอาง่ายๆ...
อย่างไรก็ตาม...สำหรับฝ่ายอิหร่านนั้น แม้จะมีความชอบธรรม มีเหตุผล เงื่อนไข และข้ออ้างมากพอ ในอันที่จะแก้แค้นเอาคืนต่อรัฐบาลอเมริกาเมื่อไหร่ และแบบไหน ก็ย่อมได้ แต่ถ้าฟังสุ้มเสียงจากโฆษกกองทัพอิหร่าน “พลเอกAbolfazl Shekarchi” ที่ออกมาสรุปเอาไว้ด้วยถ้อยคำแบบสั้นๆ ง่ายๆ แต่ออกจะลุ่มลึกและหนักแน่นมิใช่น้อย นั่นก็คือคำว่า “Iran’s Revenge Will be Harsh But Not Hasty” หรือยังไงๆ อิหร่านคงต้องแก้แค้นเอาคืนแบบชนิดเจ็บแสบ แปลบดากอยู่แล้วแน่ๆ เพียงแต่ไม่จำเป็นที่จะต้องเร่งร้อนลุกลี้ลุกลนแต่อย่างใด และก็คงไม่ใช่แต่เฉพาะโฆษกกองทัพอิหร่านเท่านั้น ที่เห็นไปในแนวนี้ ถ้าดูจากบทบาทความเคลื่อนไหวของรัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน “นายโมฮัมหมัด จาวาด ซารีฟ” (Mohammad Javad Zarif) ก็ดูจะไม่ได้ผิดแผกแตกต่างไปจากกันสักเท่าไหร่ คือไม่ได้ออกไปทาง “บ้ามา-ก็บ้าไป” แต่ค่อนข้างที่จะสุขุมลุ่มลึกมิใช่น้อย...
นั่นก็คือ...เริ่มด้วยการออก “เดินสาย” ไปพบปะเจรจา หรือยกหูโทรศัพท์ปรึกษา หารือกับพันธมิตรรายสำคัญ ไม่ว่ากับรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย “นายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ” (Sergey Lavrov) และรัฐมนตรีต่างประเทศจีน “นายหวัง อี้” (Wang Yi) ไปจนถึงรัฐมนตรีต่างประเทศตุรกี “นายเมฟลุต คาวูโซกลู” (Mevlut Cavusoglu) รวมไปถึงการพบปะอย่างเป็นส่วนตัวกับรัฐมนตรีต่างประเทศกาตาร์ ก่อนที่จะมีกำหนดการบินไปตามคำเชิญของกลุ่มประเทศอียู เพื่อพบปะหารือกันในเรื่องราวเหล่านี้ในอีกวัน-สองวันนี้ ฯลฯหรือพูดง่ายๆ ว่า...ไม่ว่าอิหร่านจะแก้แค้นเอาคืนกันในแบบไหน ลักษณะไหน หรือเมื่อไหร่ มันน่าจะต้องมี “ความชอบธรรม” ในระดับระหว่างประเทศรองรับเอาไว้อยู่พอสมควรทีเดียว หรือคงไม่น่าจะออกไปทาง “ก่อการร้าย” แบบหยาบๆ ง่ายๆ หรือบ้าๆ อย่างที่ผู้นำอเมริกาได้แสดงให้เห็นเป็นแบบอย่างที่ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างอยู่ในทุกวันนี้...
และดูเหมือนว่า...การอาศัยความสุขุมลุ่มลึกแบบไม่จำเป็นต้องเร่งร้อน ลุกลี้ลุกลน(Hasty) อาจส่งผลให้การแก้แค้นเอาคืนของอิหร่านยิ่งเป็นไปในแบบเจ็บแสบ แปลบดาก (Harsh) ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น เพราะขนาดที่ยังไม่ได้ลงมือ ลงตีนใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย เมื่อช่วงวันอาทิตย์ (5 ม.ค.) ที่ผ่านมา “รัฐสภาอิรัก” ก็ได้ลงมติกันอย่างเป็นเอกฉันท์ เรียกร้องให้รัฐบาลรักษาการของอิรักยกเลิกข้อตกลงความร่วมมือทางทหาร กับกองกำลังอเมริกันและพันธมิตร ที่อ้างว่าเข้ามาช่วยเหลืออิรักในการปราบปรามผู้ก่อการร้ายไอเอส หรือไอซิส ซึ่งเคยยึดดินแดนบางส่วนของอิรักมาก่อนหน้านี้ ด้วยเหตุผลที่ว่า...ในเมื่อพวกไอซิสได้พ่ายแพ้หนียะย่าย พ่ายจะแจไปหมดแล้ว ก็ไม่ควรที่จะคงกองกำลังต่างชาติใดๆ เอาไว้ในอิรักอีกต่อไป และควรที่จะปิดฐานทัพอากาศของกองกำลังสหรัฐฯ และพันธมิตร หรือให้หันไป “ถีบอเมริกัน” ออกจากประเทศตัวเองโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ รวมทั้งยังคิดจะเสนอข้อร้องเรียนไปยังสหประชาชาติ ถึงการ “ละเมิดอธิปไตย” ของอิรัก โดยกองทัพอเมริกันในอิรักอีกด้วยต่างหาก โดยเฉพาะเมื่อนายกรัฐมนตรีรักษาการ อย่าง “นายAdel Abdul Mahdi” ได้ออกมาเปิดเผยเอาไว้ชัด ว่าขณะที่ “นายพลกอเซ็ม สุไลมานี” กำลังมีกำหนดเดินทางมาพบปะกับตัวเอง ทหารอเมริกันได้แจ้งให้ทราบเพียงแค่ไม่กี่นาทีว่าคิดจะ “เด็ดหัว” นายพลผู้นี้ และแม้นายกฯ อิรักจะปฏิเสธโดยเด็ดขาด แต่ถึงกระนั้น...ทหารอเมริกันในอิรักก็ยังไม่ฟังอีร้าค่าอีรมใดๆ อันถือเป็นการละเมิดอธิปไตยของอิรักอย่างชัดเจน การปิดฐานทัพอเมริกันโดยเร็วที่สุด จึงถือเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับประเทศที่เป็นเอกราชอย่างอิรัก...
หรือพูดง่ายๆ ว่า...จากที่ผู้นำอเมริกาอย่าง “ทรัมป์บ้า” ได้เคย “ทวีต” ยุแยง ตะแคงรั่ว เมื่อแค่ไม่กี่วันมานี้นี่เอง เพื่อให้บรรดา “ชาวอิรักนับล้านๆ” ตัดสินใจเลือกข้างอเมริกาแล้ว “ถีบอิหร่าน” ออกไป แต่มาถึง ณ วินาทีนี้ รัฐสภาอิรักโดยเสียงข้างมากอย่างเป็นเอกฉันท์ ได้ตัดสินใจหันไป “ถีบอเมริกา” กันแทนที่ ชนิดเผลอๆ...การ “ถอนทหารอเมริกัน” ออกจากพื้นที่ต่างๆ ในตะวันออกกลาง อาจตามมาอย่างเป็นระลอก โดยเฉพาะถ้าการแก้แค้น เอาคืนของอิหร่าน เป็นไปอย่างสุขุม ลุ่มลึก และโดยมีพื้นฐาน “ความชอบธรรม” รองรับเอาไว้ในแต่ละขั้นแต่ละตอน และนั่นอาจทำให้ฉากสถานการณ์ในตะวันออกกลางไม่ถึงกับต้องลุกลามบานปลายไปสู่ “สงคราม” ไม่ว่าจะในระดับภูมิภาค หรือระดับโลก เพราะด้วยการอาศัยหนทาง หรือแนวทางแห่ง “สันติภาพ” นี่เอง ที่จะทำให้ “เครื่องจักรแห่งการสังหาร” อย่างกองทัพสหรัฐฯ ไม่มีโอกาสใดๆ ที่จะเปล่งอานุภาพ หรือศักยภาพแห่งการทำลายล้าง จนสุดท้าย...มีแต่ต้อง “เหี่ยวปลาย” ลงไปเอง พร้อมกับความล่มสลายของจักรวรรดิอเมริกา หรือ “อวสานอเมริกา” กันในขั้นตอนสุดท้าย...นั่นแล...