ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - อ่วมอรทัยกันเลยทีเดียว
อาการของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ต้องเผชิญกับความท้าทายต่อ “ภาวะผู้นำ” รับมือกับการแก้ไขปัญหา “ฝุ่นจิ๋ว PM2.5” จนมาถึงการรับมือสถานการณ์ “ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่” ที่ระบาดในประเทศจีน แต่ถูกนำหยิบมาเป็นประเด็นกระทุ้ง “นายกฯตู่” อย่างต่อเนื่อง
เป็นจังหวะที่ “ฝ่ายตรงข้าม” ทั้ง “เบอร์ใหญ่ - เบอร์รอง” และ “เกรียนคีย์บอร์ด” สามัคคีกันนำ “ข่าวจริง-ข่าวลวง” มาเล่นกระแส พร้อมทั้งดันแฮชแทก “#รัฐบาลเฮงซวย” จนขึ้นอันดับ 1 ในโลกทวิตเตอร์
หลังถูกโจมตีอย่างหนักหน่วง ก็ทำให้ “บิ๊กตู่” จำเป็นต้องออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการผ่านทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เพื่อรายงานความคืบหน้า มาตรการรับมือของรัฐบาล ทั้งเรื่องฝุ่นพิษ และโรคระบาดจากประเทศจีน ว่ารัฐบาลยังควบคุมสถานการณ์ได้ 100 เปอร์เซ็นต์
โดยเฉพาะประเด็นหลังที่มีการ “ปั่นกระแส” ถล่มรัฐบาลอย่างมี “นัย” จน “นายกฯตู่” ยังต้องกล่าวถึง “ข่าวปลอม” ที่ระบาดยิ่งกว่าไวรัสจากจีนในการออกแถลงการณ์
กระทั่งล่าสุดมีรายงานข่าวว่า “บิ๊กตู่” มีอาการป่วย ต้องนอนพักรักษาตัวที่บ้านพักตามคำแนะนำของแพทย์ จนต้องยกเลิกวาระงานในช่วงนี้ ก็ถูกหยิบโยงว่า อาจได้รับ “เชื้อไวรัสโคโรนา” หลังเดินทางไปตรวจติดตาม การปฏิบัติงานด่านควบคุมโรคท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา
ทำให้ “ลุงตู่” ต้องงัดสมาร์ทโฟนคู่ใจขึ้นมาทวีตข้อความมผ่านทางทวิตเตอร์ "ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-chaว่า" บ้างว่า “ช่วงนี้ข่าวปลอมเยอะครับ ผมขอให้ทุกคนรับข่าวสารอย่างมีสติ จากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ข้อมูล #ไวรัสโคโรนา สามารถติดตามได้ทุกวันจากศูนย์ปฏิบัติการฯ กระทรวงสาธารณสุข ที่จะเพิ่มความถี่การรายงานเป็นวันละ 2 รอบ 10.00 น.และ 15.00 น. หรือโทรสายด่วน 1422 วันนี้ผมลาป่วยเป็นไข้หวัดเล็กน้อย พักผ่อนตามคำสั่งแพทย์ครับ”
กลายเป็นว่า รัฐบาลต้องหันมารับมือกับ “ข่าวปลอม -ข่าวลวง” ที่ระบาดหนักยิ่งกว่าเชื้อไวรัสเสียอีก
เดดล็อก“พ.ร.บ.งบฯ”หืดขึ้นคอ
หันกลับมาที่สมรภูมิการเมืองกันบ้าง หลังเกิด “อุบัติเหตุ” ทำให้ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาทต้องสะดุด จาก “เรื่องไม่ใช่เรื่อง” ที่มีการแฉกันเองของ “พรรคร่วมรัฐบาล” ว่ามีการ “เสียบบัตรแทนกัน” จนทำท่าว่าร่าง พ.ร.บ.งบฯ จะเป็น “โมฆะ”
กลายเป็นจุดหักเหสำคัญทำให้ “เรือเหล็ก” ที่กำลังแล่นฉิวๆ มีโคลงเคลงเหมือนกัน
ล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญได้ “รับคำร้อง” กรณีประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งความเห็นของสมาชิกสภาผุ้แทนราษฎรขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 148(1) จำนวน 2 คำร้อง จากที่ส่งไว้ 3 คำร้อง ว่า ร่าง พ.ร.บ.งบฯตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือไม่
พร้อมแจ้งให้ผู้เกี่ยวข้อง ได้แก่ สรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย, ภริม พูลเจริญ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ และ สมบูรณ์ ซารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ยื่นคำชี้แจงเป็นหนังสือพร้อมข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ภายในวันที่ 4 ก.พ.นี้ ซึ่ง ส.ส. 3 ราย “ฉลอง-ภริม-สมบูรณ์” ปรากฏอยู่ในคลิปข่าวว่า เสียบบัตรหลายใบในการลงมตินั่นเอง
รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา “เสียงนินทา” กระหึ่มสภาฯว่าที่มาที่ไปของ “เดดล็อก” พ.ร.บ.งบฯ เรื่องความถูกต้องก็เรื่องหนึ่ง แต่เรื่องของเรื่องใครก็มองว่าเป็น “วาระส่วนตัว” ของ นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่เปิดหน้าชก ไล่จ้วงไปที่ ฉลอง เทอดวีระพงศ์ ผู้แทนพัทลุงค่ายภูมิใจไทย ที่โค่นตัวเองในการเลือกตั้งที่ผ่านมา
พ่วงด้วย สุพัชรี ธรรมเพชร อดีต ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ก็ออกมาตามน้ำด้วยว่า ภูมิศิษฐ์ คงมี ส.ส.พัทลุง เขต 1 พรรคภูมิใจไทย ที่โค่น “สุพัชรี” ในการเลือกตั้งที่ผ่านมาเช่นกัน ก็ไม่ได้อยู่ห้องประชุมช่วงลงมติร่าง พ.ร.บ.งบฯ แต่ปรากฏว่ามีชื่อลงมติเหมือนกัน
งานนี้เชื่อกันว่า ไม่ใช่อารมณ์ชั่ววูบของ “นิพิฏฐ์” ที่ลุยเดี่ยว จนไม่สนภาพลักษณ์ของสภาฯ ที่ตอนนี้ “นายหัวชวน” นั่งตระหง่านเป็นประธานอยู่ หรือไม่กังวลภาพรวมที่ พ.ร.บ.งบฯต้องหยุดชะงัก
เพราะทำไปทำมา หมุดหมายของ “ค่ายสะตอ” ไม่ได้เล็งเห็นผลเฉพาะเขต 2 พัทลุง สนามประลอง “ฉลอง-นิพิฏฐ์” เท่านั้น หรือพ่วงเขต 1 พัทลุง เท่านั้น แต่ “เดิมพันสูง” หวังกู้หน้า “พรรคปักษ์ใต้” คืนมา หลังเลือกตั้ง 24 มี.ค.62 โดย “ค่ายสีน้ำเงิน” ฟาดไปเกือบ 10 ที่นั่ง จนส่ง “โกเกี๊ยะ” พิพัฒน์ รัชกิจประการ ขึ้นแท่น รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา
ตามสมการนี้ก็ดูเหมือน “ฉลอง” เป็นแค่เป้าหลอก เป้าจริงๆคือการฟาดหางไปที่ “เจ๊เปี๊ยะ” นาที รัชกิจประการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ที่รู้กันว่าเป็น “แม่ทัพปักษ์ใต้” ของ “ค่ายเนวิน” อีกด้วย
หมากของ “นิพิฏฐ์” ก็น่าจะมี “ไฟเขียว” จากแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ที่สำคัญยังสามารถกดปุ่มให้ “เลขาฯหนุ่ม” สรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาฯ เด้งดึ๋งกางผลตรวจสอบรวดเร็วผิดปกติ ฟันธงฉับว่า มีการกดบัตรแทนกันจริง ทั้งที่เดิม “ข้าราชการประจำ” ไม่เคยกล้าหือกับ “ผู้แทนฯ” ขนาดนี้
เสียงนินทาก็เลยคลุ้งสภาฯไปอีกว่า เกมนี้มีข้อตกลงประเภท “ยื่นหมูยื่นแมว” กันหรือเปล่าอีกด้วย
และเมื่อ “ค่ายสีฟ้า” ยังเสมอต้นเสมอปลายในความเป็น “รัฐบาลอิสระ” หรือ “ฝ่ายในรัฐบาล” เยี่ยงนี้แล้ว ความแค้นงวดนี้จึงไม่จำกัดกรอบ “ประชาธิปัตย์ -ภูมิใจไทย” เท่านั้น
ฉายภาพใหญ่แล้ว “ค่ายลุงตู่” พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะแกนนำรัฐบาล ผู้ถือหางเสือเรือเหล็ก ย่อมได้รับผลกระทบกับเกมของ “ค่ายสะตอ” ที่ตอกย้ำว่าเป็น “สนิมเนื้อใน-หอกข้างแคร่” ชัดขึ้นมากกว่า
แน่นอนว่า ทุกพรรคฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ย่อมต้องการให้กฎหมายทุกฉบับ โดยเฉพาะกฎหมายสำคัญ ต้องถูกต้องสมบูรณ์เต็มร้อย แต่เมื่อพบ “ตำหนิ” ก็ควรมาล้อมวงหา “ทางหนีทีไล่” ไม่ใช่ซุ่มเงียบแล้วไปตีปิ๊บให้เป็นประเด็นครึกโครมอย่างที่เห็น
และทุกฝักฝ่ายก็ยังรู้ดีถึงความสำคัญของ พ.ร.บ.งบฯ ที่ล่าช้ามาร่วมครึ่งปีเข้าให้แล้ว ว่าเป็น “เครื่องจักรสุดท้าย” ในการกระชากภาวะเศรษฐกิจของประเทศให้ผงกหัวขึ้นมาได้
น่าสนใจว่า ในขณะที่ฝ่ายรัฐบาล กำลังหา “แผนสำรอง” ในการทำคลอดงบประมาณ 2563 ให้เร็วที่สุด ทั้งยังมี “ไมตรีจิต” จาก “ค่ายเพื่อไทย” ที่ร่วมด้วยช่วยเสนอหาทางออกในภาวะเดดล็อกอยู่เนืองๆ
จะมีก็แต่ “ค่ายสีฟ้า” ที่ดูเหมือนจะนั่งเป่าสาก มีเฉพาะความเห็นส่วนตัวของ “นิพิฏฐ์” ที่ยุให้ “ฉลอง - นาที” ไปรับสารภาพกับศาลว่าฝากให้เพื่อนลงมติแทน ก็ยังสะท้อน “วาระส่วนตัว” อยู่เหมือนเดิม
แนวโน้มดูดีขึ้น หลังคิวที่ อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ รมว.คลัง ในฐานะประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ ดอดไปปิดห้องคุยกับ “เฮียพงษ์” สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ
ตกปากรับคำว่า ถ้ากรณีเลวร้ายที่สุด ถูกฟันฉับ “โมฆะทั้งฉบับ” ก็ให้รัฐบาลนำร่าง พ.ร.บ.งบฯที่ผ่านสภาฯไปแล้ว เสนอกลับเข้ามาใหม่ อาจจะเสนอ 3 วาระรวดไปเลย หรือเพื่อความสง่างาม ก็ควรมีการตั้งกรรมาธิการ และเสนอวาระ 2 - 3 เหมือนที่ปฏิบัติกันมา โดยลดรายละเอียดปลีกย่อยให้มากที่สุด
กรณีหลังเชื่อว่าใช้เวลาไม่ถึงเดือนก็ปิดจ็อบ “วิน-วิน” ทั้งฝ่ายค้าน-รัฐบาล
เปิดโผขึ้นเขียงซักฟอก
ยักแย่ยักยัน ชักเข้าชักออก จนบรรยากาศเริ่มกร่อย
คิวยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่ขู่ฟ่อมาตั้งแต่ปลายปีกลาย แต่ดันติด “โรคเลื่อน” มาหลายรอบ เพิ่งได้คิวยื่นญัตติฯอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา
สิริรวมรัฐมนตรีที่มีโอกาสถูกจับขึ้นเขียง 9 รายด้วยกัน ประกอบด้วย เบอร์หนึ่งไฟต์บังคับอย่าง “นายกฯประยุทธ์” ที่คงมีเรื่องให้พูดแบบสากกะเบือยันเรือดำน้ำ ทั้งภาพรวมความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน รวมถึงการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ล้มเหลว แซมด้วย “ประเด็นส่วนตัว” อย่างเรื่องเก่าที่ดินมรดกพ่อ ที่เลาๆว่าไม่ใช่เฉพาะแปลง 600 ล้านที่ย่านบางบอน ยังมีแปลงอื่นๆ โดยเฉพาะตอนบนของประเทศอีกด้วย
“บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ประเด็นล็อกสเปกการจัดซื้อจัดจ้างในหน่วยงานความมั่นคง คิวนี้ ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ ก็จัดหนักจัดเต็มด้วยตัวเอง
“บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ประเด็น “มหึมาโปรเจ็กต์” โครงการโรงไฟฟ้าขยะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) วางตัว ประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม. กับ วิสาร เตชะธีรวัฒน์ ส.ส.เชียงราย สาวไส้
“เนติบริกร” วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ประเด็นการทำลายหลักนิติรัฐนิติธรรม โยงประเด็นคดีความกับฟิลลิป มอร์ริส เช่นเดียวกับ “ทูตดอน” ดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ที่ถูกระบุว่า เป็นคนทำหนังสือถึง “นายกฯ ประยุทธ์” เพื่อขอให้รัฐบาลยุติการฟ้องร้องคดีอาญากับฟิลลิป มอร์ริส พ่วงด้วยกรณีสหรัฐฯส่งซิกถล่มอิหร่าน โดยมี “เสี่ยโจ้” ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย รับหน้าเสื่อ
“เฮียกวง” สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ควงคู่ อุตตม สาวนายน รมว.คลัง ประเด็นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ล้มเหลว และการเอื้อประโยชน์ให้นายทุนในโครงการอีอีซี แว่วๆว่า “เฮียมิ่ง” มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ ลับมีดขอเวลาไพร์มไทม์เชือด “อดีตคนกันเอง” เอาไว้แล้ว
“ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ ประเด็นการแก้ปัญหาที่ดิน สปก. รวมถึงคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี ที่ทาง “บิ๊กตู่” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย คุยเขื่องไว้แล้วว่าได้รับหลักฐานชิ้นเอกจากศาลประเทศออสเตรเลีย
ที่อาจติดโผมาในนาทีสุดท้าย หนึ่งเดียวของพรรคร่วมรัฐบาล “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข โดยในฐานะรองนายกฯ ที่กำกับดูแล 3 กระทรวงคือ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, กระทรวงคมนาคม และกระทรวงสาธารณสุข เจอวางประเด็นทันสมัยตั้งแต่ “ไวรัสอู่ฮั่น” ที่กระทบทั้งด้านสาธารณสุข และการท่องเที่ยว รวมถึงโปรเจกต์ในกระทรวงคมนาคม ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจทางบ้าน โดยเฉพาะ “รถไฟฟ้าสายสีส้ม”
น่าเสียดายที่ไม่มีรัฐมนตรีจากค่ายประชาธิปัตย์ มิเช่นนั้นอาจได้เห็นรายการสั่งสอนช่วงลงมติหลังจบอภิปราย
มองข้ามชอตกันต่อ จบเรื่อง พ.ร.บ.งบฯ แล้ว หลังเสร็จศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจในช่วงเดือน ก.พ. ที่คาดกันว่าจะมีการเขย่าที่นั่งในคณะรัฐมนตรีกันตามรอบ
ที่นั่งของ “ค่ายสีฟ้า” อาจลดลง เหลือเฉพาะ “กลุ่มเด็กดี” ที่ไม่เป็นพิษภัยกับรัฐบาลเท่านั้น โดยมี “กองทัพงูเห่า” แต่งตัวรอเสียบร่วมรัฐบาลแทนคนที่ไม่ได้ไปต่ออยู่แล้ว
เห็นที “ลุงตู่” ต้องเล่นบทเฮี้ยบ สั่งสอนการเล่นการเมืองแบบ “เอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น” จัดการ “สนิมเนื้อใน” ให้สิ้นซาก
เปิดการ์ด “ดีลลับ” กำราบ “ค่ายสะตอ” ที่พยศไม่เลิกเสียที.