ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องที่ส.ส.ยื่นให้วินิจฉัย ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หลังมีการเสียบบัตรแทนกัน โดยให้ผู้ที่เกี่ยวข้องชี้แจงภายในวันที่ 4 กุมภาพันธ์
จากนี้ชะตากรรมงบประมาณ อยู่ในกำมือศาลรัฐธรรมนูญแล้ว จะได้ใช้ช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะเห็นเป็นอย่างไร
อย่างไรก็ดี แม้เรื่องจะอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียบร้อย แต่กรณีเสียบบัตรแทนกันดูเหมือนจะเป็นซีรีส์ยาว หลังลุกลามไปหลายคน หลายพรรคเป็นอุปาทานหมู่
จากที่นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาจากจุดพลุ 2 คน คือ ฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง กับ นาที รัชกิจปราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ตอนนี้ไฟยังไหม้ทุ่งต่อเนื่อง
ต่อเนื่องมาถึง ภริม พูลเจริญ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล ภูมิศิษฏ์ คงมี ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย และล่าสุดระดับรัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์ ถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
งานนี้เป็น ส.ส.ฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาลทั้งสิ้น ไม่ปรากฏส.ส.ซีกฝ่ายค้านเกี่ยวข้องแม้แต่รายชื่อเดียว
ปัญหาตอนนี้มันไม่ได้ตีวงแคบเฉพาะ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ที่เพียงคนเดียวเสียบบัตรแทนกันก็สามารถทำให้ต้องตีความได้แล้วว่าจะต้องเป็นโมฆะ หรือไม่ เพราะมีกรณีตัวอย่างในอดีตคอยให้เทียบ
แต่การเผยแพร่ภาพส.ส.เสียบบัตรแทนกันในระยะหลังๆมานี้ เจตนาอาจรุนแรงกว่าเรื่องส่วนตัวระหว่างส.ส.ด้วยกัน แต่หมายถึงองค์รวมของรัฐบาล
แรกเริ่มเดิมที การที่นิพิฏฐ์ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ หลายคนมองว่าเป็นเรื่องส่วนตัวในฐานะที่ ฉลอง เป็นคู่แข่งของตัวเองในสนามเลือกตั้งส.ส.เขต 2 จ.พัทลุง และ นาที เป็นแม่ทัพภาคใต้ของพรรคภูมิใจไทยที่ล้มเสาไฟฟ้าของพรรคประชาธิปัตย์ได้หลายต้น
ต่อเนื่องมาถึงกรณี ภูมิศิษฏ์ ที่คนออกมาเปิดเผยก็คือ สุพัชรี ธรรมเพชร กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นคู่แข่งในสนามของคนที่ปรากฏในภาพ
มันเหมือนเป็นการนำเรื่องส่วนตัวมาฆ่ากันโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบ โดยเฉพาะ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ที่รัฐบาลต้องการนำงบประมาณไปใช้ในการบริหารประเทศ หลังรอมานานจนจะชนรอบการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 อยู่แล้ว
แต่ไปๆ มาๆ ทิศทางของเรื่องดูจะเป็นมากกว่าเรื่องส่วนตัว เพราะมีหลายอย่างผิดปกติ เริ่มตั้งแต่การที่ นิพิฏฐ์ เป็นคนออกมาเปิดประเด็นเสียบบัตร ทั้งที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล เป็นนักกฎหมาย รู้ดีว่าจะส่งผลกระทบต่อกฎหมายงบประมาณที่ทุกคนรอคอย
ผลลัพธ์ของการทำให้กฎหมายงบประมาณสะดุด ถือเป็นเรื่องร้ายแรงอย่างมาก ยิ่งหากเป็นโมฆะ รัฐบาลจะถูกเรียกร้องเรื่องความรับผิดชอบทางการเมือง ไม่ต่างอะไรกับการที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรไม่เห็นชอบกฎหมายงบประมาณ
นิพิฏฐ์ ไม่สามารถทำอะไรอุกอาจได้โดยลำพัง ยิ่งการเอาเรื่องส่วนตัวมาทำจนส่งผลกระทบต่อส่วนรวม ย่อมต้องมีคนรับรู้ก่อนหน้าจะออกมาเปิดประเด็น
อย่างน้อยๆ ก็มีรัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์อยู่หลายคนในรัฐบาลได้ดูแลกระทรวง ทบวง กรม สำคัญ ที่กำลังจะนำงบประมาณลงไปกอบกู้เกียรติคุณของพรรค
นอกจากนี้ ยังมี “นายหัว”ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร นั่งอยู่บนบังลังก์ห้องประชุมฝ่ายนิติบัญญัติ การมีส.ส.กระทำผิด ย่อมหมายถึงภาพลักษณ์สภาฯองค์รวม โดยเฉพาะผู้นำ
แต่ปรากฏว่าไม่มีใครตำหนิการกระทำของ นิพิฏฐ์ และลูกพรรคคนอื่นๆเลย กลับกัน ยังออกมาปกป้องว่าสิ่งที่ทำถูกต้อง ซึ่งไม่ผิดในฐานะพรรคเดียวกัน และการเสียบบัตรแทนกันเป็นสิ่งที่ไม่สมควรจริงๆ
ไม่ผิดที่ทุกคนจะตำหนิการเสียบบัตรแทนกัน ไม่เว้นแม้แต่“นายหัวชวน”ซึ่งเป็นผู้นำฝ่ายนิติบัญญัติ หากแต่มีการตรวจสอบครั้งนี้มีหลายอย่างประหลาดจนดูเป็นขบวนการ มากกว่าการกระทำโดยลำพังของนิพิฏฐ์
เริ่มตั้งแต่ข้อมูลว่า ใครอยู่ในห้องประชุมสภาฯวันพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 และใครไม่อยู่บ้าง ที่นำมาให้ นิพิฏฐ์ จนออกมากระหน่ำใส่ 2 ส.ส.พรรคภูมิใจไทย
ต่อเนื่องมาถึงการที่คนระดับ“นายหัวชวน”สรุปในไม่ช้าว่า การเสียบบัตรแทนกันไม่ว่ากรณีไหนล้วนผิดทั้งสิ้น ทั้งที่เรื่องการตรวจสอบข้อเท็จจริงยังไม่เสร็จสิ้นเลย
และโดยเฉพาะ “สรศักดิ์ เพียรเวช”เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ที่ก็รีบด่วนสรุปเช่นเดียวกันว่า มีการเสียบบัตรแทนกันแล้ว ซึ่งผิดวิสัยการทำงานที่ผ่านมาอย่างมาก
ปกติแล้วการทำงานของเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรที่ผ่านมาไม่ว่าใคร จะไม่ทำงานแบบ“เทกไซด์”ผู้นำองค์กรอย่างประธานสภาฯ จะไม่กล้าผลีผลามทำอะไรเด็ดขาด เพราะกลัวผลกระทบ แต่ครั้งนี้ “สรศักดิ์”กลับรีบออกมาให้สัมภาษณ์ผล ก่อนการตรวจสอบข้อเท็จจริง
จุดนี้ค่อนข้างผิดสังเกตคือ ปกติทุกเรื่องในสภาผู้แทนราษฎร เวลามีการตรวจสอบจะค่อนช้างช้า หรือไม่ก็หายเงียบไป โดยไม่รู้ว่าผลเป็นอย่างไร หรือเรียกกันว่านำมาดองเพื่อหลบกระแสร้อน แต่หนนี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิง
กลับกัน “สรศักดิ์”ถูกเพ่งเล็งว่า กำลังสนองใครงานอยู่หรือไม่ เพราะย้อนกลับไปที่ตัวเขาก่อนหน้านี้ เป็น1 ในคนที่ถูกคาดเดาว่า คือ “ส.”ที่ “แจ๊ค”วัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ร้องเรียนต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรให้ตรวจสอบ หลังได้รับการร้องเรียนจากข้าราชการสาวที่ทำงานในสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ว่า ถูกผู้บังคับบัญชาระดับสูงมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศหลายลักษณะที่มีเป็นพยานหลักฐานคือ ข้อความที่ส่งทางไลน์ส่วนตัวจากข้าราชการระดับสูงในสภาฯ ที่ส่งมาให้ในเชิงชู้สาวและคุกคามทางเพศ ตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบัน
มีการร้องเรียนตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แต่เรื่องเงียบหายไป ซึ่งคนที่จะตัดสินชะตากรรมของผู้ถูกร้องเรียนได้คือ“นายหัวชวน”ประธานสภาผู้แทนราษฎรในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุด
“สรศักดิ์”เหมือนคนมีแผล หากเขาเป็น “ส.”คนนั้น และกระทำผิดจริง ความร้ายแรงคือ สามารถกระเด็นตกเก้าอี้ได้เลยทีเดียว ดังนั้น จึงเป็นอีกเหตุหนึ่งที่เขาจะไม่ทำอะไรโดยพลการแน่ ยกเว้นได้รับสัญญาณ“ไฟเขียว”จากใคร
และกระทำเพื่อ “แลก”กับอะไรที่คุ้มค่าหรือไม่
คนที่ถูกแฉจากพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนใหญ่เป็นส.ส.ภาคใต้ พรรคภูมิใจไทย คู่แข่งที่ทำให้เสาไฟฟ้าล้มระเนระนาดหลายต้นในหลายพื้นที่
พรรคประชาธิปัตย์เองต้องการทวงคืนพื้นที่ ทุกวันนี้ยังพยายามร้องเรียนว่ามีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งอยู่เลย โดยเฉพาะในเขตที่พรรคภูมิใจไทยชนะ
ปฏิบัติการของนิพิฏฐ์ จึงไม่ใช่เรื่องส่วนตัวอีกต่อไป และอาจเป็นแค่ตัวหลอกเพื่อให้ดูว่า เป็นเรื่องส่วนตัว โดยการนำคู่แข่งที่แพ้ให้พรรคภูมิใจไทยออกมาเปิดเผยข้อมูลเอง อย่าง“นิพิฏฐ์”และ“สุพัชรี” แต่ความจริงคือ ทำกันอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ฝ่ายเสิร์ฟข้อมูล จนถึงการตรวจสอบ
นี่คือ ความเขี้ยวของพรรคการเมืองในฐานะ“ตัวแสบในตำนาน”