“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง แห่งแดนมังกร เคยพูดถึงปรัชญาเกี่ยวกับการปกครองไว้ว่า..
“หัวใจของการปกครอง อยู่ที่ให้ราษฎรเป็นสุข วิถีแห่งการทำให้ราษฎรเป็นสุข อยู่ที่การสังเกตความทุกข์ร้อนของพวกเขา”
แถม สี จิ้นผิง ยังเคยสรุปด้วยคำพูดสั้นๆ ในเรื่องทุกข์ร้อนของราษฎรจีนไว้อีกว่า..
“ขจัดความทุกข์ร้อนของราษฎร ดุจดังขจัดโรคร้ายของตนเอง”
ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ผู้นำชาติจีน ซึ่งในวันนี้เศรษฐกิจติดอันดับสองของโลก อีกทั้ง “มังกรจีน” กำลังเร่งเดินหน้า แซงผู้นำทางเศรษฐกิจอันดับหนึ่งอย่าง “อินทรีมะกัน”.
เล่นเอา “อินทรีทรัมป์” ที่ผีเข้าผีออก ต้องออกมาทำศึก “สงครามการค้า”กับ “มังกรสี”อยู่หลายยก จนเศรษฐกิจชาติต่างๆ ทั่วโลกปั่นป่วนไปหมด เพราะใกล้จะมีการเลือกตั้งในสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลได้เสียตำแหน่งประธานาธิบดีของ “ทรัมป์” นั่นเอง
สงครามการค้า “อินทรี” กับ “มังกร” เพิ่งจะยุติความร้อนแรงลงชั่วคราว ก่อนที่ชาติจีนจะต้องเผชิญกับ “ไวรัสโคโรนา” ที่เกิดจากค้างคาวและงู เมนู “เปิบพิสดาร” ซึ่งขายกันเกร่อในตลาดของเมือง “อู่ฮั่น” มณทล“เหอเป่ย”
“ไวรัสโคโรนา”ได้แพร่เชื้อร้ายต่อชาวจีนในเมือง“อู่ฮั่น” ลามกระจายออกมาสู่เมืองใกล้เคียงอีกหลายแห่ง ทำให้ชาวจีนต้องเสียชีวิตนับร้อยติดเชื้ออีกหลายพันคน อีกทั้ง“ไวรัสโคโรนา”ยังแพร่ผ่านคนสู่คนไปยังอีกหลายชาติ จำนวนคนตายและติดเชื้อไวรัสนี้ ทั้งในจีนและประเทศอื่นๆ ในขณะนี้จึงยังไม่นิ่ง..
สรุปได้คร่าวๆ ในยามนี้ว่า “ไวรัสโคโรนา” ที่เกิดในจีนได้แพร่ไปสู่ฮ่องกง มาเก๊า ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย ไต้หวัน เวียดนาม กัมพูชา ศรีลังกา เนปาล ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เยอรมนี แคนาดา ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา ฯลฯ
สำหรับภัยจาก “ไวรัสโคโรนา” มีแนวโน้มจะบานปลายในขณะนี้นั้น ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง แห่งแดนมังกร ได้ออกคำสั่งให้ทุกส่วนทุกระดับชั้น ทั้งพรรคคอมมิวนิสต์และรัฐบาล ต้องร่วมแรงร่วมใจเดินหน้าไปสู่เป้าหมาย ต้องไม่ให้จีนเป็นศูนย์รวมของเชื้อไวรัสโคโรนา ที่จะทำร้ายทำลายชีวิตชาวจีน อีกทั้งชาติและชาวจีน จะต้องไม่เป็นแหล่งแพร่เชื้อไวรัสโคโรนา ออกไปสู่ชาวโลกด้วย
โดยประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้ประกาศอย่างชัดเจนว่า “ชีวิตคือสิ่งสำคัญสูงสุด ความรับผิดชอบของเราคือ การป้องกันและควบคุมเชื้อไวรัส”
สี จิ้นผิง ยังประกาศจะใช้วิทยาศาสตร์ปราบ “ไวรัสโคโรนา” การป้องกันและควบคุมเชื้อ “ไวรัส โคโรนา” ถือเป็นพันธกิจสำคัญเร่งด่วนที่สุด ของกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์และรัฐบาลจีนทุกระดับชั้น
นอกจากนั้น สี จิ้นผิง ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญ และความเร่งด่วนของการปฏิบัติงาน โดยเจ้าหน้าที่พรรคและรัฐบาล ต้องปฏิบัติงานและอยู่แนวหน้าเสมอ เพื่อรักษาความสงบสุขและความมั่นคงของสังคม
งานนี้..ชาวโลกต้องให้กำลังใจ สี จิ้นผิง-ชาวจีน-ชาติจีน ที่กำลังเผชิญกับความยากลำบากอย่างสาหัส ในการต่อสู้เอาชนะ“ไวรัสโคโรนา”ให้ได้โดยเร็ว โดยเฉพาะชาวจีนในเมือง“อู่ฮั่น”และเมืองข้างเคียง ที่กำลังผจญภัยร้ายอยู่ในศูนย์กลาง“ไวรัสโคโรนา”.. เราขอให้กำลังใจ และขอให้สู้ๆๆ!!!..
โอกาสนี้ ขอบอกว่า..ยามชาวจีนมาเยี่ยมเยือนชาติไทย..เราดีใจ..เราขอบคุณ! ยามชาวจีนต้องเผชิญกับภัยร้ายไวรัสโคโรนา หรือภัยร้ายใดๆก็ตาม เราคนไทยเป็นห่วง..เราขอให้กำลังใจ..เราขอให้ชาวจีนทั้งหลายจงปลอดภัย!
คราวนี้..หวนกลับมามองชาติไทย โดยเฉพาะการเมืองไทยในขณะนี้ บอกได้เลยว่า รัฐบาล “บิ๊กตู่”อย่าได้โทษหรือโยนความผิดให้ใครเลย เพราะตัวการสำคัญที่กำลังทำให้เศรษฐกิจชาติ ทำท่าจะตกไปอยู่ในสภาพ “เผาจริง” ก็คือพรรคแกนนำรัฐบาล “บิ๊กตู่” เองนั่นแหละ
เพราะทั้งสภาผู้แทนและวุฒิสภา ได้ผ่าน พ.ร.บ.งบประมาณฯปี 2563ไปเรียบร้อยแล้ว ทว่า..แทนที่รัฐบาลจะได้ใช้จ่ายเงินงบประมาณในเร็ววัน กลับต้องมาเจอกับปัญหา สส.พรรคแกนนำรัฐบาลบางคน ดันทำผิดด้วยการเสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน ทำให้ พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 ต้องสะดุดหยุดกึกอย่างกะทันหัน จน สส.ฝ่ายรัฐบาล ต้องลงชื่อให้ประธานสภา“ชวน หลีกภัย” ส่งพ.ร.บ.ฯนี้ ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความในเรื่องนี้...
แน่นอน..รัฐบาลต้องเสียเวลาอีกพะเรอเกวียน กว่าจะได้ใช้เม็ดเงินงบประมาณลงไปสู่ภาคปฏิบัติ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ให้มีการเคลื่อนไหวในทางบวกขึ้นมาบ้าง
ทว่า..เศรษฐกิจชาติกลับต้องมาเจอข้อผิดพลาดของ สส.บางคนในพรรครัฐบาล ทำให้ปัญหาเศรษฐกิจชาติยิ่งย่ำแย่ลงโดยปริยาย..น่าเศร้าจริงๆ
อีกเรื่องที่น่าเศร้าและสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า นายกฯ “บิ๊กตู่”ได้ปล่อยปละละเลย จนเกิดเรื่องร้ายๆครั้งแล้วครั้งเล่า อันเป็นผลจากการที่ “บิ๊กตู่”ไม่ปฏิรูปชาติทุกภาคส่วน โดยเฉพาะไม่ยอมปฏิรูปองค์กรตำรวจแม้แต่น้อย จนเกิดเรื่องใหญ่ที่ผิดปกติ กรณีของ “บิ๊กโจ๊ก” ที่ต้องพ้นจากตำรวจมาเป็นพลเรือนในสังกัด สน.นายกฯ
ในยุคที่มี “บิ๊กป้อม”ดูแลองค์กรตำรวจนานกว่า 5 ปีนั้น ผู้คนรู้กันทั้งเมืองว่า มี “พล.ต.ต.บางคน” ที่ใหญ่กว่า “พล.ต.อ.ที่เป็น ผบ.ตร.” การแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจใหญ่น้อยแต่ละครั้ง “ผบ.ตร.”ไม่มีอำนาจจะทำอะไรได้ตามควร แต่อำนาจนั้นกลับมาอยู่ที่ “พล.ต.ต.บางคน” ที่แทบจะเป็น “ลูกบุญธรรม” ของ “ใครบางคน” ที่มีอำนาจล้นฟ้า
ดังนั้น การแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งตำรวจ “ผบ.ตร.”แทบจะทำอะไรไม่ได้เลย กลับกลายเป็น“ผู้มีอำนาจคนนั้น”กับเพื่อนพ้องน้องพี่ไม่กี่คน รวมทั้ง “พล.ต.ต.คนนั้น” เป็นผู้แต่งตั้ง โยกย้ายตำรวจใหญ่น้อยตามใจชอบ จนการโยกย้ายตำรวจต้องเลื่อนแล้วเลื่อนอีกหลายครั้ง เพราะมีการแก้โผตำแหน่งอุตลุดวุ่นวายจนอลเวง แถมยังมีข่าวลือกระฉ่อนฉาวไปทั่วว่า “จ่ายเยอะได้ตำแหน่งดี-จ่ายน้อยก็ได้ดีน้อย-ไม่จ่ายก็ไม่ได้อะไรเลย” อีกทั้งตำรวจบางคนยังโดนเตะโด่ง กระเด็นออกจากวงจรตำรวจอย่างไร้ความเป็นธรรมอีกด้วย
ผลงานดีกับความดีของตำรวจดี-ไร้ความหมาย! “ผู้มีอำนาจบางคน”กับพวกพ้องและ“พล.ต.ต.คนนั้น” ได้ก่อความเสียหายใหญ่หลวงมาแล้วมากมาย กว่า “บิ๊กตู่” จะเข้ามารับผิดชอบเป็น “ประธาน กตร.”ในวันนี้ ความเชื่อถือในองค์กรตำรวจได้ลดลงไปมหาศาลอย่างน่าใจหายแล้ว
ทว่า..ถ้าหาก“บิ๊กตู่ ”ยังคงเดินหน้าไปดังเดิม โดยไม่มีการปฏิรูปตำรวจให้ดีขึ้น..ก็บอกได้เลยว่า “บิ๊กตู่”ก็ยังคงเป็นได้แค่ “นายกฯ” และ “ประธาน กตร.” ที่ดีแต่พูดและไร้ผลงานในด้านการทำดีอีกตามเคย..จริงไหม?
ส่วนเรื่อง “ฝ่ายค้าน” จะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล “บิ๊กตู่” โดยมี “บิ๊กเหลิม” ที่เดินทางไปถึงต่างแดน เพื่อประสานแผนกับ “บิ๊กเหลี่ยม” ก่อนที่ “บิ๊กเหลิม” จะกลับมารับบทเป็น “แม่ทัพใหญ่” นำพลพรรคเพื่อไทยออกมาประกาศจะโค่น “บิ๊กตู่” ให้อยู่ไม่ได้ ถ้าจะอยู่ได้ก็เพราะ“บิ๊กตู่หน้าด้าน” สถานเดียวเท่านั้น
ส่วนในรายชื่อ รมต.ที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ไร้ชื่อ “บิ๊กป้อม” ที่เป็น“ผู้จัดการรัฐบาลตัวจริงเสียงจริง” “บิ๊กเหลิม”ทั้งยืนยันนั่งยันนอนยันตีลังกายัน ด้วยเหตุผลแบบ “เหลิมดาวเทียม” ที่เล่นเอางงกันทั้งบางบอนว่า “ที่ไม่อภิปรายบิ๊กป้อมเพราะ ปปช. จบเรื่องไปแล้ว!”
อืม..มิน่าล่ะ..ช่วงนี้จึงมีข่าวลือพิกลพิการออกมาว่า มีคนของฝ่ายค้านบางคนที่สนิทกับ“บิ๊กเหลี่ยม” แอบไปกินหรูในโรงแรมแห่งหนึ่ง กับคนสนิทของ“บิ๊กเบิ้มบางคนในรัฐบาล” มื้อพิเศษนี้ลือกันว่า จบลงด้วย“ดีล”อย่างเป็นเรื่องเป็นราวว่า หลังจบการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ จะมีการปรับ ครม.แบบพลิกขั้วพลิกล็อค ชนิดจะทำเอาผู้คนทั้งชาติอ้วกแตกอ้วกแตนกันได้เลยล่ะ
อ้อ!..มีเงื่อนไขแค่อย่าอภิปราย “บิ๊กเบิ้มบางคน” ได้ไหม? หรือถ้าจะต้องอภิปราย ก็ให้ใช้วิธี “ตีระนาด” ผ่านไปแบบเบาหวิวนะจ๊ะ ส่วน “บิ๊กตู่” จะเว้นไม่อภิปรายก็คงไม่ได้-มันผิดปกติ! แต่ให้ใช้วิธี “ตีระนาด” แบบเดียวกับ“บิ๊กเบิ้มคนนั้น” นะว้อย! เพราะถ้าขืน “เล่นงาน ”จน “บิ๊กตู่”โมโหขึ้นมาล่ะก้อ..เรื่องร่วมรัฐบาลนี้..จบข่าวเลย!
งานอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งนี้..จับตาดูลีลา “ฝ่ายค้าน” พวกถนัดเล่น “ลิเก-ปาหี่-ละครน้ำเน่าหลังข่าว”(ว่ะ)?