xs
xsm
sm
md
lg

“ผู้นำชาติที่ดี”ต้องเห็นถึงอนาคต!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”

“โลก มีทรัพยากรที่จะแบ่งปันให้แก่มนุษย์ทุกคนที่จำเป็น แต่ไม่มีพอที่จะสนองความโลภของคน แม้เพียงคนเดียว”

นั่นเป็น “คำพูด” เปี่ยมความหมายของ “โมหันทาส กรัมจันท์ คานธี” หรือ “มหาตมะ คานธี” ผู้คนเรียกกันสั้นๆว่า “คานธี” มหาบุรุษที่ชาวอินเดียและชาวโลกยกย่องเชิดชู ทั้งทางความคิด-ความกล้าหาญ-ความมั่นคง ฯลฯ กับการเสียสละต่อสู้เพื่อเอกราชของอินเดีย จากนักล่าอาณานิคม“มหาอำนาจอังกฤษ” ด้วยวิธี “อหิงสา”

ที่สำคัญ “คานธี” เป็น“ผู้นำมวลมหาประชาชน” ที่มุ่งมั่นแก้ต้นเหตุปัญหาชาติอินเดีย ด้วยการเสี่ยงชีวิตนำชาวอินเดียต่อสู้ชนิดไม่ย่อท้อ ด้วย “คานธี” มีวิสัยทัศน์มองการณ์ไกล เห็นถึงอนาคตที่ดีกว่า หากชาติและประชาชนอินเดียได้เป็นเอกราช พ้นจากการเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ

การต่อสู้อย่างอหิงสาด้วยความกล้าหาญ พร้อมเสียสละชีวิตโดยไม่ลังเล ของ “คานธี” และชาวอินเดียใน “วันนั้น” ทำให้อินเดียเอาชนะอังกฤษ จนได้รับเอกราชอย่างสง่างามใน“วันนี้”

“ข้าพเจ้าต้องการหลีกเลี่ยงความรุนแรง สันติวิธี คือกฎข้อแรกของศรัทธาของข้าพเจ้า มันคือ กฎข้อสุดท้ายในความเชื่อของข้าพเจ้า”

ทว่า..“คานธี” ที่ต่อสู้อย่างสันติ กลับต้องพบกับความรุนแรงโดยไม่คาดฝัน..

ช่วงเย็นของวันที่ 30 มกราคม พ.ศ.2491 “คานธี” ยืนอยู่กลางสนามหญ้า ขณะพนมมือสวดมนต์ตามกิจวัตร “คานธี” ถูก “ราถูราม โคทเส” ชาวฮินดูผู้คลั่งศาสนา ซึ่งไม่ต้องการให้ฮินดู(อินเดีย)สมานฉันท์กับมุสลิม(ปากีสถาน) ใช้อาวุธปืนยิงใส่ถึง 3 นัด..“คานธี”ได้เปล่งเสียงอย่างแผ่วเบาว่า..

“ราม” หรือ “เห ราม” ซึ่งมีความหมายว่า “ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า” มหาบุรุษผู้ต่อสู้กับมหาอำนาจอังกฤษด้วยสันติวิธี ปิดฉากชีวิตลงในวัย 78 ปี หลังอินเดียได้รับเอกราชอย่างสมบูรณ์เพียง 6 เดือน

เรื่องราวชีวิตจริงของ “คานธี” ที่กล้าต่อสู้เพื่อความถูกต้อง ทุ่มทั้งชีวิตจิตวิญญาณทำเพื่อชาติกับประชาชนอินเดีย โดยมิได้หลงในอำนาจกับทรัพย์สินเงินทอง ใช้ชีวิตอย่างสมถะเรียบง่าย

“คานธี”ผู้ทรงอิทธิพลของชาวอินเดียและชาวโลก จากการคิดดีและทำดี มีสมบัติเพียงเสื้อผ้าไม่กี่ชิ้น ผ้าห่มกันหนาว นาฬิกาพก ไม้เท้าคู่กาย รองเท้าแตะหนึ่งคู่ และแว่นตาอีกหนึ่งคู่ เท่านั้น..

เฮ้อ..ถ้า “ผู้นำชาติใด”รักชาติรักประชาชนดั่ง “คานธี” ที่ทำแต่เรื่องถูกต้องเป็นหลัก! ทำแต่เรื่องส่วนรวมเป็นหลัก! แก้ต้นเหตุปัญหาชาติเป็นหลัก ฯลฯ ประชาชนในชาตินั้นๆจะมีแต่สันติสุข! อีกทั้งมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน..

ทว่าน่าเสียดายที่..เมื่อครั้ง “บิ๊กตู่” มีอำนาจเผด็จการพร้อมสรรพ แต่เพราะ “บิ๊กตู่” มิใช่ “ผู้นำชาติ” ที่ดีพอและรักชาติรักประชาชนแท้จริง “บิ๊กตู่” ไม่ได้ทำตาม “คำพูด” โดยไม่ได้แก้ต้นเหตุปัญหาการโกงชาติอย่างจริงจัง! ไม่ได้ลดความเหลื่อมล้ำมิติสำคัญๆ โดยเฉพาะไม่ลดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนเท่าที่ควร! ไม่ได้ปฏิรูปชาติทุกภาคส่วนอย่างจริงจังอีกด้วย ฯลฯ

ที่สำคัญ “บิ๊กตู่” ยังทำหลายเรื่องตรงกันข้าม จนกลายเป็นบุรุษที่ “ดีแต่พูด” แต่ “ไม่ทำ” อย่างจริงจัง โดย “บิ๊กตู่”ไม่ได้แก้ต้นเหตุปัญหาสำคัญๆให้ชาติ ขณะที่อีกหลายเรื่องของรัฐบาลก่อนหน้าตราบปัจจุบัน ได้กลายเป็น “ตัวการ”สร้างปัญหาให้ชาติและประชาชนเพิ่มขึ้นอีก..

ด้านเศรษฐกิจ-ด้วยนโยบายรัฐบาล “บิ๊กตู่” ส่วนใหญ่ ล้วนเอื้อผลประโยชน์ชนิดสุดลิ่มทิ่มประตู ให้กับทุนใหญ่ทั้งในและต่างชาติเป็นหลัก โดยไม่ได้เปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ทั้งระบบการเงินและการคลัง ให้เอื้อประโยชน์ต่อผู้มีรายได้น้อย-เกษตรกร-เอสเอ็มอี-สินค้าชุมชน-คนยากจน ที่เป็นคนส่วนใหญ่ของชาติ ให้อยู่รอด-ให้มีและขยายธุรกิจ-พัฒนากิจการ ฯลฯ

เพราะรัฐบาล “บิ๊กตู่” มักคิดแค่ให้ตัวเลข “จีดีพี” สูงขึ้น โดยมิได้แยแสต่อการกระจายรายได้ทางเศรษฐกิจอย่างเป็นธรรม ให้กับผู้มีรายได้น้อยและคนยากจน จนทำให้รัฐบาล “บิ๊กตู่”เป็นหนึ่งในต้นเหตุปัญหา ที่ทำให้ “คนรวยรวยยิ่งขึ้น-คนจนยิ่งจนลง” ยุค “บิ๊กตู่” ชาติไทยจึงติดอันดับต้นๆ ของโลก เรื่อง“รวยกระจุกจนกระจาย” อยู่ในวันนี้ไงล่ะ..

ห้วงนี้.. “สงครามเศรษฐกิจ”ระหว่างมะกันกับจีน ลดความดุเดือดลงชั่วคราว ด้วยจะมีการเลือกตั้งในชาติมะกัน อันจะส่งผลได้เสียต่อตำแหน่งประธานาธิบดีของ “ทรัมป์” เพื่อการหาเสียงต่อชาวอเมริกันนี่เอง ที่ทำให้ “ทรัมป์” จำต้องสงบศึกการค้ากับจีนไว้ก่อน แต่ด้วยนิสัย “ผีเข้าผีออก” อาจทำให้ “ทรัมป์” เปิดศึกการค้าระลอกใหม่ได้ทุกเมื่อ..จริงไหมล่ะ?

ฉะนั้น..ในช่วงนี้ รัฐบาล “บิ๊กตู่” จึงควรทุ่มเท ใช้ทั้งการเงินและการคลัง เร่งแก้ปัญหาผู้มีรายได้น้อยกับคนจนเป็นหลัก ด้วยมาตรการที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ทั้งระยะสั้น-กลาง-ยาวอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการแก้ปัญหาให้กับเกษตรกรทั้งหลาย ที่กำลังเผชิญปัญหา “ภัยแล้ง” ที่รุนแรงเป็นประวัติการณ์อยู่ในขณะนี้..

ทั้งๆที่รัฐบาลเผด็จการทหาร “บิ๊กตู่” ได้เคยประกาศไว้ในห้วงแรกๆว่า จะแก้ปัญหาเรื่อง“ภัยแล้ง”อย่างจริงจังและบูรณาการ ด้วยการจะทำโครงการใหญ่น้อยมากมาย เช่น รัฐบาล “บิ๊กตู่” จะทำเรื่องขุดบ่อ-ขุดสระ-ขุดแหล่งน้ำให้กับชุมชน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้คน“ยกมือเชียร์รัฐบาลตู่” อย่างเต็มที่..

ทว่า..วันเวลาผ่านไป จาก “รัฐบาลรัฐประหารบิ๊กตู่” สู่ “รัฐบาลเลือกตั้งบิ๊กตู่” รวมนาน 5 ปี 6 เดือนกว่าแล้ว แต่เกษตรกรในแผ่นดินไทย ยังคงต้องเดือดร้อนกับ“วิกฤติภัยแล้ง” หนักหนาสาหัสยิ่งกว่าเดิม โดยรัฐบาล “บิ๊กตู่”ไม่เคยประกาศให้ประชาชนรู้ถึงผลงานการขุดบ่อ-ขุดสระ-ขุดแหล่งน้ำชุมชน ให้แก่ 7 หมื่นกว่าหมู่บ้าน ว่าสำเร็จเสร็จสิ้นไปแล้วมากน้อยเพียงใด?

แถมห้วงนี้..รายได้ทางเศรษฐกิจของคนส่วนใหญ่ กลับยิ่งย่ำแย่ลงในแทบทุกมิติ ขณะที่คนรวยยังคงรวยขึ้นไม่หยุดหย่อน..เฮ้อ..!

ด้านการเมือง-รัฐบาล “บิ๊กตู่” ยิ่งไร้วิสัยทัศน์ เพราะหลังการเลือกตั้งที่ไร้การปฏิรูปชาติ ได้ทำให้การเมืองชาติยิ่ง “ถอยหลังลงคลองน้ำเน่า” เช่น ผู้แทนในสภาที่ต้องมีการกระทำอันทรงเกียรติ กลับกลายเป็นผู้แทนฯที่ด้อยคุณภาพไร้คุณธรรมไร้เกียรติไปเสียฉิบ..

ในสภาอันทรงเกียรติ-มีผู้แทนฯทะเลาะเบาะแว้งกันอุตลุด มีผู้แทนฯเชลียร์ผู้มีอำนาจกันอย่างน่าขยะแขยง มีผู้แทนฯหลายคนที่ทำผิด โดน “จับได้คาหนังคาเขา” แต่รัฐบาลกลับใช้กฎหมายสองมาตรฐานปกป้องพวกพ้อง โดยมิได้ยึดหลัก “ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย” ทั้งๆ ที่เคยใช้กฎหมายเดียวกัน จับประชาชนทั่วไปเข้าคุกตะรางมาแล้ว ฯลฯ

ส่วนฝ่ายค้านก็ไร้คุณภาพเท่าที่ควร ในการจะตรวจสอบรัฐบาลอย่างจริงจัง รวมทั้งไม่อาจผลักดัน ให้รัฐบาลต้องทำงานให้กับคนส่วนใหญ่ในชาติเป็นหลัก แต่กลับมีการลอบติดต่อกับฝ่ายรัฐบาล เพื่อหวังจะเข้าไปมีอำนาจ ทำการกอบโกยผลประโยชน์ชาติ ให้กับตัวเองและพวกพ้องเสียอีก

ส่วนรัฐบาล “บิ๊กตู่” ยังคงไร้ความมั่นคงในเสถียรภาพ อีกทั้งยังไร้การแก้ปัญหารายได้ทางเศรษฐกิจ ให้กับผู้มีรายได้น้อยและคนจนเท่าที่ควร ขณะที่กลุ่มทุนใหญ่เพียงไม่กี่ตระกูล ยังคงกอบโกยผลประโยชน์ของชาติได้มิหยุดหย่อน..

การทำงานที่ผ่านมาโดยไร้วิสัยทัศน์ของรัฐบาล “บิ๊กตู่” ที่แก้ปัญหาชาติตามระบบรัฐข้าราชการ ซึ่งปฏิบัติงานกันแบบ “ผักชีโรยหน้า” แล้ว “ไปตายเอาดาบหน้า” เพราะ“บิ๊กตู่” มักแก้ปัญหารายวันแบบ “วัวหายล้อมคอก”เป็นหลัก แทนที่จะแก้ปัญหาให้ชาติอย่างยั่งยืนเป็นหลัก

อดีต “นายกฯ รัฐประหารบิ๊กตู่” เป็นรัฐบาลที่มีพลังดั่ง “ราชสีห์” ถ้าใช้อำนาจเผด็จการเบ็ดเสร็จ คงแก้ต้นเหตุปัญหาสำคัญๆให้ชาติได้มากมายแล้ว-ถ้ารักชาติจริง!

ปัจจุบัน “นายกฯ เลือกตั้งบิ๊กตู่” เป็นรัฐบาลไร้พลังดุจ“เป็ดง่อย” อำนาจอันอ่อนแอปวกเปียกในขณะนี้ จะแก้ไขต้นเหตุปัญหาชาติได้อีกหรือ?-ได้แต่ฝันหวานว่ะ..!

เฮ้อ..ที่ผ่านมา “บิ๊กตู่” มีอำนาจล้นฟ้า ยังแก้ปัญหาชาติแบบ “วัวหายล้อมคอก” เลย!

อืม..ยามนี้ อำนาจ “บิ๊กตู่” อ่อนปวกเปียก คงต้องแก้ปัญหาแบบ “เป็ดหายล้อมเล้า”ว่ะ!


กำลังโหลดความคิดเห็น