xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“โจ๊ก” เบี่ยงเป้าไป ปปง. อย่าลืมตรวจ “ฟาสต์แทรกต์-VFS” นะจ๊ะ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ก็เป็นอันชัดเจนแล้วว่า กรณี “โจ๊กท่ายาก” โยงใยกับความขัดแย้งและแย่งชิงอำนาจภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) โดยมี “พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล” อดีตผู้บัญชาการตรวจคนเข้าเมือง(สตม.) เป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน และ “เป้าหมาย” ก็คือ “บิ๊กแป๊ะ-พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา” ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

อย่างไรก็ดี ต้องบอกว่า นับแต่มี “มือดี”ลั่นกระสุนใส่รถยนต์ “บิ๊กโจ๊ก” เมื่อช่วงกลางดึกเมื่อคืนวันที่ 6 มกราคม 2563 คดีมิได้มีความคืบหน้าอะไรมากนัก เช่นเดียวกับเรื่องไบโอเมทริกซ์ แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทำให้สังคมรับรู้ได้ว่า “ใครอยู่ฝั่งใคร”

ที่ชัดๆ ฝ่าย “บิ๊กโจ๊ก” ก็คือ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อาวุโสลำดับที่ 1 ซึ่งมีลุ้นเก้าอี้บิ๊กกรมปทุมวันหลัง “บิ๊กแป๊ะ” เกษียณอายุราชการ

อีกคนหนึ่งก็คือ “ไพรัตน์ go hair” หรือ “พ.ต.อ.ไพรัตน์ ไพพรรณรัตน์” รองผู้บังคับการอำนวยการตำรวจภูธร ภาค 9(รอง ผบก.อก.ภ.9) ที่ยื่นฟ้อง “บิ๊กแป๊ะ” ต่อศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง

รองไพรัตน์มีปัญหากับ “บิ๊กใหม่-พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์” รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถึงขั้นฟ้องร้อง แต่ศาลก็ได้พิพากษายกฟ้องไปแล้ว ทั้งศาลจังหวัดเพชรบุรีและศาลแพ่งกรุงเทพใต้เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2562 แต่คราวนี้รองไพรัตน์เล่นใหญ่ไปฟ้อง “บิ๊กแป๊ะ” ในห้วงเวลาที่เกิดเรื่องกับ “บิ๊กแป๊ะ” ทำให้มิอาจมองเป็นอื่นไปได้

ส่วนประเภท “นิรนาม” ก็เป็นที่รู้ๆ กันอยู่ว่ามีใครบ้าง เพราะถ้าตรวจสอบเส้นทางของ “บิ๊กโจ๊ก” ก็จะสามารถรับรู้ถึงกลุ่มก๊วนผู้ให้การสนับสนุนเขามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ “บิ๊ก ป.” ที่เคยเป็นใหญ่ใน สตช.มาก่อน

ส่วนฝ่ายที่เห็นชัดว่า ไม่ได้อยู่ข้าง “บิ๊กโจ๊ก” ก็คือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง รวมถึง ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ เป็นต้น

แต่ฝ่ายบิ๊กแป๊ะที่ดูเหมือนจะตกเป็น “เป้าใหญ่” เห็นทีจะหนีไม่พ้น “พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์” ที่ถูกลากเข้าเกี่ยวข้องกับศึกชิงอำนาจกรมปทุมวันแบบเปิดเผย เพราะน่าจะเป็น “คู่แข่ง” ที่ต้องจับตา

ขณะที่เมื่อดูจากท่าทีของ “ผู้มีอำนาจ” และ “ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง” อย่าง “ลุงตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ก็พอจะเห็นว่า “นิ่ง” พร้อมฟันธง “เปรี้ยง” ลงไปว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาความชัดแย้งภายใน

“เป็นเรื่องภายในของเขา ผมก็ย้ำเตือนไปแล้วว่าต้องรักษาองค์กรของท่านด้วย เพราะฉะนั้นมันอยู่ที่คนนั่นแหละ ผมก็ต้องฟังผู้บังคับบัญชาที่เขารับผิดชอบโดยตรงชี้แจงมา และผมก็ให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ร้องเรียนอะไรต่างๆ โดยมีทั้งคณะกรรมการวินัย คณะกรรมการกำลังพลทั้งหมด ถ้าใครไม่ได้รับความเป็นธรรมก็อุทธรณ์ได้ แต่ไม่อยากให้ออกมาพูดในสื่อจะเสียหาย บางทีใช่หรือไม่ใช่ประชาชนก็ตัดสินไปด้วย มันก็เสียทั้งหมด ดังนั้นต้องดูพฤติกรรมของแต่ละคนที่ออกมาร้องเรียนด้วยว่ามีพฤติกรรมอย่างไร เท่าที่ทราบก็มีปัญหาอยู่พอสมควร จึงขออย่าเพิ่งตัดสินผิดถูกกันตอนนี้ แม้กระทั่งการนำเทปมาออกอากาศมันผิดหรือไม่ บันทึกเสียงกันได้หรือไม่แล้วใครเป็นคนนำมาออก ดังนั้นเรื่องเหล่านี้ก็จะมีการตรวจสอบทั้งหมดไม่เช่นนั้นก็จะวุ่นไปหมด...”

ขณะที่ “ลุงป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” พี่ใหญ่ของทั้ง “บิ๊กแป๊ะ-บิ๊กโจ๊ก” ก็ให้สัมภาษณ์ไปในท่วงทำนองเดียวกันว่า “เป็นเรื่องของพี่น้องกัน เขาคุยกันเอง คิดว่าไม่มีอะไร คงไม่ต้องถึงมือผม ให้เขาสองคนไปว่ากันเอง”

งานนี้ ไม่รู้ว่า “บิ๊กบราเธอร์ตัวจริง” จะตัดสินใจอย่างไร เพราะในระยะหลังๆ “บิ๊กแป๊ะ” เลือก “บ้านใหม่” มากกว่า “บ้านเก่า” แถมย้าย“เด็กตั๋ว” ของ “ลูกรัก”ให้พ้นวงโคจรไปเป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ดี มีข่าวออกมาว่า ถ้าหากดัน “บิ๊กโจ๊ก” กลับมา “สตช.” ไม่ได้จริงๆ ก็เล็งหมุดหมายใหม่เอาไว้ที่ “เก้าอี้เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน” หรือ ปปง.

แผนสำรองนี้ต้องถือว่า ไม่ธรรมดา เพราะเก้าอี้ที่มีบทบาทและมีอำนาจไม่น้อย แม้จะไม่เท่า สตช.แต่ก็ไม่เป็นรองเท่าใดนัก

และสมมติว่า ทำสำเร็จ ก็ได้แต่หวังว่า “ว่าที่เลขาฯ ปปง.” คนใหม่จะย้อนกลับมาสอบ เรื่อง “ฟาสต์แทร็กต์-VFS” สักหน่อย ก็จะเป็นพระคุณยิ่ง.


กำลังโหลดความคิดเห็น