ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ปูดแผนสำรอง ดัน"โจ๊ก"ขึ้นเลขาฯปปง.
เกมแห่งศักดิ์ศรีเพื่อชิงอำนาจที่เปิดศึกห่ำหั่นกันผ่าน"พร็อกซี่" ของบรรดา"บิ๊กๆ" ผู้มากบารมีในรัฐบาลยังมีเบื้องหลังกันให้ตามต่อ
ว่ากันว่า เดิมทีปฏิบัติการทวงคืนอำนาจในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถูกวางไว้เป็นแผนที่จะผลักดันให้ "โจ๊ก หวานเจี๊ยบ" พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษสำนักนายกรัฐมนตรี ที่รับรู้กันเป็นคนสนิทของผู้ใหญ่ "บิ๊กบราเธอร์" ได้หวนคืนถิ่นสมประสงค์
แต่การกดดัน "บิ๊กแป๊ะ" พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา หวังกระชากลงจากเก้าอี้ ผบ.ตร. ก่อนเกษียณอายุ ที่เป็น "กำแพง" ขวางกั้นดูแล้วน่าจะทลายลงยาก ... อีกอย่างที่สำคัญ "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และประธาน กตร. ดูเหมือนรู้ทันไม่เล่นด้วย แถมยังพูดเป็นนัยไปวันก่อน ถึงกระแสในเรื่องนี้
พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่า "ผมก็ต้องฟังผู้บังคับบัญชาที่เขารับผิดชอบโดยตรงชี้แจงมา และผมก็ให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ร้องเรียนมาต่างๆ เขามีคณะกรรมการวินัย คณะกรรมการกำลังพลทั้งหมด ถ้าใครไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็อุทธรณ์ได้ เขาก็มีคณะกรรมการอุทธรณ์ สามารถโอนย้ายได้หมด ผมไม่อยากให้มีการพูดผ่านสื่อ มันเสียหาย ใช่หรือไม่ใช่ บางทีประชาชนก็เข้ามาตัดสินไปด้วย มันก็เสียทั้งหมด เพราะฉะนั้นต้องดูพฤติกรรมของแต่ละคนที่ออกมาร้องเรียนด้วย ว่าเขามีพฤติกรรมอย่างไร เท่าที่ทราบก็มีปัญหาอยู่พอสมควร"
ในฐานะประธาน ก.ตร เรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันว่า ในก.ตร. มีคณะกรรมการตรวจสอบวินัย เขาก็จะชี้แจงเองว่าคนนี้เป็นอย่างไร พฤติกรรมที่ผ่านมาเป็นอย่างไร มีความผิดอะไรอยู่บ้างหรือไม่เปล่า และการออกมาร้องเรียนผิดวินัยหรือเปล่า แม้แต่การเอาเทปมาออก มันผิดหรือเปล่า มันบันทึกเสียงกันได้ใหม... ใครเป็นคนเอาไปออก เขาสอบหมดนั่นแหละ เขากำลังตั้งคณะกรรมการสอบอยู่ ไม่เช่นนั้นก็วุ่นไปหมดทุกอย่าง"
"เขา" ที่ลุงตู่ว่า "มีปัญหาอยู่พอสมควร" ไม่ได้บอกว่าเป็นใคร แต่ก็รู้กันในทีว่า หมายถึงใคร และ แน่นอน "คนที่ปล่อย" คลิปเสียงสนทนาระหว่าง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา และ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. ก็จะถูกหมายหัวโดนสอบด้วย
แว่วว่า คนที่ปล่อยคลิปเสียง วันนี้เพื่อนพ้องน้องพี่ในวงการสีกากีหมดศรัทธาไม่ไว้ใจกันไปแล้ว เพราะนอกจากผิดมารยาทแล้ว ในแง่ "วินัยทหาร-ตำรวจ" ก็ไม่มีใครยอมรับได้
นี่ดูทรงแล้ว เกมล้มกระดานเปลี่ยนตัว ผบ.ตร. น่าจะเป็นไปได้ยาก โอกาสที่จะยกขบวนการขึ้นมายึดโครงสร้างอำนาจให้เอื้อกับพวกพ้องใน สตช. ของ "บิ๊กบราเธอร์" ดูจะริบหรี่เต็มทน
แม้ความหวังรีเทิร์นคุมอำนาจตำรวจจะริบหรี่ แต่ข่าวลึกล้วงลับแจ้งมาล่าสุดว่า "บิ๊กบราเธอร์" ไม่ยอมรามือ ...ไหนๆ จะผลักดัน "คนสนิท" ก็ต้องดันให้ถึงที่สุด!!
“พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ “ ตอนนี้ยังไม่ได้กลับตำรวจก็ไม่เป็นไร ไปใหญ่ในที่อื่นก่อนก็ไม่เสียหาย โดย "บิ๊กบราเธอร์" เล็งไปที่เก้าอี้ "เลขาธิการ ปปง."
ปปง. หรือ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ถือเป็นองค์กรที่สำคัญมากต่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ... อยู่ในบังคับบัญชาขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี
บทบาทหน้าที่ของเบอร์หนึ่ง "เลขาฯปปง." จึงสำคัญมาก... ฟังว่า "บิ๊กบราเธอร์" จะเดินหน้าขอตำแหน่งใหญ่นี้ ให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์เป็นแผนสำรอง ปลอบใจกันไป อีกทางหนึ่งก็จะเป็นการสยายปีกคุมส่วนราชการที่มีอำนาจไว้ในมืออีกแห่งเหมือนๆ ที่วางคนไว้ที่ ป.ป.ช.
ป.ป.ช. บวก ปปง. แค่นี้อำนาจก็เหลือล้น!
สุดท้ายลุงตู่จะบ้าจี้ไปด้วยรึเปล่า ???
** ปิยบุตร ทำ "นิติสงคราม" กับ "4งูเห่า" ที่ถูกขับพ้นพรรค วางกับดักหวังให้เป็น "งูเห่าเน่า" ตามที่ธนาธรเคยว่าไว้
กรณี "4ส.ส." พรรคอนาคตใหม่ "กวินนาถ ตาคีย์" ส.ส.ชลบุรี "ศรีนวล บุญลือ" ส.ส.เชียงใหม่ "จารึก ศรีอ่อน" ส.ส.จันทบุรี และ "พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา" ส.ส.จันทบุรี ที่ถูกขับพ้นพรรค โทษฐานที่โหวตสวนมติพรรคไปสนับสนุน ร่าง พ.ร.ก.โอนอัตรากำลังพลฯ และยังไปนั่งเป็นองค์ประชุม ในระหว่างการโหวตตั้ง กมธ.พิจารณาผลกระทบจากการใช้ มาตรา 44 จนสุดท้ายทำให้การตั้ง "กมธ.เช็กบิล ม.44" ที่พรรคอนาคตใหม่เสนอ ต้องตกไป
การขับ 4 ส.ส.ออกจากพรรค เริ่มจาก "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ สั่งประชุมวิสามัญสมาชิกพรรค เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.62 เพื่อพิจารณาเรื่องนี้ และที่ประชุมก็มีมติให้ขับ 4 ส.ส.พ้นพรรค... แต่ตามรัฐธรรมนูญ ระบุว่า การจะขับส.ส.พ้นพรรค ต้องใช้มติที่ประชุมส.ส. และกรรมการบริหารพรรค ซึ่ง "ธนาธร" ก็ได้เรียกประชุมใหญ่ ในวันรุ่งขึ้น (17ธ.ค.62) ทันที ซึ่งที่ประชุมก็มีมติให้ขับ 4 ส.ส.พ้นพรรค และมีการแถลงข่าว ออกสื่อเป็นที่รับรู้กันทั่วไป
"ธนาธร" ยังออกมาให้ข่าวสำทับว่า ให้ดูกันต่อไปว่า 4 ส.ส.นี้ จะกลายเป็น "งูเห่าเน่า" เพราะไม่มีใครกล้ารับเข้าพรรค...
ตามกฎหมายพรรคการเมือง ส.ส.ที่ถูกขับพ้นพรรค จะต้องเข้าสังกัดพรรคใหม่ภายใน 30 วัน จึงจะไม่สิ้นสภาพส.ส. ซึ่ง "เดดไลน์" ที่ ส.ส. 4 คน จะต้องหาพรรคสังกัดให้ได้คือภายในวันที่ 16 ม.ค.63
ในระหว่างกรอบเวลา30 วันนี้ ก็เป็นที่รับรู้กันแล้วว่า "กวินนาถ และ จารึก" ไปเข้าสังกัดพรรคพลังท้องถิ่นไท ของ "ชัช เตาปูน" มีการแถลงข่าวเปิดตัว พร้อมแจ้งต่อกกต.ไปเรียบร้อยแล้ว... ส่วน"ศรีนวล" ก็จะเข้าพรรคภูมิใจไทย ของ "เสี่ยหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล ขณะที่ "พ.ต.ท.ฐนภัทร" จะเข้าสังกัดพรรคพลังประชารัฐ เพียงแต่สองคนหลังนี้ คือ "ศรีนวล-พ.ต.ท.ฐนภัทร" ทางพรรคต้นสังกัดใหม่ยังไม่มีการประกาศรับเข้าพรรคอย่างเป็นทางการ...เนื่องจากยังไม่มีเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรไปแสดงว่า ถูกขับออกจากพรรคอนาคตใหม่แล้ว
ซึ่งตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง กรณีพรรคการเมืองมีมติให้ขับส.ส.ออกจากพรรค จะต้องทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร แจ้งต่อ ส.ส.ที่ถูกขับออก และต้องทำหนังสือแจ้งไปยัง กกต. เพื่อยืนยันว่าบุคคลดังกล่าวขาดจากการเป็นสมาชิกพรรคแล้ว ... แต่พรรคอนาคตใหม่ไม่ได้ทำทั้งสองอย่าง
ปัญหาข้อกฎหมายจึงเกิดขึ้นกับ "4ส.ส." ทันที เพราะขณะนี้ตามเอกสารทะเบียนของ กกต. ทั้ง 4 คน ยังเป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่...กรณีของ "กวินนาถ-จารึก" จึงกลายเป็นว่า มีชื่อเป็นสมาชิก 2 พรรคการเมือง อาจถูกนายทะเบียนพรรคการเมือง ลบชื่อออกจากการเป็นสมาชิกทั้ง 2 พรรค ก็จะส่งผลให้ต้องสิ้นสภาพการเป็นส.ส.ทันที
ส่วน "ศรีนวล-พ.ต.ท.ฐนภัทร" ยังไม่ได้เข้าพรรคใหม่ และมีเดดไลน์แค่วันนี้ (16ม.ค.) ถ้าไม่มีพรรคสังกัด ก็สิ้นสภาพ ส.ส. แต่ถ้าไปสังกัดพรรคใหม่ ก็จะมีชื่อเป็นสมาชิก 2 พรรคการเมือง ก็สิ้นสภาพส.ส.อีกเหมือนกัน...
เรื่องนี้ "ปิยบุตร แสงกนกกุล" เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ชี้แจงถึงเหตุที่ไม่ได้ทำหนังสือแจ้งให้ผู้ที่ถูกขับออกจากพรรค และ แจ้งต่อกกต.ว่า เนื่องจากอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่า องค์ประชุมในวันนั้น (17ธ.ค.62) ถูกต้องหรือไม่ เพราะต้องมีทั้ง ส.ส. กรรมการบริหารพรรค และตัวแทนภาค ซึ่งการเรียกประชุมเป็นไปอย่างฉุกละหุก จึงอาจจะขาดตัวแทนภาคมาเข้าร่วม ต้องขอตรวจสอบก่อน
"ตอนนี้ผมกำลังตามเรื่องอยู่ทุกวัน พรรคเรามีหลายเรื่องมาก ถ้าลดจำนวนคดีให้เราน้อยๆหน่อย จะได้มีเวลาไปทำเรื่องพวกนี้ ขณะนี้เราต้องแก้คดีทุกวัน เต็มไปหมด แต่ทั้ง 4 คนคงไม่ต้องกังวลใจอะไร เพราะได้ประกาศตัวชัดเจนแล้ว ถ้าไปปรากฏชื่อซ้อนกัน 2 พรรค ก็เป็นหน้าที่ของ กกต. ที่จะพิจารณา"
แถม "ปิยบุตร" ยังบอกอย่างไม่ยี่หระว่า ความจริงแล้วเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาของพรรค แต่เป็นปัญหาของทั้ง 4 คนที่ก่อขึ้นเอง ก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป
คราวนี้ไปดูที่ กกต.กันบ้าง...ถ้าว่าด้วยเรื่องจำนวนและรายชื่อสมาชิกพรรคการเมืองแล้ว กกต.จะต้องทำรายงานการเพิ่ม ลด จำนวนสมาชิกพรรค ไตรมาสสุดท้ายปี 62 คือ ตั้งแต่ 1 ต.ค. -31 ธ.ค. 62 ที่ทุกพรรคการเมืองต้องส่งมายังกกต. ภายในวันที่ 15 ม.ค.63 ล่าสุด ณ เวลา 16.30 น. ของวันที่ 15 ม.ค. สำนักงานกกต. ก็ยังไม่ได้รับเอกสารรายงานจากพรรคอนาคตใหม่ ระบบฐานข้อมูลจึงปรากฏชื่อ ส.ส.ทั้ง 4 คนนี้ ยังเป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่อยู่ ... แต่ กกต.ก็ยังมองในแง่ดีว่า พรรคอาจจะส่งมาทางไปรษณีย์ตามกรอบเวลา แต่ยังมาไม่ถึงสำนักงานกกต. ก็อาจเป็นได้
กลายเป็นว่า "4 ส.ส." ต้องมาเจอกับ "กับดัก" ของพรรคอนาคตใหม่ หรือเจอ "นิติสงคราม" ตามวาทกรรมของ "ปิยบุตร" ...เพื่อให้กลายเป็น "งูเห่าเน่า" ตามที่ธนาธร เคยบอกไว้
สถานการณ์ของ "4ส.ส." ตอนนี้คือ 2 คนแรก มีชื่อสังกัดใน 2 พรรคการเมืองไปแล้ว... ส่วน 2 คน หลังยังเข้าสังกัดพรรคการเมืองใหม่ไม่ได้ เพราะไม่มีหนังสือแสดงตนว่าถูกขับออกจากพรรค... และหากพ้นเดดไลน์ คือวันนี้ (16 ม.ค.)ไปแล้ว ก็จะสิ้นสภาพ ส.ส.
ขณะนี้ จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า ทั้ง 4 คน หลุดจากการเป็นส.ส.แล้ว ใช่หรือไม่ ซึ่งสุดท้ายก็คงต้องมีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ