ข่าวปนคน คนปนข่าว
**เกมแซะเก้าอี้"ผบ.ตร."ลึกกว่าที่คิด เมื่อ"ระดับบิ๊ก" ทำสงครามห่ำหั่นกันผ่านตัวแทน ดันคดี "โจ๊ก" ขย่มให้ปลด "จักรทิพย์" หวังกินรวบหลายเด้ง
ว่ากันว่า ในวงการสีกากี "รู้แต่ไม่พูด" กรณีคดีลอบยิงรถ"โจ๊ก หวานเจี๊ยบ" พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีต ผบ.สตม. ที่ปรึกษาพิเศษสำนักนายกรัฐมนตรี ... เป็นอันรู้กันว่าปรากฏการณ์นี้ ถึงที่สุด เป็น"เกม"เกมหนึ่ง ที่คนระดับ "บิ๊กบราเธอร์" เขาเล่นกัน เพื่ออะไร ? ทำไม ? เดี๋ยวมาว่ากัน...
เรื่องนี้ เมื่อวันก่อน "พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส" หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พูดแทงใจคนเล่นเกมไปแบบผิวๆว่า เชื่อว่า เหตุการณ์คนร้ายลอบยิงรถของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เป็นการจัดฉากสร้างสถานการณ์ เพื่อปลด"พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา" ผบ.ตร. ออกก่อนที่จะเกษียณปีนี้
สังเกตหรือไม่ว่า หลังเกิดเหตุ มีการรับลูกส่งลูกกันปุ๊บปั๊บ ตีวงข่าวให้แคบไปในทางเดียวกัน ปั้นเรื่องให้คนถูกลอบยิงเป็นพระเอกที่กระโดดมาขวางการทุจริต คอร์รัปชัน โดยชี้ไปที่ ผบ.ตร. คือคนที่ต้องรับผิดชอบ
ประกอบกับมีการปล่อย "คลิปเสียง" ระหว่าง พล.ต.อ.จักรทิพย์ กับ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. ความเชื่อที่ว่านี้ ก็ยิ่งชัด!
คลิปเสียงปล่อยออกมาในจังหวะพอดิบพอดี ที่เจตนาจะกระพือตอกย้ำว่า... นี่ไง "บิ๊กแป๊ะ" โดดขวางคดี ถ้าไม่ร้อนจริงจะสั่งรองฯ วิระชัย ไปทำไม
แต่เหรียญมีสองด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ เคลียร์ตัวเองได้ว่า ที่พูดนั่นคืออะไร พร้อมกับโยนคำถามกลับไปว่า "ใครได้ประโยชน์" จากการปล่อยคลิปเสียงนี้กันแน่
คำถามนี้ ก็ยังเป็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ที่ออกมาพูดไขข้อสงสัยของสังคมโดยเชื่อว่า คนที่ปล่อยคลิปเสียงก็น่าจะเป็นคนที่คุยกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ซึ่งน่าจะเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์ จากการเปลี่ยนตัว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มากที่สุด!!
และจากประสบการณ์ ตัวเองก็เคยถูกเล่นงานในลักษณะนี้ จนถูกเปลี่ยนตัว ผบ.ตร. ก่อนเกษียณอายุราชการมาแล้ว แต่ไม่รุนแรงถึงขั้นยิงกันแบบนี้ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า "พล.ต.ท.สุรเชษฐ์" เข้าพัวพันกับเรื่อง ก็เพราะต้องการกลับมาเป็นตำรวจอีกครั้ง !
ในวงการสีกากีรู้กันว่า "พล.ต.อ.วิระชัย" เป็นรองฯ ผบ.ตร. ที่มีโอกาสที่จะก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งแทน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ขณะที่โดยส่วนตัว พล.ต.อ.วิระชัย กับ "โจ๊ก หวานเจี๊ยบ" ก็มีความสนิทสนมกันโดยส่วนตัว ถ้าเป็นไปอย่างที่คาด โอกาสที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ จะรีเทิร์นมา สตช. ก็สูง เงื่อนไขไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ ขอแค่เปลี่ยนหัว ผบ.ตร. แล้วดันคนอื่นขึ้นแทนที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ เส้นทางก็จะง่ายขึ้น
ในคลิปเสียงจึงไม่แปลกที่ "พล.ต.อ. จักรทิพย์" จะบอกว่า "ผมดูออกเรื่องพวกนี้ ไม่ใช่ดูไม่ออก แล้วไปบอกกันที่ 98 คอนโดเพลินจิตนั่น รู้หมดนั่นแหละ แต่ไม่เคยพูด ที่โทร. มา มีแค่นี้แหละ ทำอะไรก็ได้ ที่ผู้บังคับบัญชาเขาไว้ใจ อย่าได้ระแวง เข้าใจเปล่า"
ขณะที่ "พล.ต.อ.วิระชัย" พยายามจะบอก ที่ลงไปกำกับคดี ก็เพราะว่าถ้าไม่มีใครทำอะไร ก็เกรงจะถูกครหาว่า เราไม่ทำอะไร
นั่นคือ เหตุผลที่ "พล.ต.อ. จักรทิพย์ : จะย้อนกลับว่า น.1 เขาทำอยู่แล้ว (น.1 รหัสของ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น.) นครบาลเขาทำอยู่แล้ว เขาทำตลอด เขาโทร. รายงานมาว่า วันนี้ทำ นี่ ๆ นครบาลเขาก็ทำอยู่แล้ว ระเบิดศาล ระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎฯ ยังทำได้เลย อย่าไปคล้อยตาม อย่าไปเล่นตามรับลูกกันนะ ทรงอย่างนี้มันดูออก เข้าใจเปล่า "
ตรงนี้ คำพูดต้องย้อนมากล่าว ที่ "พล.ต.อ.จักรทิพย์" โทรเตือน "พล.ต.อ.วีระชัย" ก็เป็นด้วยความหวังดี ที่ไม่อยากได้ยินคำที่ว่า " พล.ต.อ." เดินตามก้น ทำตาม "พล.ต.ท." อย่างว่าง่าย
ว่ากันว่า เรื่องทำนองนี้ มักเกิดขึ้นในสมัยที่"โจ๊ก หวานเจี๊ยบ" ยังเป็นนายตำรวจดาวรุ่งพุ่งแรง แนบชิดในวงอำนาจของผู้มีอำนาจระดับ "บิ๊กบราเธอร์" พลอยมีอำนาจวาสนาถึงขึ้น พล.ต.อ.ทั้งหลายต่างพินอบพิเทา เอาใจนายตำรวจหนุ่มเพื่อหวังผลการโยกย้ายตำแหน่ง
พอ"โจ๊ก" หลุดวงโคจรตำรวจไป สิ่งต่างๆ พวกนี้ก็กลับคืนสภาพปกติ ยิ่งการโยกย้ายตำแหน่งครั้งล่าสุดที่ "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นั่งหัวโต๊ะ ก.ตร. ภายใต้ยุคที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ได้ทำงานเต็มที่ นอกจากไม่มีปัญหาล่าช้า การให้ตำแหน่งแก่คนที่ควรได้ และ อาวุโสได้รับการยอมรับว่า ขจัดการวิ่งเต้นชะงัด เกิดความคาดหวังในการพัฒนางาน และคุณภาพมากกว่าการซื้อขายตำแหน่ง
ตำแหน่งของ ผบ.ตร. จึงสำคัญมาก
ลึกๆ "ผู้มีอำนาจ" ที่เคยจัดการการซื้อขายตำแหน่งใน สตช. ก็อยากจะหวนคืน ขณะที่การเมือง "ลุงตู่" ไว้วางใจและเชื่อมั่น"บิ๊กแป๊ะ" ว่าทำให้องค์กรตำรวจเดินถูกทาง โอกาสจะเปลี่ยนแปลงนั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้
คำพูดของ"โจ๊ก" ที่ว่า คดีของเขาเป็นเรื่องใหญ เป็นเรื่องหมายเอาชีวิต ถ้าเขาเป็น ผบ.ตร. ผ่านมาหลายวันแล้วยังจับใครไม่ได้ ก็ต้องพิจารณาตัวเอง "ลาออก" เป็นคำพูดที่บ่งบอกกลายๆ อยากให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ พ้นๆ เส้นทางนี้ไป
"โจ๊ก" ทำไมไม่มองย้อนไป หรือ แกล้งลืมว่า มีหลายคดี ที่ก็ยังจับคนร้ายไม่ได้เช่นกัน แม้แต่คดีในสมัยที่ "ผู้มีอำนาจ" ที่โจ๊ก ใกล้ชิดแอบอิงอำนาจอยู่ ทำงานให้ในสมัยนั้น มาจนบัดนี้ ผบ.ตร. ที่เคยดูคดี "สนธิ ลิ้มทองกุล" ถูกลอบยิงอุกอาจกว่า 200 นัด ตอนนั้นก็ยังไม่ลาออก และยังคิดจะกลับมาคุม สตช. เสมอ
คนในเขารู้กันว่า คนนี้เคยมีบทบาท เพราะได้บารมีระดับบิ๊กในรัฐบาลหนุนส่ง และตอนหลังก็ถูกลดบทบาทไป "โจ๊ก"ย่อมรู้ดีว่าใคร ?
เมื่อผู้มีพระคุณระดับบิ๊ก เกิดระหองระแหง บทจะงอแงเกเร ก็ไม่ต่างกับเด็ก ต่อหน้าสื่อ ต่อหน้าสังคม ทำเป็นรักกัน แต่เรื่องของอำนาจวาสนา ไม่เข้าใครออกใคร
ฟังว่า ก่อนเกมจัดฉากจะเริ่ม ความสัมพันธ์ของคนระดับบิ๊กๆ ขุ่นมัวตึงเครียดกันหนัก ปัญหาอยู่ที่ "ลุงตู่" มากำกับดูแล ตร.เอง และแถมคุมเกมที่กลาโหม คนเคยเป็น"บิ๊กบราเธอร์" ก็ยากทำใจ อยู่ไปวันๆ ไม่มีอนาคต อำนาจถดถอย ก็เชื่อแรงยุส่ง ลิ่วล้อ คนแวดล้อม ก็อาสาจะทวงความยิ่งใหญ่กลับมาให้ "นาย"
อนาคตถ้าไม่ลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง จะสาละวันเตี้ยลง และหากจะอยู่ในเส้นทางอำนาจ ตร.-ทหาร กลาโหม จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง
คิดสะระตะแล้ว "เปิดวอร์" ดีกว่า แต่ระดับบิ๊กเรียกพี่ ไม่ลงเล่นเองอยู่แล้ว ปล่อยให้ "ตัวแทน" เปิดเกมกันไป เอามือไพล่หลังคอยดูผลงานการศึกอยู่ลับๆ
เบื้องหลังเรื่องนี้ ไล่เรียงความสัมพันธ์กันดีๆ จะรู้ว่า ไผเป็นไผ
ศึกนี้ใหญ่หลวงนัก ลึกกว่าที่คิด โปรดติดตามอย่ากะพริบตา !!
** วิ่งไล่ลุง-เดินเชียร์ลุง เละทั้งคู่ แม้ทั้งสองอีเวนต์ จะมีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก แต่กลายเป็นว่าประชาชนต้องตกเป็นเครื่องมือการเมืองของทั้งสองขั้ว
ผ่านไปแล้ว งาน "วิ่งไล่ลุง" ที่สวนรถไฟ กับ "เดินเชียร์ลุง" ที่สวนลุมพินี แม้จะจบลงด้วยความเรียบร้อย ไม่มีการกระทบกระทั่งกัน เพราะสถานที่จัดงานอยู่กันคนละมุมเมือง...แต่เนื้อหาสาระ ระหว่างก่อนและหลังจัดการจัดกิจกรรมของทั้งสองฝ่าย น่าเป็นห่วงทั้งคู่
"วิ่งไล่ลุง" ตามที่เปิดหน้ากันนั้น จัดโดย "ธนวัฒน์ วงค์ไชย" หรือ "บอล" ประธานสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) มีการโหมโรงมาก่อนหน้านี้เป็นเดือน จุดประสงค์ในตอนแรก บอกว่าเป็นการจัดกิจกรรมเพื่อแสดงออกให้ผู้บริหารบ้านเมือง ที่เป็นคนรุ่นเก่า "รุ่นลุง" ได้รับรู้ว่า หากยังใช้วิธีการเดิมๆ คนเดิมๆ แบบที่ทำกันอยู่นี้ จะมีผลให้ประเทศไม่พัฒนา ไม่เจริญก้าวหน้า และบอกชัดว่า "ลุง" นั้นไม่ได้หมายถึงตัวบุคคล หรือ เจาะจงว่าเป็น "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แต่หมายถึงคนรุ่นเก่าที่ถ่วงความเจริญของประเทศ
เช่นเดียวกับ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ก่อนหน้านั้น ปฏิเสธเต็มปากเต็มคำว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ "วิ่งไล่ลุง" ...แต่พอ กกต. มีมติส่งเรื่อง "ยุบพรรค" จากกรณี "เงินกู้พรรคอนาคตใหม" ให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา วินิจฉัย ชี้ขาด ธนาธร ก็จัด "แฟลชม็อบ" ที่สกายวอล์ก สี่แยกปทุมวัน เมื่อต้นเดือนธ.ค.62 ขึ้นทันที และยังพูดทิ้งท้ายก่อนการสลายการชุมนุม ว่า เจอกันอีกครั้งในเดือนหน้า ซึ่งก็ถูกตีความว่า คงจะหมายถึงเจอกันที่งาน "วิ่งไล่ลุง"
แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อในเวลาต่อมา ทั้ง "ธนาธร" และ "ช่อ"พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ก็ออกมาประกาศจะพาคนพรรคอนาคตใหม่ไปร่วม "วิ่งไล่ลุง" และก็ไม่เหนียมอายต่อไปที่จะบอกว่า "ลุง" นั้นหมายถึง "ลุงตู่"
เมื่อชัดเจนว่าเป็น "อีเวนต์การเมือง" เช่นนี้ ทางเพจเฟซบุ๊ก "เชียร์ลุง" ก็ประกาศจัดกิจกรรม "เดินเชียร์ลุง" ขึ้นตามมา โดยกำหนดจัดขึ้นที่ สวนลุมพินี ในวันเดียวกับที่ฝ่ายตรงข้ามจัดวิ่งไล่ลุง คือ 12 ม.ค.63
เมื่อถึงวันที่กำหนดจัดงาน ทั้ง"ธนาธร-ช่อ-โรม-ณัฐชา" ซึ่งเป็นระดับนำของพรรคอนาคตใหม่พาสมาชิกไปร่วม”ไล่ลุง” กันคึกคัก นอกจากนี้ยังมีแนวร่วม อย่าง "กิตติรัตน์ ณ ระนอง" รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย "จอห์น วิญญู" ดารานักแสดง , "พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง" เลขาธิการพรรคประชาชาติ "สมชัย ศรีสุทธิยากร" อดีต กกต. รวมทั้ง"โบว์" ณัฏฐา มหัทธนา แกนนำคนอยากเลือกตั้ง ก็ไปร่วมกันพร้อมหน้า ...งานวิ่งไล่ลุง จึงเป็นอีเวนต์ ที่บรรยากาศโดยรวมพุ่งเป้าไปที่การไล่ "รัฐบาลลุงตู่"
"ธนาธร" ถึงกับประกาศว่า ...นี่คือเสียงของประชาชนที่บอกว่า เราไม่พอใจกับการสืบทอดอำนาจของ คสช. เราต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง ต้องการประชาธิปไตยกลับคืนมา นี่คือจิตวิญญาณของคนที่ไม่ยอมจำนนต่อเผด็จการ และปี 2563 เราจะเห็นการชุมนุมของประชาชนออกมามากขึ้นกว่านี้...
บรรยากาศ "วิ่งไล่ลุง"ครั้งนี้ ทำเอาคนรุ่นใหม่ หรือคนที่อัดอั้นตันใจกับรัฐบาล คิดว่าพอจะหาที่ระบายซะหน่อยจึงไปร่วม แล้วก็ผิดหวังไปตามๆ กัน หลายคนบ่นว่า อีเวนต์ที่น่าจะสนุก กลายเป็นถูกเอาไปรับใช้พรรคการเมือง เป็นสัญลักษณ์ว่าคนที่มาร่วมนี้ เลือกยืนอยู่ข้างเดียวกับ"ธนาธร" ไปเสียฉิบ
หันกลับไปมอง "เดินเชียร์ลุง" ที่สวนลุมพินีบ้าง ก็มี พล.ต.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ , ร.อ.ทรงกลด ชื่น
ชูผล หรือ ผู้กองปูเค็ม , "อุ๊" หฤทัย ม่วงบุญศรี นักร้องชื่อดัง มาเข้าร่วมเป็นตัวชูโรง ร่วมกับพวก อดีตกปปส. เก่าๆ แก่ๆ สายลุงกำนัน เหมือนพวกตกขอบ ไม่มีแนวร่วมใหม่ๆ เข้ามา กิจกรรมในงานนอกจากเดินตะโกน "ลุงตู่สู้ๆ- ลุงตู่อยู่ยาว" แล้วก็มีการเขียนข้อความเชียร์ลุงตู่ไปติดไว้ที่บอร์ดที่ทางคณะผู้จัดงานจัดไว้ มีการนำรูปแตงโม , ส้มเขียวหวาน และ สตรอเบอร์รี่ มาให้ผู้ร่วมกิจกรรมเดินเชียร์ลุง แสดงออกถึงความไม่พอใจ ด้วยการ ด่า ประณาม ตบ ตี ซึ่งเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เพื่อสื่อสารไปถึงพรรคการเมืองบางพรรค
หากจะว่ากันตามความจริงแล้ว กิจกรรม "เดินเชียร์ลุง" ไม่น่าจะจัดขึ้นมาประชันกับ "วิ่งไล่ลุง" จนทำให้เห็นถึงเจตนารมณ์ทางการเมืองของสองขั้วอย่าชัดแจ้ง แถมจัดขึ้นมาแล้วก็ไม่ได้"ภาพทางการเมือง" ที่ดีขึ้นมาแต่อย่างใด รัฐบาลมักบอกว่าอย่าสร้างความแตกแยก อย่าทำให้สังคมแบ่งฝักแบ่งฝ่าย เพราะไม่เกิดผลดีต่อประเทศ แต่ก็ยังปล่อยให้ "แนวร่วม" จัดขึ้นมา
ไหนๆ ก็ไหนๆ ถ้าทีมงาน "ลุงตู่" คิดได้ คิดเป็น น่าจะให้ "ลุงตู่" ไปร่วมวิ่งที่สวนรถไฟ กับพวก"วิ่งไล่ลุง" แล้วออกวิ่งนำหน้าไปเลยจะได้ภาพที่เปิดกว้าง เหมือนที่"ลุงตู่" เคยบอกว่า วิ่งให้ทันก็แล้วกัน ... ถ้าเป็นแบบนี้ สีสันการเมืองก็จะพลิกมาอีกด้าน!!
---------
รูป -พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา- พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา - พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล
-วิ่งไล่ลุง- เดินเชียร์ลุง
**เกมแซะเก้าอี้"ผบ.ตร."ลึกกว่าที่คิด เมื่อ"ระดับบิ๊ก" ทำสงครามห่ำหั่นกันผ่านตัวแทน ดันคดี "โจ๊ก" ขย่มให้ปลด "จักรทิพย์" หวังกินรวบหลายเด้ง
ว่ากันว่า ในวงการสีกากี "รู้แต่ไม่พูด" กรณีคดีลอบยิงรถ"โจ๊ก หวานเจี๊ยบ" พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีต ผบ.สตม. ที่ปรึกษาพิเศษสำนักนายกรัฐมนตรี ... เป็นอันรู้กันว่าปรากฏการณ์นี้ ถึงที่สุด เป็น"เกม"เกมหนึ่ง ที่คนระดับ "บิ๊กบราเธอร์" เขาเล่นกัน เพื่ออะไร ? ทำไม ? เดี๋ยวมาว่ากัน...
เรื่องนี้ เมื่อวันก่อน "พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส" หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พูดแทงใจคนเล่นเกมไปแบบผิวๆว่า เชื่อว่า เหตุการณ์คนร้ายลอบยิงรถของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เป็นการจัดฉากสร้างสถานการณ์ เพื่อปลด"พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา" ผบ.ตร. ออกก่อนที่จะเกษียณปีนี้
สังเกตหรือไม่ว่า หลังเกิดเหตุ มีการรับลูกส่งลูกกันปุ๊บปั๊บ ตีวงข่าวให้แคบไปในทางเดียวกัน ปั้นเรื่องให้คนถูกลอบยิงเป็นพระเอกที่กระโดดมาขวางการทุจริต คอร์รัปชัน โดยชี้ไปที่ ผบ.ตร. คือคนที่ต้องรับผิดชอบ
ประกอบกับมีการปล่อย "คลิปเสียง" ระหว่าง พล.ต.อ.จักรทิพย์ กับ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. ความเชื่อที่ว่านี้ ก็ยิ่งชัด!
คลิปเสียงปล่อยออกมาในจังหวะพอดิบพอดี ที่เจตนาจะกระพือตอกย้ำว่า... นี่ไง "บิ๊กแป๊ะ" โดดขวางคดี ถ้าไม่ร้อนจริงจะสั่งรองฯ วิระชัย ไปทำไม
แต่เหรียญมีสองด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ เคลียร์ตัวเองได้ว่า ที่พูดนั่นคืออะไร พร้อมกับโยนคำถามกลับไปว่า "ใครได้ประโยชน์" จากการปล่อยคลิปเสียงนี้กันแน่
คำถามนี้ ก็ยังเป็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ที่ออกมาพูดไขข้อสงสัยของสังคมโดยเชื่อว่า คนที่ปล่อยคลิปเสียงก็น่าจะเป็นคนที่คุยกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ซึ่งน่าจะเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์ จากการเปลี่ยนตัว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มากที่สุด!!
และจากประสบการณ์ ตัวเองก็เคยถูกเล่นงานในลักษณะนี้ จนถูกเปลี่ยนตัว ผบ.ตร. ก่อนเกษียณอายุราชการมาแล้ว แต่ไม่รุนแรงถึงขั้นยิงกันแบบนี้ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า "พล.ต.ท.สุรเชษฐ์" เข้าพัวพันกับเรื่อง ก็เพราะต้องการกลับมาเป็นตำรวจอีกครั้ง !
ในวงการสีกากีรู้กันว่า "พล.ต.อ.วิระชัย" เป็นรองฯ ผบ.ตร. ที่มีโอกาสที่จะก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งแทน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ขณะที่โดยส่วนตัว พล.ต.อ.วิระชัย กับ "โจ๊ก หวานเจี๊ยบ" ก็มีความสนิทสนมกันโดยส่วนตัว ถ้าเป็นไปอย่างที่คาด โอกาสที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ จะรีเทิร์นมา สตช. ก็สูง เงื่อนไขไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ ขอแค่เปลี่ยนหัว ผบ.ตร. แล้วดันคนอื่นขึ้นแทนที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ เส้นทางก็จะง่ายขึ้น
ในคลิปเสียงจึงไม่แปลกที่ "พล.ต.อ. จักรทิพย์" จะบอกว่า "ผมดูออกเรื่องพวกนี้ ไม่ใช่ดูไม่ออก แล้วไปบอกกันที่ 98 คอนโดเพลินจิตนั่น รู้หมดนั่นแหละ แต่ไม่เคยพูด ที่โทร. มา มีแค่นี้แหละ ทำอะไรก็ได้ ที่ผู้บังคับบัญชาเขาไว้ใจ อย่าได้ระแวง เข้าใจเปล่า"
ขณะที่ "พล.ต.อ.วิระชัย" พยายามจะบอก ที่ลงไปกำกับคดี ก็เพราะว่าถ้าไม่มีใครทำอะไร ก็เกรงจะถูกครหาว่า เราไม่ทำอะไร
นั่นคือ เหตุผลที่ "พล.ต.อ. จักรทิพย์ : จะย้อนกลับว่า น.1 เขาทำอยู่แล้ว (น.1 รหัสของ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น.) นครบาลเขาทำอยู่แล้ว เขาทำตลอด เขาโทร. รายงานมาว่า วันนี้ทำ นี่ ๆ นครบาลเขาก็ทำอยู่แล้ว ระเบิดศาล ระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎฯ ยังทำได้เลย อย่าไปคล้อยตาม อย่าไปเล่นตามรับลูกกันนะ ทรงอย่างนี้มันดูออก เข้าใจเปล่า "
ตรงนี้ คำพูดต้องย้อนมากล่าว ที่ "พล.ต.อ.จักรทิพย์" โทรเตือน "พล.ต.อ.วีระชัย" ก็เป็นด้วยความหวังดี ที่ไม่อยากได้ยินคำที่ว่า " พล.ต.อ." เดินตามก้น ทำตาม "พล.ต.ท." อย่างว่าง่าย
ว่ากันว่า เรื่องทำนองนี้ มักเกิดขึ้นในสมัยที่"โจ๊ก หวานเจี๊ยบ" ยังเป็นนายตำรวจดาวรุ่งพุ่งแรง แนบชิดในวงอำนาจของผู้มีอำนาจระดับ "บิ๊กบราเธอร์" พลอยมีอำนาจวาสนาถึงขึ้น พล.ต.อ.ทั้งหลายต่างพินอบพิเทา เอาใจนายตำรวจหนุ่มเพื่อหวังผลการโยกย้ายตำแหน่ง
พอ"โจ๊ก" หลุดวงโคจรตำรวจไป สิ่งต่างๆ พวกนี้ก็กลับคืนสภาพปกติ ยิ่งการโยกย้ายตำแหน่งครั้งล่าสุดที่ "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นั่งหัวโต๊ะ ก.ตร. ภายใต้ยุคที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ได้ทำงานเต็มที่ นอกจากไม่มีปัญหาล่าช้า การให้ตำแหน่งแก่คนที่ควรได้ และ อาวุโสได้รับการยอมรับว่า ขจัดการวิ่งเต้นชะงัด เกิดความคาดหวังในการพัฒนางาน และคุณภาพมากกว่าการซื้อขายตำแหน่ง
ตำแหน่งของ ผบ.ตร. จึงสำคัญมาก
ลึกๆ "ผู้มีอำนาจ" ที่เคยจัดการการซื้อขายตำแหน่งใน สตช. ก็อยากจะหวนคืน ขณะที่การเมือง "ลุงตู่" ไว้วางใจและเชื่อมั่น"บิ๊กแป๊ะ" ว่าทำให้องค์กรตำรวจเดินถูกทาง โอกาสจะเปลี่ยนแปลงนั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้
คำพูดของ"โจ๊ก" ที่ว่า คดีของเขาเป็นเรื่องใหญ เป็นเรื่องหมายเอาชีวิต ถ้าเขาเป็น ผบ.ตร. ผ่านมาหลายวันแล้วยังจับใครไม่ได้ ก็ต้องพิจารณาตัวเอง "ลาออก" เป็นคำพูดที่บ่งบอกกลายๆ อยากให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ พ้นๆ เส้นทางนี้ไป
"โจ๊ก" ทำไมไม่มองย้อนไป หรือ แกล้งลืมว่า มีหลายคดี ที่ก็ยังจับคนร้ายไม่ได้เช่นกัน แม้แต่คดีในสมัยที่ "ผู้มีอำนาจ" ที่โจ๊ก ใกล้ชิดแอบอิงอำนาจอยู่ ทำงานให้ในสมัยนั้น มาจนบัดนี้ ผบ.ตร. ที่เคยดูคดี "สนธิ ลิ้มทองกุล" ถูกลอบยิงอุกอาจกว่า 200 นัด ตอนนั้นก็ยังไม่ลาออก และยังคิดจะกลับมาคุม สตช. เสมอ
คนในเขารู้กันว่า คนนี้เคยมีบทบาท เพราะได้บารมีระดับบิ๊กในรัฐบาลหนุนส่ง และตอนหลังก็ถูกลดบทบาทไป "โจ๊ก"ย่อมรู้ดีว่าใคร ?
เมื่อผู้มีพระคุณระดับบิ๊ก เกิดระหองระแหง บทจะงอแงเกเร ก็ไม่ต่างกับเด็ก ต่อหน้าสื่อ ต่อหน้าสังคม ทำเป็นรักกัน แต่เรื่องของอำนาจวาสนา ไม่เข้าใครออกใคร
ฟังว่า ก่อนเกมจัดฉากจะเริ่ม ความสัมพันธ์ของคนระดับบิ๊กๆ ขุ่นมัวตึงเครียดกันหนัก ปัญหาอยู่ที่ "ลุงตู่" มากำกับดูแล ตร.เอง และแถมคุมเกมที่กลาโหม คนเคยเป็น"บิ๊กบราเธอร์" ก็ยากทำใจ อยู่ไปวันๆ ไม่มีอนาคต อำนาจถดถอย ก็เชื่อแรงยุส่ง ลิ่วล้อ คนแวดล้อม ก็อาสาจะทวงความยิ่งใหญ่กลับมาให้ "นาย"
อนาคตถ้าไม่ลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง จะสาละวันเตี้ยลง และหากจะอยู่ในเส้นทางอำนาจ ตร.-ทหาร กลาโหม จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง
คิดสะระตะแล้ว "เปิดวอร์" ดีกว่า แต่ระดับบิ๊กเรียกพี่ ไม่ลงเล่นเองอยู่แล้ว ปล่อยให้ "ตัวแทน" เปิดเกมกันไป เอามือไพล่หลังคอยดูผลงานการศึกอยู่ลับๆ
เบื้องหลังเรื่องนี้ ไล่เรียงความสัมพันธ์กันดีๆ จะรู้ว่า ไผเป็นไผ
ศึกนี้ใหญ่หลวงนัก ลึกกว่าที่คิด โปรดติดตามอย่ากะพริบตา !!
** วิ่งไล่ลุง-เดินเชียร์ลุง เละทั้งคู่ แม้ทั้งสองอีเวนต์ จะมีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก แต่กลายเป็นว่าประชาชนต้องตกเป็นเครื่องมือการเมืองของทั้งสองขั้ว
ผ่านไปแล้ว งาน "วิ่งไล่ลุง" ที่สวนรถไฟ กับ "เดินเชียร์ลุง" ที่สวนลุมพินี แม้จะจบลงด้วยความเรียบร้อย ไม่มีการกระทบกระทั่งกัน เพราะสถานที่จัดงานอยู่กันคนละมุมเมือง...แต่เนื้อหาสาระ ระหว่างก่อนและหลังจัดการจัดกิจกรรมของทั้งสองฝ่าย น่าเป็นห่วงทั้งคู่
"วิ่งไล่ลุง" ตามที่เปิดหน้ากันนั้น จัดโดย "ธนวัฒน์ วงค์ไชย" หรือ "บอล" ประธานสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) มีการโหมโรงมาก่อนหน้านี้เป็นเดือน จุดประสงค์ในตอนแรก บอกว่าเป็นการจัดกิจกรรมเพื่อแสดงออกให้ผู้บริหารบ้านเมือง ที่เป็นคนรุ่นเก่า "รุ่นลุง" ได้รับรู้ว่า หากยังใช้วิธีการเดิมๆ คนเดิมๆ แบบที่ทำกันอยู่นี้ จะมีผลให้ประเทศไม่พัฒนา ไม่เจริญก้าวหน้า และบอกชัดว่า "ลุง" นั้นไม่ได้หมายถึงตัวบุคคล หรือ เจาะจงว่าเป็น "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แต่หมายถึงคนรุ่นเก่าที่ถ่วงความเจริญของประเทศ
เช่นเดียวกับ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ก่อนหน้านั้น ปฏิเสธเต็มปากเต็มคำว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ "วิ่งไล่ลุง" ...แต่พอ กกต. มีมติส่งเรื่อง "ยุบพรรค" จากกรณี "เงินกู้พรรคอนาคตใหม" ให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา วินิจฉัย ชี้ขาด ธนาธร ก็จัด "แฟลชม็อบ" ที่สกายวอล์ก สี่แยกปทุมวัน เมื่อต้นเดือนธ.ค.62 ขึ้นทันที และยังพูดทิ้งท้ายก่อนการสลายการชุมนุม ว่า เจอกันอีกครั้งในเดือนหน้า ซึ่งก็ถูกตีความว่า คงจะหมายถึงเจอกันที่งาน "วิ่งไล่ลุง"
แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อในเวลาต่อมา ทั้ง "ธนาธร" และ "ช่อ"พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ก็ออกมาประกาศจะพาคนพรรคอนาคตใหม่ไปร่วม "วิ่งไล่ลุง" และก็ไม่เหนียมอายต่อไปที่จะบอกว่า "ลุง" นั้นหมายถึง "ลุงตู่"
เมื่อชัดเจนว่าเป็น "อีเวนต์การเมือง" เช่นนี้ ทางเพจเฟซบุ๊ก "เชียร์ลุง" ก็ประกาศจัดกิจกรรม "เดินเชียร์ลุง" ขึ้นตามมา โดยกำหนดจัดขึ้นที่ สวนลุมพินี ในวันเดียวกับที่ฝ่ายตรงข้ามจัดวิ่งไล่ลุง คือ 12 ม.ค.63
เมื่อถึงวันที่กำหนดจัดงาน ทั้ง"ธนาธร-ช่อ-โรม-ณัฐชา" ซึ่งเป็นระดับนำของพรรคอนาคตใหม่พาสมาชิกไปร่วม”ไล่ลุง” กันคึกคัก นอกจากนี้ยังมีแนวร่วม อย่าง "กิตติรัตน์ ณ ระนอง" รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย "จอห์น วิญญู" ดารานักแสดง , "พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง" เลขาธิการพรรคประชาชาติ "สมชัย ศรีสุทธิยากร" อดีต กกต. รวมทั้ง"โบว์" ณัฏฐา มหัทธนา แกนนำคนอยากเลือกตั้ง ก็ไปร่วมกันพร้อมหน้า ...งานวิ่งไล่ลุง จึงเป็นอีเวนต์ ที่บรรยากาศโดยรวมพุ่งเป้าไปที่การไล่ "รัฐบาลลุงตู่"
"ธนาธร" ถึงกับประกาศว่า ...นี่คือเสียงของประชาชนที่บอกว่า เราไม่พอใจกับการสืบทอดอำนาจของ คสช. เราต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง ต้องการประชาธิปไตยกลับคืนมา นี่คือจิตวิญญาณของคนที่ไม่ยอมจำนนต่อเผด็จการ และปี 2563 เราจะเห็นการชุมนุมของประชาชนออกมามากขึ้นกว่านี้...
บรรยากาศ "วิ่งไล่ลุง"ครั้งนี้ ทำเอาคนรุ่นใหม่ หรือคนที่อัดอั้นตันใจกับรัฐบาล คิดว่าพอจะหาที่ระบายซะหน่อยจึงไปร่วม แล้วก็ผิดหวังไปตามๆ กัน หลายคนบ่นว่า อีเวนต์ที่น่าจะสนุก กลายเป็นถูกเอาไปรับใช้พรรคการเมือง เป็นสัญลักษณ์ว่าคนที่มาร่วมนี้ เลือกยืนอยู่ข้างเดียวกับ"ธนาธร" ไปเสียฉิบ
หันกลับไปมอง "เดินเชียร์ลุง" ที่สวนลุมพินีบ้าง ก็มี พล.ต.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ , ร.อ.ทรงกลด ชื่น
ชูผล หรือ ผู้กองปูเค็ม , "อุ๊" หฤทัย ม่วงบุญศรี นักร้องชื่อดัง มาเข้าร่วมเป็นตัวชูโรง ร่วมกับพวก อดีตกปปส. เก่าๆ แก่ๆ สายลุงกำนัน เหมือนพวกตกขอบ ไม่มีแนวร่วมใหม่ๆ เข้ามา กิจกรรมในงานนอกจากเดินตะโกน "ลุงตู่สู้ๆ- ลุงตู่อยู่ยาว" แล้วก็มีการเขียนข้อความเชียร์ลุงตู่ไปติดไว้ที่บอร์ดที่ทางคณะผู้จัดงานจัดไว้ มีการนำรูปแตงโม , ส้มเขียวหวาน และ สตรอเบอร์รี่ มาให้ผู้ร่วมกิจกรรมเดินเชียร์ลุง แสดงออกถึงความไม่พอใจ ด้วยการ ด่า ประณาม ตบ ตี ซึ่งเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เพื่อสื่อสารไปถึงพรรคการเมืองบางพรรค
หากจะว่ากันตามความจริงแล้ว กิจกรรม "เดินเชียร์ลุง" ไม่น่าจะจัดขึ้นมาประชันกับ "วิ่งไล่ลุง" จนทำให้เห็นถึงเจตนารมณ์ทางการเมืองของสองขั้วอย่าชัดแจ้ง แถมจัดขึ้นมาแล้วก็ไม่ได้"ภาพทางการเมือง" ที่ดีขึ้นมาแต่อย่างใด รัฐบาลมักบอกว่าอย่าสร้างความแตกแยก อย่าทำให้สังคมแบ่งฝักแบ่งฝ่าย เพราะไม่เกิดผลดีต่อประเทศ แต่ก็ยังปล่อยให้ "แนวร่วม" จัดขึ้นมา
ไหนๆ ก็ไหนๆ ถ้าทีมงาน "ลุงตู่" คิดได้ คิดเป็น น่าจะให้ "ลุงตู่" ไปร่วมวิ่งที่สวนรถไฟ กับพวก"วิ่งไล่ลุง" แล้วออกวิ่งนำหน้าไปเลยจะได้ภาพที่เปิดกว้าง เหมือนที่"ลุงตู่" เคยบอกว่า วิ่งให้ทันก็แล้วกัน ... ถ้าเป็นแบบนี้ สีสันการเมืองก็จะพลิกมาอีกด้าน!!
---------
รูป -พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา- พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา - พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล
-วิ่งไล่ลุง- เดินเชียร์ลุง