เมื่อวันพุธที่ 15 มกราคาที่ผ่านมา มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นที่วอชิงตัน ดี.ซี. ในเวลาเดียวกัน โดยมีการถ่ายทอดสดจากสถานีโทรทัศน์สำคัญไปทั่วโลก เช่น ซีเอ็นเอ็น, ซีเอ็นบีซี, บีบีซี, บลูมเบิร์ก เพราะเหตุการณ์ทั้งสองส่งผลต่อทั้งโลกทีเดียว
เหตุการณ์แรกคือ พิธีลงนามในข้อตกลงระยะแรก เพื่อเป็นการพักรบในสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
เหตุการณ์ที่สองคือ การประกาศแต่งตั้งคณะผู้จัดการของสภาล่าง เพื่อนำผลการสอบสวนเรื่องปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ (ทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญของสภาล่าง) นำส่งวุฒิสภาเพื่อเปิดการพิจารณาถอดถอนปธน.ทรัมป์
พิธีลงนามข้อตกลงระยะแรกในการพักรบสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน จัดขึ้นที่ทำเนียบขาว ซึ่งการลงนามเกิดขึ้นระหว่างปธน.ทรัมป์ และรองนายกฯ หลิว เหอ ของจีน ท่ามกลางแขกที่ได้รับเชิญมาเป็นพยานร่วมในพิธีกว่า 200 คน
ทรัมป์ได้เตรียมพิธีนี้ให้ใหญ่โตมาก เขาได้ประกาศก่อนหน้านี้ว่า เขาจะลงนามร่วมกับปธน.สี จิ้นผิง ของจีน แต่ปรากฏว่าฝ่ายจีนส่งแค่รองนายกฯ หลิว เหอ มาแทน; ช่างต่างระดับกันมากระหว่างตำแหน่งปธน.และรองนายกฯ; จริงๆ น่าจะเป็นการฉีกหน้าทรัมป์ที่ต้องลดระดับจากประมุขของประเทศมหาอำนาจอันดับหนึ่งในด้านแสนยานุภาพ และขนาดเศรษฐกิจ มานั่งคู่กันแค่รองนายกฯ; ขนาดนายกฯ หลี่ เค่อเฉียง ยังไม่ยอมมาเลย
ทรัมป์ได้พยายามพูดเพื่ออุ้มตลาดหุ้น (talk up) ว่า จะมีการตกลงแน่นอนด้านสงครามการค้า โดยจีนจะยอมตามข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ หลายๆ อย่าง เพราะทรัมป์ได้สร้างภาพจีนให้เป็นผู้ร้ายที่ปล้นตำแหน่งงานไปจากสหรัฐฯ โดยได้เปรียบดุลการค้ากับสหรัฐฯ ถึงเกือบ 4 แสนล้านเหรียญ (ตัวเลขปี 2018)
เพราะสงครามการค้านี้เกิดขึ้นจากทรัมป์ ที่ได้เริ่มไว้ตั้งแต่ตอนหาเสียง ว่าเขาจะต้องทำให้จีนต้องค้าอย่างเป็นธรรมด้วย ไม่ใช่อย่างเสรีอย่างเดียว ซึ่งแม้จากต้นปี 2018 ได้ฟันจีนค้ายามขึ้นภาษีเครื่องซักผ้าจากจีนที่มาขายให้กับแทบทุกครัวเรือนของสหรัฐฯ; แล้วตามด้วยการขึ้นกำแพงภาษีเหล็กและอะลูมิเนียม; แล้วมีสินค้าพวกเครื่องใช้ไฟฟ้า, เสื้อผ้า, โทรศัพท์มือถือ ที่โดนกำหนดภาษีเป็นเท่าตัว ด้วยมูลค่า 5 หมื่นล้านเหรียญ; แล้วตามด้วยสินค้าจากจีนมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญ; และอีก 3 แสนล้านเหรียญเป็นก้อนสุดท้าย โดยได้มีการเจรจากันไปพร้อมๆ กับการทำสงครามการค้ากันไป
ฝ่ายทรัมป์จะพยายามส่งเสียงมาตลอดการเจรจา (ซึ่งบางช่วงก็หยุดเจรจาเพราะถึงทางตันที่จีนไม่ยอมถอยให้เด็ดขาด) และเมื่อถึงทางตัน ทรัมป์จะงัดเอาการกดดันให้หนักข้อยิ่งขึ้น ถึงกับขู่ว่าถ้าจีนไม่ยอมลดราวาศอกตอนนี้ละก้อ จะโดนหนักหน่วงมากยิ่งขึ้น ถ้าเขาได้กลับมาเป็นปธน.ในวาระสอง
ฝ่ายจีนดูจะไม่เต็มใจเจรจา เพราะจะไม่ค่อยแถลงข่าวหรือแสดงท่าทีมากนัก เพียงแต่ประกาศตอบโต้แบบตาต่อตา เช่น ขึ้นกำแพงภาษีในสินค้าที่เป็นฐานเสียงหลักของเขา คือ สินค้าจากอุตสาหกรรมเกษตร และที่จีนไม่ค่อยยอมง่ายๆ เพราะจีนคงวิเคราะห์แล้วว่า ทรัมป์อาจไม่ได้กลับมาเป็นปธน.ในรอบสอง ซึ่งการถ่วงเวลาของจีน ก็เพื่อไม่ต้องเสียของให้กับทรัมป์นั่นเอง
ในพิธีลงนามจึงไม่เห็นแม้แต่เงาของสี จิ้นผิง; เพียงแต่รองนายกฯ หลิว เหอ ได้งัดเอาจดหมายที่ปธน.สี เขียนถึงทรัมป์ก่อนหน้าพิธีนี้มาอ่านให้ฟังเป็นเกียรติกับพิธี
และในเมื่อพิธีนี้จัดในเวลาที่สภาล่างที่ Capitol Hill กำลังอภิปรายดุเดือด (โดยฝ่าย ส.ส.รีพับลิกัน-ที่ไม่เห็นด้วยกับข้อสรุปการไต่สวนให้ทรัมป์ต้องถูกถอดถอน) ในการแต่งตั้งผู้จัดการขบวนการถอดถอนเพื่อนำผลการไต่สวนข้อกล่าวหาทรัมป์ส่งไปให้วุฒิสภา
กว่าจะลงนามข้อตกลงระยะแรก (First Phase) เพื่อเป็นการพักรบสงครามการค้า ก็โดนทรัมป์หาทางถ่วงเวลา (ช่วงก่อนอาหารกลางวัน) เสียเป็นนาน โดยเขาคงพยายามรักษาหน้าว่า การลงนามพักรบนี้เป็นฝีมือของเขาที่ประสบผลสำเร็จในการกดดันจีนให้ต้องซื้อสินค้า (พวกเกษตร) เพิ่มมากขึ้น-เพื่อตักตวงคะแนนจากฐานเสียงเหล่าเกษตรกร (ที่ระยะไม่กี่เดือนมานี้ เริ่มล้มละลายจากหนี้สินที่กู้ยืมจากธนาคาร แล้วยอดขายสินค้าเข้าจีนลดลงฮวบฮาบชนิดมีของเหลือเต็มโกดังเป็นภูเขาเลากาทีเดียว) รวมทั้งต้องเปิดตลาดการเงินเพิ่มขึ้น และสำหรับบริษัทอเมริกันที่ร่วมลงทุนที่จีน จะไม่ถูกกดดันให้ต้องถ่ายทอดเทคโนโลยี (ซึ่งเป็นความลับทางการค้า) ให้กับจีน
น่าสังเกตมากว่า เพียงไม่ถึง 24 ชม.ก่อนลงนามในข้อตกลงการค้าระยะแรก; กระทรวงคลังสหรัฐฯ ประกาศปลดจีนออกจาก List ของประเทศที่ปั่นค่าของเงิน (Currency Manipulator)...ก็เพื่อให้ตลาดเงินตลาดทุนแน่ใจว่าจะมีพิธีลงนามในข้อตกลง และสหรัฐฯ ก็มีเหตุผลพอเพียงสำหรับการทำข้อตกลงนี้; รวมทั้งเป็นการพูดเพื่ออุ้มตลาดเงินตลาดทุนที่เริ่มมีข่าวลือว่า การลงนามอาจต้องเลื่อนไปหลังวันที่ 15 มกราด้วยซ้ำ ซึ่งเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนมาตลอดว่า ข้อตกลงระยะแรกจะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ เพราะทางฝ่ายจีนดูเงียบมาก...เขาได้แต่รอว่าบางทีทรัมป์อาจไม่ได้กลับมา ดังนั้น ก็ไม่ต้องรีบร้อนไปยอมตกลงง่ายๆ กับสหรัฐฯ
ในพิธีที่ทำเนียบขาวครั้งนี้ หลายคนที่ติดตามการถ่ายทอดสด ซึ่งทีวีสำคัญๆ ก็ถ่ายทอด เพราะทั้งโลก (ซึ่งไม่แคล้วอยู่ใน Supply Chain หรือมีคนจีนเป็นลูกค้าในด้านการท่องเที่ยว) จะได้รับผลพวงไม่ทางตรงก็ทางอ้อมต่อเศรษฐกิจของตน (โดยเฉพาะทีวีของจีนก็ถ่ายทอดสดด้วย) ปรากฏว่า หลายคนอาจคิดว่า เป็นการประชุมพรรครีพับลิกัน เพราะปธน.ทรัมป์ได้พยายามหาเหล่าสมาชิกพรรคคนดังๆ มาส่งร่วมพิธี มีทั้ง ดร.เฮนรี คิสซิงเจอร์ รวมทั้งผู้จัดรายการทีวีของ Fox ทางเศรษฐกิจ เช่น Lou Dobbs รวมทั้งรมต.ในคณะของเขามากันเพียบ และยังมี ส.ส.รีพับลิกันเด่นๆ หลายคนที่โดดประชุมสภาเรื่องถอดถอนทรัมป์เพื่อมาให้กำลังใจทรัมป์ในพิธีนี้
ก่อนลงนาม ทรัมป์ได้ถือโอกาสพูดแนะนำผู้เข้าร่วมงานแทบทุกคนที่สำคัญๆ อย่างเยี่ยมยอด เพื่อให้กล้องทีวียังจับภาพของพิธี แทนที่จะไปถ่ายทอดการประชุมดุเดือดที่สภา...แต่ในที่สุดเมื่อเจอไม้เด็ดของทรัมป์ ที่ยืดเวลาด้วยการโอ้เอ้แนะนำผู้เข้าร่วมงานแบบไม่รู้จบ...สถานีทีวีต่างๆ ก็เลยตัดภาพการถ่ายทอดทรัมป์ แล้วหันไปถ่ายทอดที่สภาแทน....โดยสถานีของจีนต้องมาเป็นการวิเคราะห์สงครามการค้าแทนด้วยซ้ำ
พิธีลงนามข้อตกลงการค้าของทรัมป์นั้น จริงๆ แล้วสั้นมากๆ และทรัมป์ก็เสียหายที่ปธน.สี ไม่ได้มาสมดังราคาคุยที่เขาได้พูดจาใหญ่โตไว้ แต่ทรัมป์ก็มีเหลี่ยมคูจัด โดยนำเอาวีไอพีของรีพับลิกันมากันเต็มห้อง และยังแนะนำสรรพคุณของแต่ละคน เพื่อทำให้ฐานเสียงที่หัวปักหัวปำของเขาถูกจูงจมูกว่า ทรัมป์ประสบชัยชนะที่ยิ่งใหญ่กับข้อตกลงพักรบครั้งนี้
ทั้งสองพรรคกำลังช่วงชิงประชาชนอย่างเข้มข้น จึงจัดเวลามาประชันกันได้ขนาดนี้