ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -“สิงห์บางบอน”กับ“เจ้าแม่ลาดปลาเค้า”ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบกันเหมือนเดิม ตามคิวที่ “นายใหญ่”ทักษิณ ชินวัตร ส่งสัญญาณให้ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง มาช่วยเสริมเขี้ยวเล็บในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ในตำแหน่งประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย
ให้หลังไม่กี่วัน มีข่าวปล่อยออกมาว่า“เจ๊หน่อย”คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย เขียนใบลาออก สั่งลูกน้องหอบข้าวหอบของออกจากพรรค
แสดงกันให้เห็นว่า ไม่ปลื้มอย่างยิ่งที่มีการนำ“เฉลิม”มาเป็นกุนซือซักฟอกรัฐบาลให้กับส.ส.แถวสอง แถวสาม ในสภาผู้แทนราษฎร ทั้งที่ในพรรคยังมีประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค นั่งอยู่หัวโด่
เหมือนไม่ไว้วางใจการนำไม่พอ ยังซ้ำเติมด้วยการเอาศัตรูทางการเมืองอย่าง “เฉลิม”มากดดัน เขย่ารังวัดเจ๊หน่อย งานนี้เลยต้องแอ็กชั่น เล่นใหญ่ ยื่นใบลาออก
ที่ผ่านมาก็เหนื่อยหน่าย สมาชิกในพรรคเพื่อไทยส่วนใหญ่ไม่ให้ความเคารพนับถือ ขยันปล่อยข่าวเอาล่อเอาเถิด “เจ๊หน่อย”กันรายวัน
แม้แต่ความพ่ายแพ้การเลือกตั้งซ่อมจังหวัดขอนแก่น แทน “เสี่ยเตาะ”นวัธ เตาะเจริญสุข ที่ติดคุกติดตะราง คดีจ้างวานฆ่า ยังพร้อมใจกันให้ เจ๊หน่อยเป็น“แพะ”รับผิดชอบ โทษฐานรักษาฐานที่มั่นสำคัญเอาไว้ไม่ได้
วันๆ มีปฏิบัติการเลื่อยเก้าอี้ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ปล่อยข่าวขบเหลี่ยมแกนนำกันเอง มีแต่เรื่องความแตกแยกในพรรค
ว่ากันว่า จุดเดือด“เจ๊หน่อย”อยู่ตรงที่ “สารวัตรเฉลิม”ใส่ชื่อ “ชัยเกษม นิติสิริ”อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม 1 ใน 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรี แทนที่ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
มองข้ามแคนดิเดตหมายเลข 1 อย่าง“เจ๊หน่อย”เหมือนจงใจทลายอำนาจ ฉวยจังหวะใช้ความเป็นอริส่วนตัว ผนวกกับก๊วน ส.ส.ที่ไม่พอใจประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค มาบีบทางอ้อม
เลยต้องใส่แอ็กชั่นหนักๆ ด้วยใบลาออก จั่วหัวถึง“นายใหญ่” หวังให้ลงมาเคลียร์ ทำให้รู้ว่า อึดอัดกับการที่นำ “เฉลิม”ลงมานั่งประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย จนเกิดความทับซ้อนในอำนาจบริหาร
ฝ่ายส.ส.และแกนนำพรรคขั้วตรงข้าม “เจ๊หน่อย”หันไปสุมหัวรวมตัวกันอยู่ห้อง“เฉลิม”เหมือนสร้างอีกขั้วอำนาจมาค้ำยันตัวเอง
เหมือนถูกลดทอนอำนาจประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ที่เปรียบได้กับ“ผู้นำตัวจริง”ในยุคนี้ เจ๊หน่อย จึงต้องเล่นใหญ่ นัดฉลองปีใหม่ ระดมส.ส.และสมาชิกพรรคซีกที่สนับสนุนตัวเองมาแสดงพลังให้เห็นกันบ้าง
วันนี้ “เจ๊หน่อย”ไม่ได้ตัดสินใจจะออกไปตั้งค่ายใหม่ เพียงเพราะไม่พอใจ“นายใหญ่”แต่ยังอยู่กับพรรคเพื่อไทย และเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพราะรู้ว่า นาทีนี้แม้โอกาสจะกลับมาเป็นรัฐบาลยาก แต่หากออกจากค่าย ก็เหนื่อยกว่า
ขณะที่“เฉลิม”ก็ไม่ได้หวังจะมาถือธงนำแทน “เจ๊หน่อย”ระดับนักการเมืองเขี้ยวลากดินถิ่นบ้านริมคลอง ย่อมอ่านการเมืองออกมาว่า นาทีนี้สิ้นเปลือง และไร้ประโยชน์ที่จะมาเป็นใหญ่ในพรรค เพราะถึงอย่างไรท็อปบูตไม่ยอมคลายอำนาจออกมาให้ขั้วนี้ง่ายๆ
เพียงแต่การเข้ามาเป็นประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย ก็เพื่อต้องการคานอำนาจ “หญิงหน่อย”ในพรรค โดยใช้ต้นทุนความไม่พอใจของส.ส.กลุ่มก๊วนต่างๆ ที่มีต่อตัวประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย มาเป็นทุนในการสร้างแรงกระเพื่อม
เนื่องจากที่ผ่านมา เพื่อไทยมีปัญหาเยอะ ดังนั้นการเข้ามาของ “เฉลิม”เป็นการเข้ามาสร้างแรงกระเพื่อม คานอำนาจ“เจ๊หน่อย” แต่ยังคงให้ถือธงนำพรรคต่อไป เพราะตอนนี้ไม่มีใครอยากจะทำหน้าที่ตรงนี้
การเป็นใหญ่ในพรรคเพื่อไทยตอนนี้มีแต่เจ็บตัว เพราะต้องดูแลลูกพรรค แทน“นายใหญ่”ที่ปิดตายท่อน้ำเลี้ยงมานาน
ความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งซ่อม เขต 7 จ.ขอนแก่น แม้จะเป็นเหมือนเมืองหลวงของคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทย แต่จะโบ้ยให้เป็นความผิด“เจ๊หน่อย”คนเดียวไม่ได้ เพราะวันนี้ศัตรูของพรรคเพื่อไทย มีทั้งอำนาจ และกลไกรัฐ
อีกทั้งยังมี "กระสุนดินดำ" ที่มั่งมีกว่า พร้อมยิงไม่อั้น ในขณะที่ “นายใหญ่”ปล่อยฟรี ให้ใช้กระแสสู้โดยไร้กระสุน เพราะมองว่า ตอนนี้ไม่เหมาะสมที่จะตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
ตัวผู้สมัคร ส.ส.จากพรรคเพื่อไทยเอง วัดกันปอนด์ต่อปอนด์กับ สมศักดิ์ คุณเงิน จากพรรคพลังประชารัฐ ก็เป็นรอง ขนาดสมัย“เสี่ยเตาะ”ลงเองยังชนะแค่ 2,000 กว่าคะแนน เรียกว่า หืดขึ้นคอ
ตอนนี้ไม่มีใครอยากเป็นใหญ่ เพราะวันนี้หน้าที่ของพรรคเพื่อไทยคือ แค่ประคองตัวไปให้รอดเพื่อรอเวลา
แต่ถึงเวลาจริง วันที่มีโอกาส ไร้เสี้ยนหนามและศัตรูอย่างท็อปบูต ยี่ห้อ “ทักษิณ”ย่อมไม่ใช้ “เจ๊หน่อย”ลงเป็นเบอร์หนึ่งของพรรคเพื่อไทยแน่
เวลานี้เหมือนกับฝากพรรคเอาไว้ ให้ “เจ๊หน่อย”ดูแลเฉพาะหน้า ในฐานะผู้อาวุโส และพอถูๆไถๆได้ เสร็จศึกเมื่อไหร่ ย่อมฆ่าขุนพล อย่างที่ทำมา
ช็อตนี้จึงแค่กระทุ้งกัน ไม่ถึงขั้นล้มเจ๊ออกจากพรรค
