เมืองไทย 360 องศา
นอกเหนือจากเรื่องของพรรคอนาคตใหม่ที่ต้องลุ้นกันหนักหน่วง ว่า ในวันนี้ (11 ธันวาคม) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะมีมติเรื่องคำร้องกรณีการปล่อยเงินกู้จำนวน 161 ล้านบาท ของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคให้กับพรรคจะมีผลออกมาแบบไหน จะออกมาในทางลบหรือไม่ เพราะถ้าผลออกมาในทางลบ ย่อมส่งผลกระทบรุนแรงบานปลายตามมาแน่นอน
แต่ขณะเดียวกัน ระหว่างรอลุ้นในเรื่องดังกล่าวข้างต้นด้วยใจจดจ่อ ในอีกพรรคการเมืองหนึ่งที่ถือเป็นพรรคฝ่ายค้านหลักในเวลานี้อย่างพรรคเพื่อไทย ก็มีความเคลื่อนไหวแบบที่น่าจับตาอย่างยิ่งว่าจะเดินไปข้างหน้าในทิศทางไหน และใครที่เป็นผู้บริหารพรรคตัวจริงกันแน่
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เห็นความเคลื่อนไหวในพรรคเพื่อไทย ที่น่าสนใจอยู่สองสามเรื่อง ทั้งในเรื่องกรณี “งูเห่า” หลังจากปรากฏว่า มี ส.ส.ของพรรคอย่างน้อย 3 คน ที่โหวตองค์ประชุมให้กับฝ่ายรัฐบาล จนพรรคมีการตั้งกรรมการสอบสวนเค้นหาความจริง
เรื่องต่อมาก็เป็นความเคลื่อนไหวของ ส.ส.หลายสิบคน ตามรายงานข่าวบอกว่า มีมากถึง 60 คน ที่ส่วนใหญ่เป็น ส.ส.ในภาคอีสานของพรรคเพื่อไทย ที่เดินทางไปพบ “ทักษิณ ชินวัตร” ถึงดูไบ สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อเสนอให้ปลด “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” พ้นจากการนำพรรค ซึ่งตามข่าวบอกว่า ในจำนวน ส.ส.ที่เฮโลไปกันนั้น ยังรวมไปถึงพวกแกนนำระดับอาวุโสภายในพรรครวมอยู่ด้วย
ขณะเดียวกัน ในเวลาถัดมาก็มีข่าวและภาพปรากฏเป็นหลักฐาน ว่า ทักษิณ และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สองพี่น้อง มีการชนแก้วไวน์กับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง และลูกชาย ซึ่งก็มีรายงานว่า มีความพยายามที่จะผลักดันหรือเสนอตัวเองให้ขึ้นมานำพรรคแทนคุณหญิงสุดารัตน์ แต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่าผลเป็นอย่างไร
กลายเป็นว่า เวลานี้ในพรรคเพื่อไทย ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอื่นๆ เพิ่มเติม ในความหมาย ก็คือ ทุกอย่างยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดเกิดขึ้นในช่วงนี้ นั่นก็คือ คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ยังเป็นประธานยุทธศาสตร์ของพรรคต่อไป นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ก็ยังเป็นหัวหน้าพรรคตามเดิม ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง มีสถานะเป็นผู้อาวุโสในพรรค แต่แม้ว่าไม่มีตำแหน่งก็ถือว่ามีเครดิตสามารถนำไป “แอ็กอาร์ต” โชว์เด็กในพรรคได้ว่าได้ซดไวน์กับ “นาย” กันอย่างชื่นมื่น เป็นภาพของความใกล้ชิดสนิทสนม
อย่างไรก็ดี ในเรื่องสำคัญที่มีผลต่ออนาคตของ ส.ส.ในพรรคกลับไม่มีการพูดถึง หรือมีคำตอบออกมาให้เห็นชัด อย่างน้อยแม้แต่รายงานข่าวก็ไม่มีการพูดถึง โดยเฉพาะเรื่อง “ท่อน้ำเลี้ยง” ว่าจะกลับมาไหลอีกครั้งหรือไม่ หลังจากอุดตันมานานนับปีแล้ว ซึ่งเชื่อว่า ส.ส.ในพรรคหลายคนจดจ่อสนใจมากกว่าเรื่องที่ใครจะเป็นผู้บริหารพรรคเพื่อไทยในเวลานี้เสียอีก
ที่ผ่านมา รับรู้กันมาสักพักใหญ่แล้วว่า หลังจากที่ ทักษิณ ชินวัตร “เสียศูนย์” จากการเดินเกมด้านยุทธศาสตร์ผิดพลาด จนทำให้พรรคไทยรักษาชาติต้องถูกยุบ และต้องพ่ายแพ้ไม่สามารถกลับมาควบคุมอำนาจรัฐในฐานะเป็นรัฐบาลนอมินีในรอบหลายปีต่อเนื่องกัน และนาทีนี้ยังถือว่าอำนาจยังอยู่ในมือของกลุ่ม “สาม ป.” ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อย่างเหนียวแน่น
จากสาเหตุดังกล่าวในฐานะ “นักธุรกิจการเมือง” ย่อมอ่านเกมออกว่าในช่วงเวลาและสถานการณ์แบบนี้ยังไม่สมควรลงทุน แต่สำหรับนักการเมือง การเป็น ส.ส.มันก็ต้องมี “กระสุน” อยู่ในมือที่ต้องได้รับการสนับสนุนอย่างสม่ำเสมอ และแน่นอนว่า การอยู่ “ฝ่ายรัฐบาล” ย่อมได้เปรียบ ส่วนการเป็นฝ่ายค้าน แม้ไม่ใช่เรื่องแปลกในระบบรัฐสภา แต่หากนานไปมันก็มีโอกาส “อดอยากปากแห้ง” ได้เหมือนกัน
และอย่าได้แปลกใจที่ผ่านมาจะมีข่าวคราวเรื่อง “งูเห่า” หรือพวก “ส.ส.ฝากเลี้ยง” มีจำนวนนับสิบคน แม้จะยังไม่อาจพิสูจน์ความจริงได้ชัดเจนว่าเป็นอย่างไร แต่ด้วยสภาพของรัฐบาลที่มีเสียง “ปริ่มน้ำ” แบบนี้ มันก็ทำให้ข่าวคราวและความเคลื่อนไหวในลักษณะดังกล่าวมีความสมจริงมากขึ้น อีกทั้งเมื่อได้เห็นความเคลื่อนไหวในสภาฯ ที่ออกมาจากผลโหวตหลายครั้งที่ผ่านมามันก็ “เข้าเค้า” มากขึ้นทุกที
ประกอบกับเมื่อพิจารณาจากทิศทางของพรรคเพื่อไทยในเวลานี้ แม้ว่าจะไม่มีความแตกแยกปรากฏออกมาให้คนภายนอกได้เห็นชัดเจนนัก แต่สำหรับคอการเมืองแล้วย่อมสัมผัสได้มาตั้งนานแล้ว โดยเฉพาะการนำในยุคปัจจุบันที่ขาดการยอมรับ ระหว่างกลุ่มของหัวหน้าพรรค นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ และ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์ของพรรค
แม้มีรายงานว่าในพรรคเพื่อไทยมี “งูเห่า” หรือ ส.ส.ฝากเลี้ยงมานานแล้ว และเมื่อพิจารณาจากความเคลื่อนไหวล่าสุดที่ “นายใหญ่” ยังไม่มีคำตอบเรื่องการลงทุนต่อเนื่อง นั่นก็หมายความว่า “ท่อน้ำเลี้ยง” ยังต้องอุดตันต่อไปอีกยาว
ดังนั้น ก็อย่าได้แปลกใจที่นับจากนี้จะได้เห็นบรรดา พวกงูเห่าย้ายหนีออกจากรังมาเป็นพรวน !!