"หัวเขียง" นำ60 ส.ส.อีสาน บินพบ"แม้ว"ที่ดูไบ จี้ปลด "หญิงหน่อย"พ้นประธานยุทธศาสตร์พรรค ระบุเล่นพรรคเล่นพวก ก้าวก่ายการบริหารของหัวหน้าพรรค ด้าน"หญิงหน่อย"พอรู้ข่าวรีบบินตามไปทันที "ธนาธร" ย้ำหวังเปลี่ยนแปลงการเมืองใหม่ ปัดลาออกจากกมธ.งบฯ 63 เพื่อปลุกระดมม็อบ อ้างเรื่องมวลชนขึ้นอยู่กับอารมณ์ และความรู้สึกของประชาชน บอกไม่ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
มีรายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยแจ้งว่า ส.ส.ภาคอีสาน ของพรรคประมาณ 60 คน นำโดย นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ ประธานพรรคเพื่อไทยภาคอีสาน ได้นำ ส.ส.ทะยอยเดินทางไปดูไบ ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย. ที่ผ่านมา เพื่อขอพบ นายทักษิณ ชินวัตร ในการหารือกิจการภายในพรรคเพื่อไทย เนื่องจากไม่พอใจการบริหารงานภายในพรรค ภายใต้การจัดการของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย เนื่องจากไปทับซ้อนกับตำแหน่งหัวหน้าพรรค จึงขอให้ยกเลิกตำแหน่งนี้เสีย หรือถ้าไม่ยกเลิก ก็ขอเปลี่ยนตัวประธานยุทธศาสตร์ฯ จากคุณหญิงสุดารัตน์ มาเป็น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า สาเหตุที่ ส.ส.ภาคอีสานไม่พอใจ คุณหญิงสุดารัตน์ เนื่องจากที่ผ่านมามีการแทรกแซงการบริหารกิจการภายในพรรค เพราะตำแหน่งนี้ ไม่ได้มีอำนาจบริหารภายในพรรค นอกจากนี้ยังมีปัญหาเล่นพรรคเล่นพวกภายในพรรค โดยเฉพาะการการพิจารณาบุคคลเพื่อรับตำแหน่งประธานกรรมาธิการในคณะต่างๆ รวมทั้งกรรมาธิการงบประมาณ ก็มักจะให้ความสำคัญกับกลุ่มคนใกล้ชิด ทั้งที่ไม่มีอาวุโสทางการเมือง อย่างเช่น กการจัดวางบุคคลเข้าเป็นกมธ.งบฯปี 63 พรรคเพื่อไทยไๆด้โควตามา 13 คน ซึ่งภาคอีสานมีส.ส.84 คน ควรจะได้โควตา 8 คน แต่กลับได้เพียง 5 คน
นอกจากนี้ ยังลามไปการบริหารและการประสานงานภายในพรรค เนื่องจาก น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ในฐานะเลขาธิการพรรค ไม่ได้ทำงานประสานกับ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ที่เป็นหัวหน้าพรรค แต่กลับให้ความสำคัญกับประธานยุทธศาสตร์พรรค คือคุณหญิงสุดารัตน์
ปัญหาการทับซ้อนบทบาทของคุณหญิงสุดารัตน์ กับหัวหน้าพรรคในฐานะที่เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ทำให้หัวหน้าพรรคเกิดความอึดอัด อย่างเช่นการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ที่ประธานยุทธศาสตร์ประกาศจะอภิปราย "พี่น้อง 3 ป." และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม โดยไม่ได้หารือกับหัวหน้าพรรค รวมทั้งหัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่นๆด้วยเลย จึงสร้างความไม่พอใจให้กับส.ส.ในพรรคและพรรคร่วมฝ่ายค้าน
ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า ก่อนที่คณะส.ส.อีสาน จะเดินทางไปดูไบ ทางคุณหญิงสุดารัตน์ ได้เชิญให้ส.ส.อีสานหลายคน มาพบที่บ้านพักย่านลาดปลาเค้า แต่ส.ส.หลายคนไม่ได้ไปพบ เมื่อคุณหญิงสุดารัตน์ ทราบเรื่องว่าจะมีส.ส.อีสาน ยกขบวนเดินทางไปยังดูไบ จึงได้บินตามไปสมทบและได้พบกับ ส.ส.หลายคน ซึ่ง ส.ส.บางคนที่ไม่มีความพอใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อเจอหน้ากับ คุณหญิงสุดารัตน์ ก็ไม่ได้กล่าวคำทักทาย แต่อย่างใด
"ธนาธร"อ้างมีม็อบหรือไม่ขึ้นอยู่กับปชช.
ด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการบรรยายพิเศษ ชำแหละงบประมาณกระทรวงกลาโหมว่า ขอบคุณทุกท่านที่สนใจในการบรรยายเรื่องความไม่เหมาะสมและไม่โปร่งใสในการใช้งบของกระทรวงกลาโหม ซึ่งตนจะมีการบรรยายสาธารณะ เพื่อทำหน้าที่ของพรรคการเมืองให้ดีที่สุด ในการตรวจสอบใช้งบประมาณที่มาจากภาษีประชาชน เพื่อให้ภาษีทุกบาททุกสตางค์นำไปใช้เพื่อการอยู่ดีมีสุขได้มากที่สุด
ส่วนที่ช่วงนี้ มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องที่ตนที่ลาออกจากกมธ.พิจารณางบปี่ 63 อาจจะไปปลุกระดมม็อบนั้น นายธนาธร กล่าวว่า หากเราต้องการจะเปลี่ยนแปลง จำเป็นต้องเปิดพื้นที่ทางการเมืองใหม่ๆ และเนื่องจากพวกเขาไม่ต้องการให้ตนอยู่ในสภาฯ เราก็อยากจะทำการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในสภาฯ ตนจึงอยากใช้เวลาไปเปิดพื้นที่การเมืองใหม่ๆ
เมื่อถามว่า จะเป็นการระดมม็อบในอนาคต หรือไม่ เพราะอาจมีอีกหลายคดี ที่ศาลฯกำลังจะพิจารณา นายธนาธร กล่าวว่า ไม่เกี่ยวอะไรกับคดีของตน พรรคอนาคตใหม่ ยังตั้งใจที่จะทำงานการเมืองในรัฐสภา อย่างมุ่งมั่น จะเห็นได้ว่าเรานำเสนอ ร่าง พ.ร.บ.ตามนโยบายหาเสียงของเราเข้าสู่สภาฯแล้ว เช่น แก้ไขประกาศคำสั่ง คสช. ที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ ที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน ซึ่งเราทำตามที่หาเสียงไว้ เพียงแต่นโยบายนั้น ขณะนี้เป็นร่าง พ.ร.บ. ประกาศยกเลิกคำสั่ง คสช. 27 ฉบับ เรารณรงค์การยกเลิกเกณฑ์ทหาร ในนโยบายหลัก
"หลังการเลือกตั้ง เราไม่ได้เป็นรัฐบาล เราไม่อาจทำในสิ่งที่ประกาศไว้ได้ในฐานะฝ่ายบริหาร แต่ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ เราสามารถทำได้ เอานโยบายที่หาเสียงมาทำเป็นร่างกฎหมาย และส่งเข้าสู่สภาฯ ดังนั้นการทำงานในสภาฯ ของพรรคอนาคตใหม่ ยังทำต่อไปอย่างหนักแน่น และมั่นคง โดยการทำหน้าที่ในส่วนนี้ ผมเชื่อว่า นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคได้ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์แบบ เชื่อว่าการนำของนายปิยบุตร การทำงานในสภาฯ จะเดินต่อไปอย่างมีคุณภาพและสร้างสรรค์"
เมื่อถามย้ำว่า ในแง่การระดมมวลชน จะไม่มีเกิดขึ้น แต่จะเป็นการรวมกลุ่มในเฉพาะเรื่อง ใช่หรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า ตนคงไม่สามารถพูดอย่างนั้นได้ว่า อะไรจะเกิดขึ้น หรือไม่เกิดขึ้น เพราะอยู่ที่ความรู้สึกของประชาชน ไม่ได้อยู่ที่ตน ไม่ว่าตนจะทำอะไร หากประชาชนไม่เห็นด้วย ก็ไม่เกิดขึ้น ดังนั้นขึ้นอยู่กับอารมณ์ ความรู้สึกของประชาชน มากกว่า
มีรายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยแจ้งว่า ส.ส.ภาคอีสาน ของพรรคประมาณ 60 คน นำโดย นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ ประธานพรรคเพื่อไทยภาคอีสาน ได้นำ ส.ส.ทะยอยเดินทางไปดูไบ ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย. ที่ผ่านมา เพื่อขอพบ นายทักษิณ ชินวัตร ในการหารือกิจการภายในพรรคเพื่อไทย เนื่องจากไม่พอใจการบริหารงานภายในพรรค ภายใต้การจัดการของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย เนื่องจากไปทับซ้อนกับตำแหน่งหัวหน้าพรรค จึงขอให้ยกเลิกตำแหน่งนี้เสีย หรือถ้าไม่ยกเลิก ก็ขอเปลี่ยนตัวประธานยุทธศาสตร์ฯ จากคุณหญิงสุดารัตน์ มาเป็น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า สาเหตุที่ ส.ส.ภาคอีสานไม่พอใจ คุณหญิงสุดารัตน์ เนื่องจากที่ผ่านมามีการแทรกแซงการบริหารกิจการภายในพรรค เพราะตำแหน่งนี้ ไม่ได้มีอำนาจบริหารภายในพรรค นอกจากนี้ยังมีปัญหาเล่นพรรคเล่นพวกภายในพรรค โดยเฉพาะการการพิจารณาบุคคลเพื่อรับตำแหน่งประธานกรรมาธิการในคณะต่างๆ รวมทั้งกรรมาธิการงบประมาณ ก็มักจะให้ความสำคัญกับกลุ่มคนใกล้ชิด ทั้งที่ไม่มีอาวุโสทางการเมือง อย่างเช่น กการจัดวางบุคคลเข้าเป็นกมธ.งบฯปี 63 พรรคเพื่อไทยไๆด้โควตามา 13 คน ซึ่งภาคอีสานมีส.ส.84 คน ควรจะได้โควตา 8 คน แต่กลับได้เพียง 5 คน
นอกจากนี้ ยังลามไปการบริหารและการประสานงานภายในพรรค เนื่องจาก น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ในฐานะเลขาธิการพรรค ไม่ได้ทำงานประสานกับ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ที่เป็นหัวหน้าพรรค แต่กลับให้ความสำคัญกับประธานยุทธศาสตร์พรรค คือคุณหญิงสุดารัตน์
ปัญหาการทับซ้อนบทบาทของคุณหญิงสุดารัตน์ กับหัวหน้าพรรคในฐานะที่เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ทำให้หัวหน้าพรรคเกิดความอึดอัด อย่างเช่นการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ที่ประธานยุทธศาสตร์ประกาศจะอภิปราย "พี่น้อง 3 ป." และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม โดยไม่ได้หารือกับหัวหน้าพรรค รวมทั้งหัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่นๆด้วยเลย จึงสร้างความไม่พอใจให้กับส.ส.ในพรรคและพรรคร่วมฝ่ายค้าน
ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า ก่อนที่คณะส.ส.อีสาน จะเดินทางไปดูไบ ทางคุณหญิงสุดารัตน์ ได้เชิญให้ส.ส.อีสานหลายคน มาพบที่บ้านพักย่านลาดปลาเค้า แต่ส.ส.หลายคนไม่ได้ไปพบ เมื่อคุณหญิงสุดารัตน์ ทราบเรื่องว่าจะมีส.ส.อีสาน ยกขบวนเดินทางไปยังดูไบ จึงได้บินตามไปสมทบและได้พบกับ ส.ส.หลายคน ซึ่ง ส.ส.บางคนที่ไม่มีความพอใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อเจอหน้ากับ คุณหญิงสุดารัตน์ ก็ไม่ได้กล่าวคำทักทาย แต่อย่างใด
"ธนาธร"อ้างมีม็อบหรือไม่ขึ้นอยู่กับปชช.
ด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการบรรยายพิเศษ ชำแหละงบประมาณกระทรวงกลาโหมว่า ขอบคุณทุกท่านที่สนใจในการบรรยายเรื่องความไม่เหมาะสมและไม่โปร่งใสในการใช้งบของกระทรวงกลาโหม ซึ่งตนจะมีการบรรยายสาธารณะ เพื่อทำหน้าที่ของพรรคการเมืองให้ดีที่สุด ในการตรวจสอบใช้งบประมาณที่มาจากภาษีประชาชน เพื่อให้ภาษีทุกบาททุกสตางค์นำไปใช้เพื่อการอยู่ดีมีสุขได้มากที่สุด
ส่วนที่ช่วงนี้ มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องที่ตนที่ลาออกจากกมธ.พิจารณางบปี่ 63 อาจจะไปปลุกระดมม็อบนั้น นายธนาธร กล่าวว่า หากเราต้องการจะเปลี่ยนแปลง จำเป็นต้องเปิดพื้นที่ทางการเมืองใหม่ๆ และเนื่องจากพวกเขาไม่ต้องการให้ตนอยู่ในสภาฯ เราก็อยากจะทำการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในสภาฯ ตนจึงอยากใช้เวลาไปเปิดพื้นที่การเมืองใหม่ๆ
เมื่อถามว่า จะเป็นการระดมม็อบในอนาคต หรือไม่ เพราะอาจมีอีกหลายคดี ที่ศาลฯกำลังจะพิจารณา นายธนาธร กล่าวว่า ไม่เกี่ยวอะไรกับคดีของตน พรรคอนาคตใหม่ ยังตั้งใจที่จะทำงานการเมืองในรัฐสภา อย่างมุ่งมั่น จะเห็นได้ว่าเรานำเสนอ ร่าง พ.ร.บ.ตามนโยบายหาเสียงของเราเข้าสู่สภาฯแล้ว เช่น แก้ไขประกาศคำสั่ง คสช. ที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ ที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน ซึ่งเราทำตามที่หาเสียงไว้ เพียงแต่นโยบายนั้น ขณะนี้เป็นร่าง พ.ร.บ. ประกาศยกเลิกคำสั่ง คสช. 27 ฉบับ เรารณรงค์การยกเลิกเกณฑ์ทหาร ในนโยบายหลัก
"หลังการเลือกตั้ง เราไม่ได้เป็นรัฐบาล เราไม่อาจทำในสิ่งที่ประกาศไว้ได้ในฐานะฝ่ายบริหาร แต่ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ เราสามารถทำได้ เอานโยบายที่หาเสียงมาทำเป็นร่างกฎหมาย และส่งเข้าสู่สภาฯ ดังนั้นการทำงานในสภาฯ ของพรรคอนาคตใหม่ ยังทำต่อไปอย่างหนักแน่น และมั่นคง โดยการทำหน้าที่ในส่วนนี้ ผมเชื่อว่า นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคได้ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์แบบ เชื่อว่าการนำของนายปิยบุตร การทำงานในสภาฯ จะเดินต่อไปอย่างมีคุณภาพและสร้างสรรค์"
เมื่อถามย้ำว่า ในแง่การระดมมวลชน จะไม่มีเกิดขึ้น แต่จะเป็นการรวมกลุ่มในเฉพาะเรื่อง ใช่หรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า ตนคงไม่สามารถพูดอย่างนั้นได้ว่า อะไรจะเกิดขึ้น หรือไม่เกิดขึ้น เพราะอยู่ที่ความรู้สึกของประชาชน ไม่ได้อยู่ที่ตน ไม่ว่าตนจะทำอะไร หากประชาชนไม่เห็นด้วย ก็ไม่เกิดขึ้น ดังนั้นขึ้นอยู่กับอารมณ์ ความรู้สึกของประชาชน มากกว่า