ฉายา “รัฐเชียงกง” สำหรับชาวคณะ 3 ลุง ตั้งโดยสื่อประจำทำเนียบรัฐบาล สร้างความไม่พอใจกับผู้กุมอำนาจไม่น้อย ทำเอามึนตึงไปหลายวัน หลังจากคุ้นกับการปฏิบัติอย่างดีโดยนักเชลียร์ ทำให้อารมณ์ดื่มด่ำอยู่แต่ในโลกสวย ลืมความจริง
มาบัดนี้ ฉายา “รัฐเชียงกง” น่าจะด้อยราคาเสียแล้ว เมื่อเป็นที่ปรากฏชัดว่าคณะ 3 ลุงได้ทำให้เกิดการนำเข้าขยะพิษต่างๆ ทั้งขยะเศษพลาสติก ขยะอิเล็กทรอนิกส์ และขยะสารพัดพิษ มาถมแผ่นดินไทยรวมยอดเกือบ 1 ล้านตัน
เป็นความสำเร็จที่ไม่มีใครทำได้ นอกจาก “รัฐเชียงกง” ซึ่งแปรสภาพประเทศไทยซึ่งเป็นแผ่นดินสุวรรณภูมิ “อู่ข้าวอู่น้ำ” ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดินเต็มที่ เอาเมล็ดพืชโยนลงดิน กระทืบ 3 ครั้งอีกไม่กี่วันก็งอก
บัดนี้คณะ 3 ลุงได้ทำให้แผ่นดินไทยเป็นที่ทิ้งขยะจากมากกว่า 60 ประเทศทั่วโลก ได้รับการขนานนามโดยสื่อดังๆ เช่นนิวยอร์ก ไทมส์ และเดอะ การ์เดียน ว่าเป็นแหล่งที่ทิ้งขยะขนาดใหญ่ของโลก จากไม่กี่หมื่นตันในปี 2559 มาเกือบ 1 ล้านตัน
เริ่มต้นจากประกาศคณะ คสช. 4/2559 ย่ำยีกฎหมายสิ่งแวดล้อม เปิดทางให้สร้างโรงงานผลิตไฟฟ้า โรงงานคัดแยกขยะ ทำให้จำนวนโรงคัดแยกขยะเพิ่มอย่างรวดเร็ว มีตัวเลขน่าตกใจเช่น 6 พันโรงในสมุทรสาคร 3 พันโรงในสมุทรปราการ
คำประกาศเดิมอ้างว่าต้องการลดปัญหาสำหรับนักลงทุนในพื้นที่อีอีซี จะมีโรงงานทันสมัย สะอาด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ความเป็นจริงก็คือมีแต่โรงงานคัดแยกขยะพิษแห่กันเข้าไปตั้งลามไปถึงปราจีนบุรี สระแก้ว ภาคอีสาน และภาคใต้
คำประกาศพิเศษทำให้เกิดโรงงานคัดแยกขยะกระจายไปทั่วแผ่นดิน!
ไม่เพียงแต่ขยะพิษที่นำมาแยกเอาของดีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยังมีการส่งขยะพิษ และสารพัดขยะเข้ามาทิ้งในแผ่นดินไทย โดยอาศัยช่องโหว่ที่เปิดให้ชาวบ้านบางกลุ่มต้องเสี่ยงภัยสุขภาพรุนแรงกับขยะอิเล็กทรอนิกส์ แลกกับรายได้เล็กน้อย
แถมยังเป็นข้ออ้างบัดซบของนักธุรกิจทุนนิยมสามานย์ว่า ถ้าห้ามนำเข้าขยะ จะทำให้คนกว่า 7 แสนคนมีผลกระทบด้านรายได้ ไม่คำนึงถึงสารพิษตกค้างจากขยะที่ทิ้งเกลื่อนกลาดในหลายจังหวัด โดยไม่มีความรู้และเทคโนโลยีกำจัดได้
ทุกวันนี้ผู้รับผิดชอบประเทศยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ปล่อยให้ขยะสารพัดเข้ามาถมแผ่นดิน แทนที่จะเป็นพื้นที่สำหรับเพาะปลูก ทำให้ผู้บริหาร “รัฐเชียงกง” อยู่ร้องรำทำเพลงอย่างภาคภูมิใจว่าทำให้แผ่นดินไทยเป็นพื้นที่แห่งขยะพิษ สารพิษ
จะเป็นความบัดซบ ความสามานย์ เลือดเย็นอำมหิต หรือเหตุใดก็สุดแล้วแต่ ความเป็นจริงก็คือ “รัฐเชียงกง” ยังให้คนไทยเสี่ยงกับสารพิษเคมีเกษตร 3 ตัว เพราะเป็นห่วงพ่อค้าว่าจะขาดรายได้ ถ้าห้ามใช้สารพิษในพื้นเกษตร สต็อกเหลือค้างอยู่
ดังนั้น ผลงานเด่นชัดของคณะ 3 ลุงแห่งรัฐเชียงกงคือ ส่งเสริมการใช้สารพิษเคมีเกษตร ส่งเสริมให้นำเข้าขยะสารพัดพิษเข้ามาถมแผ่นดิน ไม่ใส่ใจศาสตร์พระราชา เศรษฐกิจพอเพียง เกษตรอินทรีย์ หรือรักษาสภาพสิ่งแวดล้อม
มีพฤติกรรมปากว่าตาขยิบ อ้างว่าจะกำจัดขยะในหมดประเทศ ส่งเสริมการใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติก สารพัดจะหาเรื่องโฆษณาชวนเชื่อตีกินความนิยม แหกตาชาวบ้านคนบ้องตื้นว่ารักชาติ รักประชาชน จะอยู่ทำงานเพื่อแก้ปัญหาไม่ยอมเหนื่อย
ปัญหาที่จะแก้ ก็คือปัญหาที่คณะ 3 ลุงสร้างสมมาตลอดกว่า 5 ปีทั้งนั้น ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม สร้างหนี้สินกว่า 2 ล้านล้านใน 5 ปี ยังจะกู้เพิ่มอีกรวม 1 ล้านล้านในปีงบประมาณ 2563-64 หนี้ครัวเรือนชาวบ้านก็จุกคอหอย
ขยะในทะเล ประเทศไทยก็มีชื่อติดอันดับโลก มองดูเพื่อนบ้านอาเซียน คนไทยควรจะอายผู้นำอย่างดูเตอร์เต ของฟิลิปปินส์ นายกฯ มหาเธร์ ของมาเลเซีย และนายกฯ ฮุนเซน ของกัมพูชา ที่ประกาศห้ามนำเข้าขยะจากต่างประเทศเด็ดขาด
“ขยะมาจากไหน ส่งกลับคืนไปประเทศนั้น” ต่างจากผู้นำ “รัฐเชียงกง” สุดยอดโหล่ยโท่ย ตามโลกไม่ทัน มัวแต่ร้องรำทำเพลงจัดงานเพื่อให้คณะตัวเองอยู่ในอำนาจยาวๆ สร้างปัญหาให้บ้านเมืองไม่รู้จักเหนื่อย เอื้อนายทุนใหญ่ เห็นชีวิตคนไทยไร้ค่า
ดูเตอร์เตไม่ได้เป็นทหาร อยู่ไม่นานก็จัดการปัญหามุสลิมแบ่งแยกดินแดนได้เด็ดขาด ทั้งกลุ่มโมโรในเมืองโคทาบาโท มินดาเนา ซัมบองก้า กลุ่มอาบูไซยาฟ ต่างจากคณะ 3 ลุงอดีตแม่ทัพ ประเทศไทยเสียงบหลายแสนล้านบาท ปัญหายังคาอยู่
เราต้องยอมว่าอาย ฮุนเซน ผู้นำกัมพูชา ที่กล้าจัดการกับขยะจากต่างแดน รักแผ่นดินเกิด สามารถฉกเอาประสาทพระวิหารไปจากไทยได้อย่างเด็ดขาด ปิดเกมชนิดที่นักรักชาติ นักคำรามห้าวๆ ในบ้านเราสู้ไม่ได้ ฝีมือเกมการเมืองคนละชั้นจริงๆ
เมืองไทยมีแต่คณะโกงกินคำโต กู้สิบทิศ ทำให้บ้านเมืองเสี่ยงกับวิกฤต แต่ก็ยังปากดี ไม่ยอมอาย อยู่ไปแต่ละวันไม่มีอะไรดีขึ้นมีแต่แย่ลง ชาวบ้านได้ยินแต่คำว่ารักชาติ รักประชาชน แต่นักรักชาติรวยไม่หยุด ชาวบ้านยากจน มีทุกข์อกไหม้ไส้ขม
ยิ่งมีผู้นำรัฐเชียงกง ส่งเสริมการค้า การลงทุน แปลงประเทศไทยให้เป็นธุรกิจระดับซาเล้ง มองไปข้างหน้าไม่เห็นอนาคต นอกจากรอวันให้หนี้ท่วมประเทศ
จะรอดูว่าคณะ 3 ลุงปล่อยให้ “นักลงทุน” เร่งนำขยะเข้ามาทิ้งแผ่นดินไทยได้อีกนานหรือไม่ จะได้เป็นตราบาปถึงชั่วลูกชั่วหลาน ถึงเวลาต้องมากำหนดประเภท “คนชังชาติ” “ขายชาติ” กันใหม่แล้วว่าเป็นพวกไหนกันแน่ที่เป็นภัยต่อความมั่นคง
จะมีอะไรเลวร้ายกว่า “รัฐเชียงกง” ลดระดับเป็น “รัฐขยะ” อีกหรือ?