xs
xsm
sm
md
lg

สุดยอดยุคสารพัดพิษ!

เผยแพร่:   โดย: โสภณ องค์การณ์



ประเทศไทยอุดมสมบูรณ์ เป็นที่น่าอิจฉาของหลายประเทศ คนดีคนชั่วอยากเข้ามาอาศัย คนไทยเคยมีนิสัยโอบอ้อมอารี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่ผู้อื่น น่าเสียดายที่ผู้กุมอำนาจบริหารบ้านเมืองแต่ละยุค ถ้าไม่ทุจริตคอร์รัปชันสุดขั้ว ก็ชั่วสุดขีดเช่นกัน

ความชั่วร้ายแฝงมาหลายรูปแบบ ทั้งเผด็จการทหาร ประชาธิปไตยเสียงข้างมาก ผูกขาดอำนาจ บางช่วงเป็นยุคทองของนักการเมือง นายทุน ขุนศึก ศักดินา รวมหัวกับกอบโกยผลประโยชน์ รีดนาทาเร้นประชาชนทำให้ยากจนข้นแค้นโงหัวไม่ขึ้น

เมื่อการพัฒนาเศรษฐกิจผ่านไป นิสัยเลวทรามต่ำช้าด้านการทุจริต คอร์รัปชันแปรสภาพเป็นทุจริตเชิงนโยบาย หักดิบ หักคอ มีผลประโยชน์ทับซ้อน รับส่วนแบ่งจากค่าโง่ และเงินใต้โต๊ะผ่านสัมปทานอวยทุนใหญ่ ชาวบ้านได้แต่น้ำตาท่วมหัวอก

แผ่นดินใดมีผู้กุมอำนาจจิตใจหยาบช้า โลภโมโทสัน ปลิ้นปล้อนกะล่อน โกงผ่านเพื่อนพ้องเครือข่าย นับว่าเป็นเวรกรรมของแผ่นดิน ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ เมื่ออำนาจเปลี่ยนมือ ชาวบ้านเหมือนเป็นกบเลือกนาย หนีเสือปะจระเข้ เกือบทุกยุค

มาถึงยุคนี้ เปลี่ยนจากเผด็จการทหารสู่ประชาธิปไตยกำมะลอ มี ส.ว.เป็นฝักถั่ว กลไกให้บรรดานายทหารเกษียณอายุและรุ่นสร้างฐานอำนาจภายใต้รัฐธรรมนูญมีกับดัก หมกเม็ดสารพัด มีทั้งอำนาจแฝงเร้นและสภาวะ Deep State

นั่นคือ “รัฐซ้อนรัฐ” กลุ่มเดียวกัน เครือข่ายกว้างขวาง มีอำนาจทับซ้อนกัน เลือกใช้ได้ตามความต้องการภายใต้รัฐธรรมนูญ ทำให้กลไกกระบวนการยุติธรรมแทบไร้สภาพ ความน่าเชื่อถือ กระบวนการตรวจสอบถูกมองว่า “มีใบสั่ง” เสมอ

น่าอนาถสำหรับประชาชนยุคนี้ก็คือ ผู้กุมอำนาจบริหารบ้านเมืองถูกมองว่าเป็นกลุ่มหน้าเนื้อใจเสือ ปากหวานเคลือบยาพิษ พูดอย่างทำอย่าง ไร้ความสัตย์ซื่อมือไม่สะอาด ทำโครงการแต่ละอย่างล้วนมีผลประโยชน์แฝงเร้นแบ่งปันกันได้ง่าย

เป็นกลุ่มนิยม “ป้อนพิษ” ให้ประชาชน เพียงเพื่อรักษาฐานอำนาจและผลประโยชน์ของกลุ่มทุนที่ค้ำจุนกลุ่มของตัวเอง ทำให้บ้านเมืองอยู่ในกำมือของคนเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ แต่กุมความมั่งคั่ง ทรัพย์สินแผ่นดินถึง 70 เปอร์เซ็นต์ มีแต่จะเพิ่ม

เป็นดินแดนที่มีความเหลื่อมล้ำด้านรายได้สูงอันดับต้นๆ ของโลกนั่นเลย!

ยังเป็นกลุ่มที่ไม่ใส่ใจแยแสกับชีวิตความเป็นอยู่ สุขภาพของประชาชน ซึ่งถูกมองได้เช่นกันว่ามีนโยบาย การกระทำหลายประการที่เป็นการทำลายสุขภาพ บ่อนทำลายทรัพยากรมนุษย์ และความมั่นคงของประเทศ เพียงอ้างนโยบายเศรษฐกิจ

กรณีสารพิษเคมีเกษตร ทั้งผู้กุมอำนาจรัฐ ข้าราชการบางกลุ่ม พ่อค้าสารพิษ ต่างพยายามยื้อการยกเลิกการใช้ 3 สารพิษมาโดยตลอด แม้ตัดสินตามแรงกดดันของกระแสประชาชน เริ่มห้ามใช้ต้นเดือนหน้า ก็ยังมีความพยายามให้เปลี่ยนอีก

อ้างเหตุสารพัดว่าข้อมูลอาจไม่ถูกต้อง นั่นนี่โน่น พยายามจะหาทางระบายสต็อกตกค้างหลายหมื่นตัน เป็นเงินก้อนใหญ่ อ้างว่าจะต้องมีสารทดแทน ทำเป็นแกล้งโง่ ไม่เปิดตาดูว่ามีหลายประเทศห้ามใช้ จีนและอินโดนีเซียเลี้ยงปลาในนาข้าว

เป็นกระบวนการปกป้องผลประโยชน์ โดยผู้กุมอำนาจจำใจต้องยกเลิกเพราะไม่มีเหตุผลที่จะหักล้างได้ ที่ผ่านมาก็ได้ย่ำยีกฎหมายปกป้องสิ่งแวดล้อมเปิดทางให้มีอุตสาหกรรมทำลายแผ่นดิน อ้างการพัฒนาเศรษฐกิจ จากนั้นยังหาผลประโยชน์

ถ้าจะมี “ค่าโง่” แทนที่จะหาช่องทางต่อสู้ กลับยอมง่ายๆ และทุกครั้งภายใต้ระบบอนุญาโตตุลาการ ประเทศไทยไม่เคยชนะ ถ้าแพ้ก็จะหาทางจ่ายโดยเร็ว ทำให้สงสัยว่ามีใครได้ส่วนแบ่งนอกเหนือจากผู้ชนะจากการตัดสินแบบมีเงื่อนงำหรือไม่

ที่น่าอนาถ เป็นนโยบายทำลายความมั่นคงของประเทศ นอกจากสารพิษเคมีเกษตรแล้ว ยังส่งเสริมให้ตั้งโรงงานแยกขยะพิษในพื้นที่ภายใต้ประกาศยกเว้นเขตกฎหมายสิ่งแวดล้อม ทำให้ขยะพิษกระจายในหลายพื้นที่ทั้งในเขตและนอกเขต

ภายใต้กฎหมายเปิดช่องให้ทำลายสิ่งแวดล้อม ทำให้มีการนำเข้าขยะพิษจากต่างประเทศมากกว่า 3 แสนตัน ในพื้นที่ส่งเสริมอีอีซี สมุทรสาคร อีสานบางจังหวัด เป็นขยะที่ประเทศอื่นๆ เช่น จีน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา อินโดนีเซียห้ามนำเข้า

ช่างเป็นพฤติกรรมและนโยบายที่ชั่วร้าย บัดซบเสียนี่กระไร! แผ่นดินไทยอุดมสมบูรณ์ เคยอยู่ในอันดับ 5 ของโลกในกลุ่มผู้ส่งออกสุทธิเรื่องอาหาร หมายความว่าประเทศไทยไม่ต้องนำเข้าอาหารจากต่างประเทศ ก็ผลิตอาหารพอสำหรับส่งออกได้

เคยเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวอันดับ 1 ของโลกมาโดยตลอด แต่ความงี่เง่าและความชั่วร้าย ทำให้สภาพโดยรวมเสื่อมโทรมจนถูกแซงโดยประเทศคู่แข่ง ส่งเสริมอุตสาหกรรมไม่ลืมหูลืมตา ลืมมรดกของชาติ ปล่อยให้ขนสารพิษเข้ามาถมแผ่นดิน

ถ้าไม่ใช่การบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ ขายชาติ จะให้เรียกว่าอะไร?

ทุกวันนี้ยังกู้เงินมาใช้จ่ายในโครงการประชานิยมถมไม่เต็ม จมไม่ลง เพื่อให้ชาวบ้านหลงคารมลูกเล่น เพื่อให้ตัวเอง พวกพ้อง และกลุ่มผลประโยชน์ได้คงอยู่กอบโกยความมั่งคั่งในความเสื่อมโทรมของโครงสร้างทุกด้าน ชาวบ้านอกไหม้ไส้ขม

วันก่อนคนเหลิงอำนาจคุยฟุ้งว่าประเทศไทยเป็นผู้ให้กู้แล้ว เพราะไม่ต้องกู้ไอเอ็มเอฟ พูดแบบไม่อายฟ้าดิน ในความเป็นจริงต้องสร้างหนี้เพิ่มเกือบทุกปีเกือบ 5 แสนล้านบาท ทิ้งมรดกบาปให้คนรุ่นหลัง ทำกันอย่างไม่อาย ไร้จิตสำนึกดีงาม

นโยบายปนเปื้อนพิษของประชานิยมกว่า 5 ปี ทำให้เศรษฐกิจของประเทศอยู่ในสภาพตายซาก พวกท่านมีศักยภาพการทำลายล้างในระดับไม่ธรรมดาจริงๆ!
กำลังโหลดความคิดเห็น