xs
xsm
sm
md
lg

ฮ่องกง...กับความเป็นประชาธิป-ตาย!!!

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท


ชาวฮ่องกงเลือกตั้งสมาชิกสภาเขต เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา
หายหน้า-หายตาไป 1 วัน...ด้วยเหตุเพราะอาการเดิมๆ นั่นแหละทั่น คือ “ไขข้ออักเสบ” กลับมาปิดฉากสัปดาห์นี้ เลยคงต้องพยายามขวนขวายหาเรื่องเบาๆ สบายๆ มาพูดจาว่ากล่าวกันดูมั่ง และคงไม่มีอะไรดีไปกว่า การไปหยิบเอาข้อชี้แนะ ชี้นำ ของอภิมหาพระอย่าง “ท่านพุทธทาสภิกขุ” ที่ “น้าเนาว์-ของเราเอง” (เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์) ท่านเคยรจนาไว้เป็นบทกวีประมาณว่า “พุทธทาส นามท่านปานขุนเขา-ทว่าเบาสบายอย่างว่างน้ำหนัก” อะไรประมาณนั้น มาย้อนคิดพิจารณาทบทวนกันดู...

คือท่านอาจารย์ “พุทธทาส” นั้น...ไม่ว่าท่านจะทะลุโลกุตระ พ้นโลกียะไปนานแล้ว แต่ท่านก็ได้ฝากข้อคิดในทางโลกย์ แบบชนิดย้ำนักย้ำหนามาโดยตลอด ขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ถึงสิ่งที่บรรดาชาวโลกมักคิดๆ กันเอาเอง ว่าเป็นสิ่งวิเศษ วิเสโส ชนิดทาก็ได้ อมก็ได้ ทาผัวเมียหาย ทาแม่ยายพ่อตาฟื้น ดม-หยอด-สอด-เสียบ ได้ในทุกๆ เรื่อง หรือสิ่งที่เรียกๆ กันว่า “ประชาธิปไตย” ทั้งหลายนั่นแล แต่ในทัศนะมุมมองของ “ท่านพุทธทาส” แล้ว ท่านกลับมองว่า...“ประชาธิปไตย...ที่ว่าของประชาชน เพื่อประชาชน โดยประชาชนนั้น ใช้ได้ก็แต่เฉพาะประชาชนที่มีธรรมเท่านั้น เพราะถ้าประชาชนไม่มีธรรม มันก็ย่อมกลายเป็นประชาธิป...ตาย เท่านั้นเอง” หรือ “ประชาธิปไตย ต้องมีเพื่อลดหรือป้องกันความเห็นแก่ตัว ถ้าเห็นแก่ตัว ก็มีแต่ประชาธิป...ตายโดยไม่รู้สึกตัว ความไม่เห็นแก่ตัวจึงเป็นรากฐานของประชาธิปไตย ประชาธิปไตยแท้...จึงมีแต่ความไม่เห็นแก่ตัว ซึ่งเป็นของมีได้ยาก สำหรับปุถุชนสมัยนี้ ที่ล้วนแต่หันไปบูชาวัตถุ...” ฯลฯ อะไรประมาณนั้น...

ดังนั้น...โดยความคิด ความเห็น ข้อชี้แนะ ชี้นำของอภิมหาพระอย่าง “ท่านพุทธทาส” นั้น น่าจะสามารถนำไปใช้เป็นคำตอบ คำอธิบายถึง “การเลือกตั้งฮ่องกง” ที่เพิ่งผ่านไปเมื่อต้นอาทิตย์ที่ผ่านมา (24 พ.ย.) ได้เป็นอย่างดี โดยแทบไม่ต้องเสียเวลาไปวิเคราะห์เจาะลึก อะไรมาก ว่าเหตุใดผู้คนจำนวนประมาณ 71 เปอร์เซ็นต์ ของผู้สิทธิ์เลือกตั้งประมาณ 4.1 ล้านคน ในเกาะเล็กๆ ที่อยู่ห่างจาก “แผ่นดินใหญ่” ซึ่งมีคนจีนด้วยกันอาศัยอยู่ประมาณนับพันล้านคน ถึงได้ตัดสินใจเทคะแนนเสียงแบบชนิดถล่มทลายให้กับ “สมาชิกสภาเขต” ฝ่ายที่ “โปรประชาธิปไตย” ไม่ใช่ “โปรปักกิ่ง” เข้ามานั่งในสภาเขตเกือบ 400 ที่นั่ง จากจำนวน 479 ที่นั่ง โดยไม่ได้คิดจะสนใจต่อความเหี้ยมโหดอำมหิต ผิดมนุษย์มนาของบรรดา “นักประชาธิปไตยชาวฮ่องกง” ที่ออกมาไล่ทุบ ไล่เผา อาคารร้านค้า สถานที่สาธารณะ ไล่เหยียบ ไล่กระทืบ ไล่แทง ผู้ที่มีทัศนคติผิดแผกแตกต่างไปจากตัวเอง หรือแม้กระทั่งสาดน้ำมันใส่แล้วจุดไฟเผา ผู้ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ หรือผู้ที่เพียงแต่พยายามออกมาปรามๆ บรรดา “กุมารฮ่องกง” ทั้งหลายให้เห็นแก่ความเป็นคนจีน หรือ “เพราะเราทั้งหลายต่างก็เป็นคนจีนไปด้วยกันทั้งนั้น” จนบาดเจ็บปางตาย ตื่นขึ้นมาจำกระทั่งลูกสาวตัวเองแทบไม่ได้ ต้องตกในความเจ็บปวดทางร่างกายและจิตใจ ไปอีกตราบนานเท่านาน...ฯลฯ...

เรียกว่า...บรรดาความเหี้ยมโหดอำมหิต ความ “หัวร้อน” ของบรรดา “นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย” ชาวฮ่องกงทั้งหลาย ที่สร้างความเดือดร้อนวุ่นวายให้กับใครต่อใครมาร่วมครึ่งปีเข้าไปแล้ว กลับกลายเป็นสิ่งที่บรรดา “ปวงชน” ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ของผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในเกาะเล็กๆ แห่งนี้ กลับพร้อมที่จะ “มองข้าม” หรือ “มองไม่เห็น” กันซะเฉยเลย แต่กลับหันไปยึดเอา “ประโยชน์ส่วนตน” หรือความเป็น “ตัวกู-ของกู” ของบรรดาชาวฮ่องกง ซึ่งอาจผิดแผกแตกต่างไปจากบรรดาชาวจีนโดยทั่วไปทั้งหลาย หรือความเป็นชาว “Hongkongers” มาเป็นสรณะซะยังงั้นความที่ไม่อยากจะถูกควบคุมบังคับ โดยบรรดา “ชาวจีนบ้านนอก” หรือชาวจีนในแผ่นดินใหญ่ที่อยู่ภายใต้การปกครองของคอมมิวนิสต์ ผู้ที่เคยอดอยาก ยากจน ล้าหลัง ล้าสมัย มาโดยตลอด ไม่ “เดวิด เจียง” ไม่ “อเล็กซานเดอร์ ฉี่เฉียงเฉียง” ไม่ “โรเบิร์ต ฉู่” หรือ “ฟรานซิส เยี่ยว” ฯลฯ หรือไม่ดูเป็น “ฝรั่ง” เอาเลยแม้แต่นิด มันเลยทำให้ความเป็น “ประชาธิปไตย” ของเกาะฮ่องกง จึงออกไปทาง “ประชาธิป...ตาย” อย่างที่ท่านพุทธทาส ท่านว่าไว้ อย่างเห็นได้ชัด...

หรือพูดง่ายๆ ว่า...ก็ด้วยเหตุเพราะ “ความเห็นแก่ตัว” หรือความเป็น “ตัวกู-ของกู” นั่นเอง ที่ทำให้บรรดาชาวฮ่องกงทั้งหลาย รู้สึกว่าตัวเองมีความผิดแผกแตกต่างไปจากบรรดาชาวจีนในแผ่นดินใหญ่ ที่แม้เป็นชาวจีนด้วยกัน หรือแม้จะมีโคตรพ่อ โคตรแม่ มาจากสายเลือดเดียวกันก็ตามแต่ จนทำให้แม้แต่คนงานก่อสร้างชาวฮ่องกง ผู้มีชื่อสกุลว่านาย “Lee” ยังต้องกลายเป็น “ศัตรู” หรือต้องตกเป็น “เหยื่อ” ถูกราดน้ำมัน จุดไฟเผา เพียงเพราะพยายามตอกย้ำถึง “ความเป็นคนจีนด้วยกัน” แต่เพียงเท่านั้น ยิ่งเมื่อความเห็นแก่ตัว ในลักษณะที่ว่านี้ มันถูกบ่มเพาะ ปลูกฝัง และถูกกระตุ้น ด้วยจุดมุ่งหมายทางการเมือง เศรษฐกิจ ไปจนถึงการเอาชนะคะคานกันระหว่างประเทศต่อประเทศ การเลือกตั้งสมาชิกสภาเขตในเกาะฮ่องกง มันจึงกลายเป็นการเลือกตั้งตามระบอบ “ประชาธิป...ตาย” ไม่ใช่ “ประชาธิปไตย” ในความหมาย ที่ “ท่านพุทธทาสภิกขุ” ท่านสรุปไว้ว่าเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง หรือประชาธิปไตยที่ไม่มีความเห็นแก่ตัวเป็นที่ตั้ง ประชาธิปไตยที่ประชาชนมี “ธรรม” เป็นเครื่องยึดมั่น ไม่ใช่ประชาชนผู้หันไป “บูชาวัตถุ” กันเป็นหลัก...

เพราะด้วยความเป็น “ตัวกู-ของกู” หรือความเป็นชาว “Hongkongers” นั้น...ใครที่เคยเป็นแฟนหนัง “ชอว์ บราเดอร์ส” คงสรุปได้ไม่ยากส์ส์ส์ว่า มันน่าจะเป็นไปในลักษณะไหน คือไม่เพียงแต่มักออกไปทางฆ่ากันแล้วฆ่ากันอีก ทรยศ หักหลัง มุ่งแต่จะล้างแค้นให้พ่อ ให้แม่ ให้ครูบาอาจารย์ ให้ศิษย์พี่ ศิษย์น้อง ชนิดเลือดท่วมจอมาโดยตลอด ยังหนักไปทางบูชาวัตถุ บูชาฝรั่ง จนอาจเป็นอะไรที่ซึมลึกลงไปถึงเนื้อ ถึงกระดูก เอาเลยถึงขั้นนั้น ความเป็นประชาธิปไตยในเกาะฮ่องกง มันจึงมีโอกาสกลายสภาพเป็น “ประชาธิป...ตาย” ได้ไม่ยากส์ส์ส์ และด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่มันจำต้องอาศัย “ระบบ” อื่นๆ คอยถ่วง คอยรั้ง เอาไว้มั่ง แม้ว่าระบบที่ว่านั้น จะหนักไปทาง “เผด็จการ” ก็ตามที แต่ถ้าหากมันเป็นเผด็จการที่ยังพอหลงเหลือสิ่งที่เรียกว่า “ธรรมะ” ติดปลายนวมเอาไว้มั่ง ก็ท่านอาจารย์ “พุทธทาส” อีกนั่นแหละ ท่านสรุปไว้แบบ “ฟันธง” และ “ฟันเฟิร์ม” โดยไม่คิดจะลังเลเอาเลยแม้แต่น้อยว่า “เผด็จการโดยธรรม” ยังถือเป็นอันใช้ได้ หรือยังดีกว่า “ประชาธิปไตยที่ปราศจากธรรม”...

ดังที่ท่านได้อธิบายเสริมเพิ่มเติมด้วยคำพูดที่ว่า... “ในโลกนี้ จะให้ลัทธิไหนครองโลกก็ไม่สำคัญ ขอแต่ให้เป็น...คนดี...ก็พอแล้ว คนดี...เผด็จการ ก็เผด็จการไปในทางที่ดี ทางที่นำไปสู่ความเจริญอันแท้จริง คนดี...ถ้าเป็นประชาธิปไตย ก็พร้อมเพียงกันทำดีโดยไม่ต้องสงสัย แต่ถ้าคนชั่วแล้ว...แม้เป็นประชาธิปไตย ก็มีแต่จะนอนหาความสำราญกันทั่วไปหมด ในที่สุดก็ล่มจม ฉะนั้นขอแต่ให้เป็นคนดี(มีธรรมะ)อย่างเดียวเท่านั้น จะซ้าย หรือขวา ย่อมใช้ได้ด้วยกันทั้งนั้น” ด้วยเหตุนี้...ขณะที่ “เผด็จการคอมมิวนิสต์” ได้ใช้เวลาประมาณ 40 ปี ช่วยให้ชาวจีนไม่น้อยกว่า 100 ล้านคน พ้นจาก “สภาวะความยากจน” โดยมีข้อพิสูจน์ ยืนยันอย่างเห็นได้ชัด หรืออย่างที่องค์กรระดับโลกพร้อมให้ความยอมรับอย่างจริงๆ จังๆ โดยในช่วงระยะเวลาเดียวกัน “ประชาธิปไตยในเกาะฮ่องกง” กลับนำมาซึ่งความไม่เท่าเทียมกัน นำมาซึ่งช่องว่างระหว่างคนรวย-คนจน ชนิดก่อให้เกิดความหนักหนาสาหัส หนักยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ชัยชนะของฝ่าย “ประชาธิป...ตาย” ในเกาะฮ่องกงทุกวันนี้ จึงสามารถนำไปใช้เป็นคำตอบ คำอธิบาย โดยแทบไม่ต้องเสียเวลาวิเคราะห์ เจาะลึก อะไรกันมากมาย ว่าเหตุใดถึงความเป็น “หนึ่งประเทศ-สองระบบ” จึงเป็นสิ่งที่ยังมีความสำคัญเอามากๆ ต่อบรรดาชาวจีน หรือแม้แต่มวลมนุษย์ในส่วนอื่นๆ ที่อาจหยิบมาเป็นอุทาหรณ์สอนใจได้บ้าง ไม่ว่ามากหรือน้อย...


กำลังโหลดความคิดเห็น