xs
xsm
sm
md
lg

ดรามาฉากใหม่น่ากลัวกว่าเยอะ...!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

"โสภณ องค์การณ์"

ดรามาการเมืองฉากแรกจบลงไปแล้วสำหรับหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นการสิ้นสภาพ ส.ส. อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคม จากนี้ไป จะเป็นฉากใหม่สำหรับคดีอื่นๆ ค้างคาอยู่ ดูแล้วยิ่งกว่าต้องให้ปาฏิหาริย์ช่วย

ที่ผ่านมาอภินิหารทางกฎหมายจะเกิดขึ้นเฉพาะฝ่ายที่กุมอำนาจรัฐเท่านั้น!

คดีที่เหลือน่าหวาดเสียวมาก เป็นความเสี่ยงสำหรับอิสรภาพของธนาธร เป็นคดีอาญา รุนแรงถึงขั้นติดคุกเสียค่าปรับ และจบสิ้นอนาคตทางการเมือง ส่งผลกระทบต่อพรรคการเมือง จะโอดครวญขอความเห็นใจจากใครก็ไม่ได้ด้วย

ผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญไม่ถือว่าเหนือความคาดหมายในกลุ่มพวกกูรู และกูรู้วงใน ถ้าจะมีประเด็นน่าแปลกใจบ้างคือ เสียงตุลาการไม่เป็นเอกฉันท์ เป็น7-2 เท่ากับว่ามี 2 เสียงไม่เห็นด้วยกับเสียงส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่มีความหมายมากนัก

ไม่ใช่สาระสำคัญด้วย เพราะเปลี่ยนคำตัดสินของศาลไม่ได้ จะเป็นประโยชน์สำหรับการถกเถียงในกลุ่มผู้มีความสงสัยในข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง แต่ใครคิดอยากตั้งวงวิพากษ์วิจารณ์นอกจากแวดวงวิชาการ เอาให้ถึงแก่นก็ทำไม่ได้

เรื่องนี้ทำให้คนมีความคิดเห็นอย่างน้อย 3 ฝ่าย มีฝ่ายกองเชียร์พรรคอนาคตใหม่ พวกที่อยู่เฉย ไม่ใส่ใจการเมือง ใครจะเป็นจะตายก็ช่าง และพวกที่มองว่าธนาธรคงต้องจอดป้ายอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่เคยถูกศาลรัฐธรรมนูญห้ามทำหน้าที่ ส.ส.

ธนาธรยังปลอบใจตัวเองด้วยคำพูดแลความหวังที่ว่าตัวเองยังมีสิทธิ์เป็นคู่ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ แต่ดูสภาพแล้วต้องถือว่าเป็นความหวังริบหรี่เว้นแต่จะหลุดพ้นจากข้อกล่าวหาซึ่งยังค้างคาอยู่เท่านั้น นั่นต้องอาศัยปาฏิหาริย์อย่างที่ว่า

เมื่อสิ้นสภาพ ส.ส. คนทั่วไปและผู้สนับสนุนอยากรู้ว่าจากนี้ไปธนาธรและพรรคอนาคตใหม่จะเคลื่อนไหวอย่างไรนอกสภา ถ้ายังไม่มีคำสั่งยุบพรรค

ยังมีคนมองไปไกลไปด้วยว่าถ้าเคลื่อนไหวนอกสภาในกลุ่มมวลชนผู้สนับสนุน และมีกลุ่มอื่นๆ ผสมโรงด้วย จะถึงขั้นเกิดปัญหาวุ่นวายในการชุมนุมหรือไม่ ทำให้เกิดความกังวลว่าบ้านเมืองอาจหวนคืนไปสู่สภาพก่อนการรัฐประหารในปี 2557

พรรคอนาคตใหม่ แม้จะอ้างว่ามีผู้สนับสนุนมากกว่า 8 ล้านคนในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ยังต้องดูว่าเป็นฐานแข็งแกร่งของแท้ หรือเป็นเพียงกระแสชั่ววูบ จะเคลื่อนไหวอย่างมีศักยภาพ มีพลังกดดันอย่างที่เคยมีก่อนรัฐประหาร ไม่ใช่เรื่องง่าย

ประเด็นการเมืองปัจจุบัน แม้จะอยู่ในสภาวะน้ำเน่าด้อยพัฒนาอย่างไรก็ยังไม่เป็นชนวนให้เกิดการชุมนุมประท้วง หรือลุกฮือขึ้นของประชาชนดังที่เคยเกิดขึ้นและกำลังเป็นอยู่ในหลายประเทศ หัวเชื้อสำคัญทางการเมืองยังไม่แรงพอ ไร้เหตุปัจจัย

แต่ที่น่าห่วงคือการที่ประชาชนจะแสดงออกถึงความไม่พอใจเพราะความทุกข์ยากจากปัญหาเศรษฐกิจซบเซาเรื้อรัง เงินฝืดและคนไม่มีรายได้ มองไม่เห็นอนาคต พวกมีรายได้ก็ไม่อยู่ในระดับที่จะรอดจากความลำบาก เป็นชาวบ้านที่ขาดกำลังซื้อ

ต้องยอมรับว่าในช่วงกว่า 5 ปีที่ผ่านมา มาตรการต่างๆ และสภาพเศรษฐกิจถดถอยโดยทั่วไปได้ทำให้คนต้องดิ้นรน มีหนี้สินเพิ่ม ดังจะเห็นตัวเลขหนี้ครัวเรือน อยู่ในสภาพตีนถีบปากกัด รายได้ชักหน้าไม่ถึงหลัง หาเช้าจนค่ำแล้วยังไม่มีจะกิน

การลุกฮือของประชาชนจากปัญหาเศรษฐกิจดังที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ ทำให้รัฐบาลขาดความชอบธรรมที่จะอยู่ต่อ เพราะมองไม่เห็นทางออกว่าจะดีขึ้นได้

ในบ้านเรา สภาวะความแร้นแค้นฝืดเคืองได้กระจายไปทั่วทุกหย่อมหญ้า คนทั่วไปในระดับต่ำกว่าชนชั้นกลางกำลังเผชิญแรงกดดัน จากปัญหาค่าครองชีพและมาตรฐานของชีวิตตกต่ำ ความลำบากในการรักษาระดับรายได้ ไม่เห็นทางฟื้นตัว

คนมีเงินดิ้นรนจะรักษารายได้ หรือหาทางเพิ่มขึ้น ดอกเบี้ยเงินฝากไม่ใช่ทางเลือก ต้องตกเป็นเหยื่อขบวนการต้มตุ๋นต่างๆ เช่นวงแชร์ลูกโซ่ สารพัดวิธีของการโกงโดยพวกอาศัยความโลภของคน ความเสียหายจนถึงกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท

ความซบเซา ตายซากของสภาพเศรษฐกิจได้ยืดเยื้อเรื้อรังมาตั้งแต่เริ่มยุค คสช. และสืบทอดโดยรัฐบาลลุงประชานิยม สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริหารรัฐบาลไม่มีฝีมือความสามารถและยุทธศาสตร์อย่างแท้จริง อาศัยอำนาจกดหัวชาวบ้านไม่ให้โวย

การใช้นโยบายประชานิยม หว่านเงินก้อนใหญ่จากงบประมาณและการกู้ซ้ำซากไปทุ่มในแบบตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ หรือฉีดยาโด๊ปม้าป่วยให้ลุกวิ่งนั้น เป็นเรื่องที่ฝืนความเป็นจริง เป็นหนทางนำไปสู่หายนะดังที่ได้เกิดขึ้นในประเทศอื่นๆ

คนมองโลกในแง่ดีเชื่อว่าการลุกฮือของประชาชนจากปัญหาความยากจนเป็นไปไม่ได้ ผู้กุมอำนาจรัฐเอาอยู่ มีกฎหมายกดหัวห้ามเคลื่อนไหว แต่ตัวอย่างที่เกิดขึ้นในละตินอเมริกา ตะวันออกกลางและยุโรปบางประเทศ เป็นหลักฐานให้เห็น

ถ้าจะดิ้นรนหาช่องทางเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ก็ต้องเปลี่ยนตัวคณะผู้บริหารประเทศเสียก่อน ถ้าปล่อยให้ยืดเยื้อเรื้อรังอย่างนี้สถานการณ์จะไม่มีวันดีขึ้นแน่

ปัญหาการเมือง เศรษฐกิจและสังคม เชื่อมโยงกัน แยกกันไม่ออกก็จริงอยู่ แต่การเปลี่ยนแปลง 3 เรื่องนี้จะมีพลังพอกัน โดยเฉพาะเรื่องปัญหาปากท้อง

พวกที่ยังอยู่สุขสบาย ไม่มีปัญหาเรื่องเงินทองทรัพย์สิน ก็จะถามว่าจะเอากันอีกแล้วหรือ จะชุมนุมปั่นป่วนวุ่นวายกันอีกแล้วหรือ ก็อาจจะมีเสียงสวนกลับมาว่า แล้วจะปล่อยให้สภาพการรวยกระจุก โกงกระจุก จนกระจายเป็นอย่างนี้ต่อไปหรือ

หรือจะตะโกนดังๆ ว่า จะให้ผู้มีอำนาจผลาญเงินผ่านนโยบายประชานิยมถมไม่เต็ม สร้างหนี้สินเพิ่มหลายแสนล้านบาททุกปี จนบ้านเมืองล่มจมหรืออย่างไร

ความไม่พอใจจากความหิว ความแร้นแค้น ปัญหาปากท้อง การด้อยโอกาส ความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ ทำให้คนไม่มีทางเลือก กล้ารวมตัวลุกฮือขึ้นดังเช่นที่เห็นในหลายประเทศ ต่อให้ผู้นำมีอำนาจ แจกโครงการประชานิยมอย่างไรก็จะเอาไม่อยู่

ยิ่งชาวบ้านรู้ซึ้งว่าพวกกุมอำนาจโกงมาก กินมาก วางแผนอยู่กินยาวด้วยแล้วคนรู้ทันคงไม่ปล่อยให้พวกกังฉินอยู่สุขสบายล้างผลาญจนบ้านเมืองล่มสลายแน่


กำลังโหลดความคิดเห็น